เดอะเบสท์ แนะแนวเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร

เรียนต่อเยอรมัน

เรียนต่อเยอรมัน | เรียนต่อแพทย์หลักสูตรอินเตอร์ หลักสูตร 6 ปี ที่เยอรมัน กับมหาวิทยาลัย (UMCH) UNIVERSITY TARGU MURES MEDICAL CAMPUS HAMBURG มหาวิทยาลัยการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี จบพร้อมทำงานทั่วโลก การันตีคุณภาพ | ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย

สารบัญบทความ

Last updated มกราคม 23, 2025 ago by Thebestedu

ประเทศเยอรมนีเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดีเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากญี่ปุ่น บริษัทในเยอรมันที่มีธุรกิจไปทั่วโลก อย่างเช่น Mercedes Benz, BMW, Porsche, Volkswagen, Audi, Siemens เป็นต้น มีตลาดหลักทรัพย์ในประเทศ 8 แห่ง โดยตลาดหลักทรัพย์แฟรงค์เฟิร์ต เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี และเป็นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่า ระบบการศึกษาของประเทศเยอรมนีอยู่ในอันดับ TOP 5 ประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก มหาวิทยาลัยทุกแห่งทั้งรัฐบาล และเอกชนล้วนมีคุณภาพในระดับนานาชาติ หลักสูตรทุกหลักสูตรโดยเฉพาะด้านวิศวกรรม และการแพทย์มีคุณภาพสูง เปิดสอนทั้งหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาเยอรมัน หลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ และหลักสูตรสองภาษา  มีสถาบันวิจัยหลายแห่ง ที่วิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน สิ่งประดิษฐ์หลายสิ่ง เช่น ยานยนต์ ก็ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศเยอรมนี

มหาวิทยาลัย UMCH สามารถสมัครเรียน ชำระค่าธรรมเนียมการสมัคร ส่งเอกสาร เเละสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ เมื่อผ่านเเล้วสามารถเริ่มเรียนได้เลย อยากเรียนมหาวิทยาลัยสายการเเพทย์ ประเทศเยอรมนี เดอะเบสท์เป็นตัวเเทนอย่างเป็นทางการ ปรึกษาเดอะเบสท์ได้เลย!!

University Targu Mures Medical Campus Hamburg (UMCH)


University Targu Mures Medical Campus Hamburg (UMCH) เป็นมหาวิทยาลัยแพทย์เอกชนที่ตั้งอยู่ในเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี (อยู่ในย่านศูนย์กลางด้านวิทยาศาสตร์ที่ได้รับฉายาว่า “Science City”)

มหาวิทยาลัย UMCH เป็นวิทยาเขตใหม่ของมหาวิทยาลัย Universitatea de Medicină, Farmacie, Științe și Tehnologie (UMFST) ที่มีชื่อเสียง และมีความเป็นเลิศในด้านการวิจัย สอนมาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี UMFST เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ตั้งอยู่ในเมือง Targu Mures ในโรมาเนีย ในภูมิภาคทรานซิลวาเนีย ด้วยนักศึกษามากกว่า 11,000 คน เปิดสอน 3 คณะวิชาแพทย์ (เวชศาสตร์มนุษย์ ทันตแพทยศาสตร์ และเภสัชศาสตร์) และมหาวิทยาลัย UMCH ยังเป็นมหาวิทยาลัยการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี

ทำไมควรเลือกเรียนที่ UMCH

  • ปริญญาได้รับการรับรองในระดับนานาชาติ: ปริญญาสาขาแพทย์จากมหาวิทยาลัย UMCH ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
  • ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการเรียนการสอน: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอยากเป็นหมอ และต้องการเรียนในแวดล้อมแบบนานาชาติ
  • หลักสูตรเข้มข้นเน้นการปฏิบัติจริง: เน้นการฝึกทักษะการปฏิบัติจริง เรียนรู้แบบลงมือทำเป็นกลุ่ม เพื่อพร้อมสำหรับการเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ชั้นเรียนขนาดเล็ก: การสนับสนุน คำแนะนำอย่างใกล้ชิด อาจารย์สามารถตอบคำถามและให้คำแนะนำได้ตรงตามความต้องการ ส่งเสริมการพัฒนาความสามารถได้อย่างเต็มที่
  • เน้นการดูแลนักเรียนแต่ละคน: นักเรียนเเต่ละคนจะได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อให้ประสบความสำเร็จในด้านการเรียน
  • สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย: มหาวิทยาลัยมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และเป็นระบบดิจิทัล
  • สภาพแวดล้อมที่หลากหลายทางวัฒนธรรม: ได้พบปะ เรียนรู้ร่วมกับนักศึกษากว่า 40 สัญชาติ
  • การฝึกงานทางคลินิกในโรงพยาบาลของรัฐบาลเยอรมนี: ได้รับประสบการณ์ที่มีค่าผ่านการฝึกงานจริงในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยของรัฐบาลเยอรมนี
  • โอกาสในการประกอบอาชีพ: ประเทศเยอรมนีมีเศรษฐกิจที่ดี บริษัทชั้นนำระดับโลกมากมาย มีโอกาสสูงในอาชีพ

มหาวิทยาลัย UMCH ตั้งอยู่ที่ไหน?

 

เมืองฮัมบวร์ก

เมืองฮัมบวร์ก เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเบอร์ลิน เป็นเมืองที่คึกคัก มีชีวิตชีวา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Elbe มีชื่อเสียงในด้านประวัติศาสตร์อันยาวนานเกี่ยวกับทางทะเล ท่าเรือที่ครื้นเครง และความหลากหลายทางวัฒนธรรม ฮัมบวร์กเป็นเมืองนานาชาติ การเดินทางสะดวกสบาย สามารถเดินทางไปยังเมืองสำคัญอื่น ๆ ในยุโรปได้ง่าย เช่น ลอนดอน ปารีส และโรม เมืองแห่งนี้มีบรรยากาศที่ทันสมัย ผู้คนเป็นมิตร ถือเป็นศูนย์กลางสำคัญทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของเยอรมนี

มหาวิทยาลัย UMCH 

มหาวิทยาลัย UMCH ตั้งอยู่ในย่าน Bahrenfeld ซึ่งเป็นย่านใจกลางเมืองที่ได้รับความนิยม สามารถเดินไปยังสนามกีฬาและสถานที่จัดคอนเสิร์ตได้ นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ จะมีการสร้าง Science City ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวิทยาเขต ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมความก้าวหน้าและนวัตกรรมใหม่ ๆ

 


หลักสูตรที่เปิดสอน

หลักสูตร Medical Foundation Track at UMCH

Medical Foundation Track at UMCH (หลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาด้านการแพทย์) เปิดสอนหลักสูตรเพื่อช่วยนักเรียนเตรียมตัวสำหรับ เรียนต่อด้านสายการแพทย์ในอนาคต ภายในหลักสูตร มีการทบทวนความรู้พื้นฐานควบคู่ไปกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทักษะที่จะได้รับจากหลักสูตรมีประโยชน์อย่างมากต่อการเรียนในระดับที่สูงขึ้น

หลักสูตรทั้งหมดใช้ภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาทางวิชาการ ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกศัพท์เทคนิคทางการแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ เตรียมความพร้อมด้านทฤษฎี และการปฏิบัติของวิทยาศาสตร์การแพทย์ก่อนเริ่มการเรียนจริง ขณะเดียวกันยังได้พบปะผู้คนที่มีความคิดเห็นตรงกันอีกมากมาย

เมื่อเรียนจบหลักสูตรนี้ จะทำให้ได้รับการพิจารณาที่สูงขึ้น ในหลักสูตร Medicine มหาวิทยาลัย UMCH

จุดเด่นของหลักสูตร Medicine

  • เสริมความรู้ในเวลาอันรวดเร็ว: เรียนรู้เนื้อหาเข้มข้น เสริมพื้นฐานให้แข็งแกร่ง
  • เตรียมพร้อมสอบเข้ามหาวิทยาลัย: หลักสูตรออกแบบมาเพื่อช่วยให้พร้อมสอบเข้าคณะแพทย์ และทันตแพทย์
  • เรียนที่วิทยาเขตมหาวิทยาลัยแพทย์: สัมผัสบรรยากาศการเรียนจริง ใกล้ชิดกับคณะแพทย์
  • กิจกรรมหลากหลาย: เข้าร่วมเวิร์คช็อป อีเว้นท์ เสริมความรู้ ประสบการณ์ และพบปะเพื่อนใหม่ที่หลากหลาย
  • ก้าวสู่อาชีพแพทย์: เริ่มต้นเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถเสริมการพิจารณาในการรับเข้าเรียนต่อคณะแพทย์ และทันตแพทย์ได้
  • วิทยากรผู้เชี่ยวชาญ: เรียนรู้จากอาจารย์แพทย์ และทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์
  • สร้างมิตรภาพและคอนเนคชั่น: ได้พบปะเพื่อนใหม่ที่มีจุดมุ่งหมายที่เหมือนกัน
  • สถานที่ตั้งของมหาวิทยาลัย: เรียนไป เที่ยวไป สัมผัสบรรยากาศเมืองสวย

เปิดสอนทั้งแบบ On-site และ Online

สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมที่สถาบันได้ UMCH ได้เตรียมหลักสูตรแบบออนไลน์ให้ นักเรียนสามารถเรียนได้จากทุกที่ สะดวกสบาย ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ นักเรียนจะไม่พลาดเนื้อหาเรียน เพราะสามารถเข้าร่วมคลาสสดผ่านระบบ Live Streaming ทำให้เตรียมตัวสอบเข้าแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อดีของการเรียนแบบ Online

  • ยืดหยุ่น สะดวกสบาย เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา ตามตารางของนักเรียนเอง
  • มีทรัพยากรและเครื่องมือ มีสื่อการเรียนออนไลน์หลากหลายรูปแบบ ช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • มีปฏิสัมพันธ์ ถึงแม้จะเรียนออนไลน์ ก็ยังสามารถโต้ตอบถามกับอาจารย์ และเพื่อนร่วมชั้นได้
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องเสียค่าที่พัก
  • พัฒนาทักษะดิจิทัล การเรียนออนไลน์ ช่วยให้คุ้นเคยกับเครื่องมือ เทคโนโลยีต่างๆ เสริมสร้างทักษะดิจิทัล

มีระยะเวลาในการเรียนให้เลือกเรียน

หลักสูตรพื้นฐานทางการแพทย์ (3 สัปดาห์)

หลักสูตรพื้นฐานทางการแพทย์ (3 สัปดาห์)

หลักสูตร Medical Foundation Track ระยะเวลา 3 สัปดาห์ ครอบคลุมวิชาชีววิทยา, เคมี และฟิสิกส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตรนี้จะช่วยเสริมสร้าง และเสริมความรู้เดิมของผู้เรียนไปพร้อมกับเพิ่มทักษะใหม่ๆ ในด้านเหล่านี้ ตลอดหลักสูตรจะได้รับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เข้มข้น ซึ่งเป็นข้อกำหนดพื้นฐานสำหรับการศึกษาทางการแพทย์ ภายในระยะเวลาสั้นๆ

  • ระยะเวลาหลักสูตร: 3 สัปดาห์
  • เนื้อหาวิชา: ชีววิทยา กายวิภาคศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์
  • ภาษา: ภาษาอังกฤษ
  • ระยะเวลา: กรกฎาคม หรือ กันยายน
  • ประเภท: หลักสูตรเร่งรัด
  • จำนวนที่นั่งสำหรับผู้เข้าร่วม: สูงสุด 25 คน
  • ค่าใช้จ่าย: € 2,900

อ่านรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติม คลิกเลย!!

หลักสูตรพื้นฐานทางการแพทย์ (12 สัปดาห์)

หลักสูตรพื้นฐานทางการแพทย์ (12 สัปดาห์)

หลักสูตร Medical Foundation Track ระยะเวลา 12 สัปดาห์ ครอบคลุมวิชาชีววิทยา, เคมี, ฟิสิกส์, คณิตศาสตร์, ชีวเคมี, กายวิภาคศาสตร์ และทฤษฎีทางการแพทย์อีกด้วย ดังนั้นหลักสูตรนี้จะครอบคลุมถึงหัวข้อต่างๆ ที่ไม่ได้เรียนในโรงเรียน ส่งผลให้มีความพร้อมที่จะเริ่มเรียนสายการแพทย์ได้ง่ายขึ้นมาก

  • ระยะเวลาหลักสูตร: 12 สัปดาห์
  • เนื้อหาหลักสูตร: ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ชีวเคมี กายวิภาคศาสตร์ ทฤษฎีทางการแพทย์ ขั้นตอนการเตรียมตัวเข้าศึกษา การให้คำปรึกษารายบุคคล
  • ภาษา: ภาษาอังกฤษ
  • ช่วงเวลา: กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม / พฤษภาคม – กรกฎาคม
  • ประเภท: หลักสูตรเร่งรัด
  • จำนวนที่นั่งสำหรับผู้เข้าร่วม: สูงสุด 25 คน
  • ค่าใช้จ่าย: € 6,800

อ่านรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติม คลิกเลย!!

ข้อเเตกต่างระหว่างหลักสูตรพื้นฐานทางการเเพทย์ 3 สัปดาห์ และ 12 สัปดาห์

หลักสูตรระดับปริญญาตรี Medicine

เปิดสอนหลักสูตรแพทยศาสตร์ปริญญาตรีหลักสูตรเดียว หลักสูตรนี้มุ่งเน้นไปที่การให้นักศึกษาได้รับความรู้และทักษะที่จำเป็นในการประกอบวิชาชีพแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพ หลักสูตรนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล และมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทักษะทางคลินิก การคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจของนักศึกษา

  • ระยะเวลาการศึกษา: 6 ปี
  • ภาษาที่ใช้ในการเรียน: ภาษาอังกฤษ

จุดเด่นของหลักสูตร Medicine

  • การศึกษาที่มุ่งเน้นการปฏิบัติ หลักสูตรแพทยศาสตร์เน้นการปฏิบัติจริง หลักสูตรแพทยศาสตร์นี้ เน้นทั้งผู้ป่วย การปฏิบัติ พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ และการวิจัยเชิงนวัตกรรม หลักสูตรนี้มอบการศึกษาระดับอุดมศึกษาคุณภาพสูง โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก นักเรียนสามารถเริ่มเรียนได้ทันทีหลังผ่านขั้นตอนการรับสมัคร
  • จุดมุ่งหมายของการศึกษา หลักสูตรนี้มุ่งเน้นให้ความรู้พื้นฐานที่ครอบคลุมทุกด้าน รวมถึงฝึกฝทักษะที่จำเป็นสำหรับการประกอบวิชาชีพแพทย์ เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การเรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของร่างกาย ความผิดปกติของร่างกายมนุษย์ (รวมถึงสภาวะทางอารมณ์) ความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการวินิจฉัย การรักษา การป้องกันโรค การฟื้นฟูสภาพ และการพัฒนาการสื่อสาร
  • การเรียนในประเทศเยอรมนี 3 ปีแรกของการศึกษา นักศึกษาจะเรียนวิชาพื้นฐานบางส่วนที่มหาวิทยาลัย UMCH ภาคคลินิก (ปีที่ 3-6) นักศึกษาสามารถเลือกเรียนได้ในโรงพยาบาลที่ร่วมรายการทั่วประเทศเยอรมนี (Option A) หรือที่ Targu Mures (Option B) หลักสูตรแพทยศาสตร์ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 6 ปี ภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ ภาคปฏิบัติทางคลินิกจะอยู่ในโรงพยาบาลสอนโรคของรัฐบาลเยอรมนี โดยใช้ภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันผสมกัน
  • Bologna-conformity (ระบบโบโลญญา) การเรียนการสอนเริ่มต้นทุกปีในเดือนกันยายน แบ่งเป็น 2 ภาคการศึกษา (ฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว และ ฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน) ภาคการศึกษาละ 28 สัปดาห์ หลักสูตรแพทยศาสตร์ที่ UMCH ใช้ระบบ ECTS (European Credit Transfer and Accumulation System) ซึ่งเป็นระบบเครดิตที่ได้รับการยอมรับทั่วไปในยุโรป
  • การบูรณาการภาษาเยอรมัน UMCH ให้ความสำคัญกับการศึกษาแบบภาพรวม โดยมีการสอนภาษาเยอรมันฟรี!! เพื่อให้นักศึกษาสามารถใช้ภาษาเยอรมันได้อย่างคล่องแคล่วหลังสำเร็จการศึกษา หลักสูตรภาษาเยอรมัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรแพทยศาสตร์ มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะทางภาษาที่จำเป็นสำหรับการทำงานด้านการแพทย์ในประเทศเยอรมนี ใน 2 ปีแรก นักศึกษาจะเรียนภาษาเยอรมันเพิ่มเติม เพื่อให้มีความรู้พื้นฐานในระดับ B Level พื้นฐานด้านภาษาเหล่านี้จะช่วยให้นักศึกษาปรับตัวได้ง่ายขึ้น เมื่อเข้าสู่การฝึกงานในโรงพยาบาล ซึ่งใช้ภาษาเยอรมันเป็นหลักตั้งแต่ปีที่ 3 ตลอดระยะเวลา 6 ปีของการศึกษา ทาง UMCH จะสนับสนุนให้นักศึกษามีความสามารถทางภาษาเยอรมันในระดับ C Level ความสามารถทางภาษาเหล่านี้จะช่วยให้นักศึกษาสามารถสมัครเรียนต่อเฉพาะทางในประเทศเยอรมนีได้ง่ายขึ้น หลักสูตรภาษาเยอรมัน ถือเป็นส่วนสำคัญของหลักสูตรแพทยศาสตร์ ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาสามารถทำงานในระบบสาธารณสุขของเยอรมนีได้อย่างราบรื่นหลังสำเร็จการศึกษา

หลักสูตรที่ได้เรียน

หลักสูตรแพทย์ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 6 ปี แบ่งเป็น ภาคทฤษฎี (preclinical) 2 ปีแรก และภาคปฏิบัติ (clinical) 4 ปี
  • ภาคทฤษฎี (ปีที่ 1 และ 2) สอนเป็นภาษาอังกฤษ ที่มหาวิทยาลัย  University campus in Hamburg
  • ภาคปฏิบัติ (ปีที่ 3 ถึง 6) สลับกันระหว่างเรียนที่มหาวิทยาลัยฮัมบูร์ก และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยชั้นนำของเยอรมัน (UMCH)
    • ก่อนออกฝึกงานที่โรงพยาบาล มีการเรียนภาคทฤษฎีเบื้องต้นที่มหาวิทยาลัยฮัมบูร์ก ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
    • การฝึกงานจริงที่โรงพยาบาล UMCH ใช้อังกฤษ หรือเยอรมัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

ทางเลือกเพิ่มเติม นักศึกษาสามารถเลือกเรียนภาคปฏิบัติ (ปีที่ 3 ถึง 6) ที่เมืองทาร์กู มูเรส ประเทศโรมาเนียได้ กรณีนี้ ทั้งการเรียนภาคทฤษฎีและการเรียนกับผู้ป่วย (bedside teaching) จะใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด

ปีที่ 1-2: ภาคปูพื้นฐาน (Pre-clinical)

สองปีแรกของการเรียนแพทย์เรียกว่า ภาคปูพื้นฐาน (pre-clinical) ภาคนี้มุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาสำหรับการเรียนภาคปฏิบัติในอนาคต โดยเน้นการเรียนแบบบรรยายและสัมมนา

  • เน้นพื้นฐาน: วิชานี้เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเรียนในปีต่อๆ ไป มุ่งเน้นการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักการทางชีวเคมี ชีวฟิสิกส์ โมเลกุล และ ชีววิทยาเซลล์ ที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์
  • กายวิภาคและสรีรวิทยา: ศึกษาโครงสร้างทางกายวิภาคและหน้าที่การทำงานของร่างกายมนุษย์
  • ทักษะเสริม: วิชาสังคมวิทยาและจิตวิทยาการแพทย์ การสื่อสารระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย และการเรียนรู้ศัพท์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นหัวข้อสำคัญที่ต้องเรียน

ในช่วงเวลานี้ นักศึกษาจะได้รับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวิชาชีพแพทย์ และได้รับความรู้ทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนภาคปฏิบัติในอนาคต

หมายเหตุ: ภาคปูพื้นฐาน (pre-clinical) ของมหาวิทยาลัย UMCH ไม่มีการสอบวัดความรู้เบื้องต้น (pre-medical exam) ซึ่งแตกต่างจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลในเยอรมนี

ปีที่ 3-6: ภาคปฏิบัติ (Clinical)

ภาคปฏิบัติ (Clinical) เริ่มตั้งแต่ปีที่ 3 ถึงปีที่ 6 ของการศึกษา โดยเน้นการเรียนรู้เกี่ยวกับโรคต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ ที่ UMCH นักศึกษาจะได้รับความรู้ทางทฤษฎีเกี่ยวกับเวชกรรมคลินิก โดยแบ่งการเรียนเป็นภาคละ 6-10 สัปดาห์ ที่มหาวิทยาลัย จากนั้นความรู้เหล่านี้จะถูกนำไปประยุกต์ใช้จริงในช่วงฝึกงานที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย UMCH การฝึกงานแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ ไม่เกิน 10 คน เพื่อให้นักศึกษาได้สัมผัสประสบการณ์การทำงานกับผู้ป่วยโดยตรง และเรียนรู้ความแตกต่างของสาขาเวชกรรม

วิชาหลักที่เน้นในภาคปฏิบัติ ได้แก่ พยาธิวิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา เภสัชวิทยา ประสาทวิทยา จักษุวิทยา โสต นาสิក ลaryngology สูติ-นรีเวชวิทยา ยาเย็น (urology) และ ปอดวิทยา (pneumology)

นอกจากนี้ ภาคปฏิบัติยังมุ่งเน้นไปที่วิชาสหวิทยาการ ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่สาขาใดสาขานึง แต่มีความเกี่ยวข้องกับสาขาเวชกรรมต่างๆ เช่น เวชกรรมฉุกเฉิน หรือ บทนำสู่เทคนิคการถ่ายภาพทางการแพทย์ (เอกซ์เรย์, CT Scan เป็นต้น)

การศึกษาภาคปฏิบัติ ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายของหลักสูตร จะจบลงด้วยการทำวิทยานิพนธ์และการสอบข้อเขียนเป็นภาษาอังกฤษ

หลักสูตรที่ได้เรียนในเเต่ละปีการศึกษา

ปีที่ 1

ปีการศึกษาที่ 1 จะเป็นการปูพื้นฐานทางการแพทย์

ปีแรกของการเรียนถือเป็นการปูพื้นฐานทางการแพทย์ นักศึกษาจะได้เรียนรู้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ วิชาหลักที่เรียน ได้แก่ กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา ชีววิทยาเซลล์และโมเลกุล และชีวเคมี นักศึกษาควรเรียนรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ที่จะนำความรู้จากวิชาพื้นฐานทางคลินิกไปประยุกต์ใช้ในบริบทของคำถามทางคลินิก
  • กายวิภาคศาสตร์ (Anatomy): ศึกษาโครงสร้างของร่างกายมนุษย์
  • สรีรวิทยา (Physiology): ศึกษาการทำงานของร่างกายมนุษย์
  • ชีววิทยาศาสตร์ระดับเซลล์และโมเลกุล (Cell and Molecular Biology): ศึกษาโครงสร้างและการทำงานของเซลล์
  • เคมีชีวภาพ (Biochemistry): ศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของร่างกายมนุษย์

นอกจากนี้ นักศึกษายังจะได้ฝึกการประยุกต์ความรู้พื้นฐานทางทฤษฎีเหล่านี้ ไปใช้แก้ปัญหาทางคลินิกเบื้องต้น

อยากเรียนหมอติดต่อเดอะเบสท์ ไม่มีค่าดำเนินการ ฟรีค่าปรึกษา คลิกเลย!

ปีที่ 2

ปีที่ 2 ของการศึกษา นักศึกษาจะเรียนวิชาเกี่ยวกับ

นักศึกษาเรียนเกี่ยวกับหัวข้อ พันธุศาสตร์ และเนื้อเยื่อวิทยา นอกจากนี้ ยังได้เรียนวิชาเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลและการสื่อสารระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย

  • พันธุศาสตร์ (Genetics)
  • เนื้อเยื่อวิทยา (Histology)
  • การปฐมพยาบาล (First Aid)
  • การสื่อสารระหว่างแพทย์กับผู้ป่วย (Doctor-Patient Communication)

อยากเรียนหมอติดต่อเดอะเบสท์ ไม่มีค่าดำเนินการ ฟรีค่าปรึกษา คลิกเลย!

ปีที่ 3

ปีที่ 3 ของการศึกษา นักศึกษาจะเรียนวิชาเกี่ยวกับ

นักศึกษาจะเน้นการเรียนเกี่ยวกับ เภสัชวิทยา อาการแสดงทางการแพทย์ ศัลยศาสตร์ พยาธิวิทยา จุลชีววิทยา ภูมิคุ้มกันวิทยา และวิธีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

  • เภสัชวิทยา (Pharmacology)
  • อาการแสดงทางการแพทย์ (Medical Semiology)
  • อาการแสดงทางศัลยศาสตร์ (Surgical Semiology)
  • โรควิทยา (Pathology)
  • แบคทีเรียวิทยา (Bacteriology)
  • ภูมิคุ้มกันวิทยา (Immunology)
  • วิธีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Research Methods)

อยากเรียนหมอติดต่อเดอะเบสท์ ไม่มีค่าดำเนินการ ฟรีค่าปรึกษา คลิกเลย!

ปีที่ 4

ปีที่ 4 ของการศึกษา นักศึกษาจะเรียนวิชาเกี่ยวกับ

เน้นวิชาทางคลินิกเป็นหลัก ได้แก่ เวชกรรมภายใน เวชกรรมฉุกเฉิน ต่อมไร้ท่อ (endocrinology) ยาเย็น (urology) กระดูก (orthopedics) อุบัติเหตุ (traumatology) ศัลยกรรมทั่วไป และศัลยกรรมเด็ก

  • อายุรศาสตร์ (Internal Medicine)
  • เวชกรรมฉุกเฉิน (Emergency Medicine)
  • ต่อมไร้ท่อ (Endocrinology)
  • โรคทางเดินปัสสาวะ (Urology)
  • โรคกระดูกและข้อ (Orthopedics)
  • ศัลยกรรมอุบัติเหตุ (Traumatology)
  • ศัลยกรรมทั่วไป (General Surgery)
  • ศัลยกรรมเด็ก (Pediatric Surgery)

อยากเรียนหมอติดต่อเดอะเบสท์ ไม่มีค่าดำเนินการ ฟรีค่าปรึกษา คลิกเลย!

ปีที่ 5

ปีที่ 5 ของการศึกษา นักศึกษาจะเรียนวิชาเกี่ยวกับ

เน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ (clinical rotations) ได้แก่ กุมารเวชกรรม จักษุวิทยา ปอดวิทยา ประสาทวิทยา ศัลยกรรมความงามและบูรณะศาสตร์ เนื้องอกวิทยา และรูมาติสซั่ม

  • กุมารเวชศาสตร์ (Pediatrics)
  • โรคตา (Ophthalmology)
  • โรคปอด (Pulmonology)
  • ระบบประสาท (Neurology)
  • ศัลยกรรมตกแต่ง (Aesthetic Surgery)
  • ศัลยกรรมเสริมสร้าง (Reconstructive Surgery)
  • โรคมะเร็ง (Oncology)
  • โรคข้อ (Rheumatology)

 อยากเรียนหมอติดต่อเดอะเบสท์ ไม่มีค่าดำเนินการ ฟรีค่าปรึกษา คลิกเลย!

ปีที่ 6

ปีที่ 6 นักศึกษาจะเน้นวิชา

ปีสุดท้ายของการศึกษา นักศึกษาจะได้ฝึกฝนวิชาชีพ (clinical rotations) เน้นการเรียนรู้เกี่ยวกับ โรคติดเชื้อ ระบาดวิทยา สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา และเวชศาสตร์นิติเวช

  • โรคติดเชื้อ (Infectious Diseases)
  • ระบาดวิทยา (Epidemiology)
  • สูติศาสตร์ – นรีเวชวิทยา (Obstetrics and Gynecology)
  • นิติเวชวิทยา (Forensic Medicine)

 อยากเรียนหมอติดต่อเดอะเบสท์ ไม่มีค่าดำเนินการ ฟรีค่าปรึกษา คลิกเลย!

 

วิชาเลือกเพิ่มเติม

นอกเหนือจากวิชาบังคับแล้ว หลักสูตรนี้ยังมีวิชาเลือกบังคับอีกจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยเสริมเนื้อหาที่เรียนในแต่ละปีได้อย่างสมบูรณ์ วิชาเลือกบังคับนี้จะช่วยให้นักศึกษาสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่สนใจได้ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการเลือกเรียนต่อเฉพาะทางในอนาตคต นักศึกษาต้องเลือกเรียนวิชาเหล่านี้อย่างน้อย 1 วิชาต่อปี แต่สามารถเรียนได้มากกว่านั้นตามความสนใจ

Comprehensive Sports Offer

โปรแกรมกีฬาที่หลากหลาย และครอบคลุมทุกประเภทของกีฬา โปรแกรมเหล่านี้มักมีให้บริการในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือศูนย์กีฬา เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนทุกเพศทุกวัยได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางกายภาพและเล่นกีฬาที่พวกเขาชื่นชอบ

  • ส่งเสริมให้นักศึกษา อาจารย์มีสุขภาพดี: การเล่นกีฬาเป็นประจำช่วยให้ร่างกายแข็งแรง หัวใจแข็งแรง และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
  • พัฒนาทักษะทางสังคม: การเล่นกีฬาเป็นทีมช่วยให้ผู้คนเรียนรู้การทำงานร่วมกัน การสื่อสาร และการแก้ปัญหา
  • ส่งเสริมให้ผู้คนมีวินัย: การเล่นกีฬาต้องการการฝึกฝนและความทุ่มเท ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้คนพัฒนาวินัยและความมุ่งมั่น
  • ช่วยให้ผู้คนรู้สึกมีความสุข: การเล่นกีฬาสามารถช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า และช่วยให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขและมีสุขภาพจิตที่ดี

ตัวอย่างของโปรแกรมกีฬาครบวงจร

  • โปรแกรมกีฬาสำหรับเด็ก: โปรแกรมเหล่านี้มักมีกีฬาที่หลากหลาย เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล เบสบอล ซอฟต์บอล วอลเลย์บอล เทนนิส ว่ายน้ำ และยิมนาสติก
  • โปรแกรมกีฬาสำหรับผู้ใหญ่: โปรแกรมเหล่านี้มักมีกีฬาที่หลากหลาย เช่น ฟิตเนส โยคะ พิลาทิส กอล์ฟ เทนนิส วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ และกีฬาทางน้ำ
  • โปรแกรมกีฬาสำหรับผู้สูงอายุ: โปรแกรมเหล่านี้มักมีกีฬาที่เหมาะกับผู้สูงอายุ เช่น ไทชิ โยคะ แอโรบิค เต้นรำ ว่ายน้ำ และกอล์ฟ

UMFST-UMCH Teaching Hospitals

UMFST มีเครือข่ายโรงพยาบาลที่รับนักศึกษาฝึกประสบการ์ และสถานพยาบาลที่กว้างขวางใน ฮัมบูร์ก นักศึกษาแพทย์สามารถฝึกฝนทักษะทางคลินิกได้ นักศึกษาจะได้เข้าร่วมจำลองสถานการณ์การสอบจริง ฝึกปฏิบัติในห้องผ่าตัด และนำทักษะที่ได้เรียนรู้มาใช้จริงภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่มีประสบการณ์

การสอนภาคปฏิบัติ ในโรงพยาบาลสอนภาษาเยอรมันจะสอนเป็นภาษา เยอรมัน/อังกฤษ ตั้งแต่ชั้นปีที่ 3 ของการศึกษา ในบางกรณี นักศึกษาสามารถฝึกอบรมเชิงปฏิบัติทางคลินิกในสถาบันระหว่างประเทศ เช่น สเปน ซึ่งจะต้องมีความสามารถในภาษา สเปน เพิ่มเติม

เรียนต่อ UMCHมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?

หมายเหตุ:

  • ค่าใช้จ่ายข้างต้น เป็นค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าเทอม (Tuition Fee) ยังไม่รวมค่ายื่นวีซ่า ค่าประกันสุขภาพ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าครองชีพ และค่าทีพักอาศัยขณะที่อยู่เยอรมนี
  • คำนวนอัตรการเเลกเปลี่ยนเรท €1.00 EUR = ฿39.94 บาท

เรียนต่อ UMCH เริ่มต้นอย่างไรดี?

เรียนต่อ University Targu Mures Medical Campus Hamburg (UMCH) ง่ายและสะดวก สามารถยื่นเอกสารได้ตลอดเวลา โดยเน้นการสัมภาษณ์แรงจูงใจเป็นหลัก ต่อด้วยการประเมินสั้นๆ และจะได้รับผลการพิจารณาภายใน 48 ชั่วโมง

สามารถยื่นเอกสารเข้า UMCH ได้ตั้งแต่ตอนที่ยังเรียนอยู่ ล่วงหน้า 1-2 ปี ก่อนเริ่มการศึกษา และยังสามารถยื่นเอกสารได้โดยการไปที่วิทยาเขต UMCH ในฮัมบูร์กในวันรับสมัคร หรือจะยื่นผ่านวิดีโอคอลจากที่บ้านก็ได้

เปิดรับสมัครเมื่อไหร่?

  • เปิดรับสมัครตลอดทั้งปี
  • สามารถ ยื่นเอกสารการสมัครล่วงหน้า 1-2ปี ก่อนเริ่มเรียน
  • เริ่มเรียน: กันยายน – ตุลาคม

เงื่อนไขการรับสมัครเรียน

คุณสมบัติทางวิชาการ

การสัมภาษณ์ใช้เวลา 15-20 นาที ส่วนการประเมินใช้เวลา 90 นาที ซึ่งเพียงพอต่อการตอบคำถามแบบเลือกตอบพื้นฐาน

  • ระยะเวลาการศึกษา: 6 ปี
  • ภาษาที่ใช้ในการเรียน: ภาษาอังกฤษ
  • คะแนนที่ต้องใช้ยื่นสมัคร: 360 ECTS points

เอกสารที่จำเป็นในการสมัคร

  • จดหมายเเนะนำตัว (Personal statement)
  • ประวัติการศึกษา (Curriculum vitae)
  • ใบรับรองจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย (Study diploma/certificate)
  • หนังสือเดินทาง หรือบัตรประจำตัวประชาชน (Passport or Identity card)
  • ใบรับรองผลการเรียน (High-school transcript of record from the 9th until 12th grade (13th grade))
  • หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมใบสมัคร 595 € หรือประมาณ 23,730 บาท ( Proof of payment of the application fee of 595 €)
  • แบบฟอร์มแสดงตัวตน (Declaration of identity form)
  • (สำหรับนักเรียนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือยังไม่ถึง 18 ปี ณ วันที่สมัคร) จะต้องมีใบยินยอมทั่วไป (General consent for underage students)
  • (สำหรับนักเรียนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรืออายุ 18 ปีขึ้นไป) ต้องมีหนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัวประชาชนจากผู้ปกครอง (Passport or Identity card from both legal guardians for underage students)

การสัมภาษณ์ออนไลน์

ภาษาที่ใช้ในการสอบสัมภาษณ์:อังกฤษ

หัวข้อที่ใช้ในการสอบ:

  • ประวัติส่วนตัว (Personal background): บรรยายเกี่ยวกับตัวเอง ประวัติการศึกษา ประสบการณ์ชีวิต ครอบครัว และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • กิจกรรมที่เคยทำในด้านการแพทย์ (Previous activities in the medical field): เล่าถึงประสบการณ์ที่เคยทำงานอาสาสมัครในโรงพยาบาล เคยดูแลคนป่วย หรือกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์
  • คุณสมบัติและแรงจูงใจในการเรียน (Qualification and motivation for studies): อธิบายเกี่ยวกับผลการเรียน ทักษะที่เกี่ยวข้อง และแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณอยากเรียนด้านการแพทย์
  • โอกาสทางอาชีพในอนาคต (Career prospects): เล่าถึงอาชีพที่คุณใฝ่ฝันในสายการแพทย์ และวางแผนอนาคตอย่างไร
  • ทักษะการสื่อสารและความเห็นอกเห็นใจ (Communication and empathy skills): อธิบายเกี่ยวกับทักษะการสื่อสาร ความสามารถในการรับฟัง และความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์

การประเมิน:

  • คำถามพื้นฐานเกี่ยวกับชีววิทยา (Basic questions on biology)
  • คำถามพื้นฐานเกี่ยวกับเคมี (Basic questions on chemistry)
  • คำถามพื้นฐานเกี่ยวกับความรู้ทั่วไป (Basic questions on general knowledge)

กราฟิค

มหาวิทยาลัย UMCH ยังมีกิจกรรม ชมรมที่น่าสนใจ

ชมรมนักศึกษา UMCH จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยนอกเหนือจากการเรียน รู้จักเพื่อนใหม่ และต่อยอดความคิด และโครงการที่น่าตื่นเต้น ที่นี่จะได้พบกับผู้คนที่เหมือนกันซึ่งมีความสนใจ และรักในสิ่งเดียวกันเช่น กีฬา ดนตรี วัฒนธรรม การค้นพบสิ่งใหม่ ๆ หรือการทำความดีร่วมกัน – ในชมรมนักศึกษานี้ สามารถทำอะไรได้มากมายร่วมกัน

UMCH Band

UMCH Band

ชมรมวงดนตรี UMCH เป็นชมรมทางดนตรีที่มีนักศึกษามุ่งมั่น และมีใจรัก ถึงแม้จะมุ่งไปทางด้านการแพทย์ แต่ก็ยังหลงใหลในดนตรีไปด้วย ชมรมมีคลังเพลงที่หลากหลาย ตั้งแต่เพลงร็อคและป็อปคลาสสิค ไปจนถึง soulful ballads ทางชมรมสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ชมในมหาวิทยาลัยในงานกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสร้างสรรค์

สมาชิกวงมักจะมาฝึกซ้อมด้วยกันสัปดาห์ละครั้ง ทำให้สามารถเเสดงบนเวที ให้เพื่อนนักศึกษา คณาจารย์ และผู้ร่วมงานอื่น ๆ ได้ประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นงานปฐมนิเทศ วันมหาวิทยาลัย หรือ งานคริสต์มาส การมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของเหล่าสมาชิกช่วยสร้างสีสันให้กับชีวิตนักศึกษาภายในวิทยาเขตฮัมบวร์ก

 

FEM Club

FEM Club

ชมรม FEM คือการสนับสนุนและส่งเสริมความก้าวหน้าของผู้หญิงในสายวิทยาศาสตร์ ทั้งในมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาหญิง อาจารย์หญิง หรือผู้สมัครปริญญาดุษฎีบัณฑิต และใน FEM คือพื้นที่ที่ผู้หญิงทุกคนสามารถพัฒนา และแบ่งปันความคิดได้อย่างอิสระ ชมรมทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ข้ามสาขา และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้หญิง

ชมรม FEM บริหารโดยนักศึกษาสองคนคือ จูลิกา ทาน และ มาริน่า ชแตรเล ต้องการสนับสนุนให้ผู้หญิงเดินตามเส้นทางของตัวเอง โดยปราศจากข้อจำกัดทางสังคม อำนาจกดขี่ และการเลือกปฏิบัติ ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุน สมาชิกชมรม FEM มุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหา อุปสรรคที่ผู้หญิงต้องเผชิญในแวดวงสถาบันทางวิชาการ นอกจากนี้ พวกเธอยังมุ่งมั่นต่อความเท่าเทียมกันทางเพศ และการลบล้างอคติทางเพศที่มีอยู่

Charity Club

Charity Club

ชมรมจิตอาสา ประกอบด้วยนักศึกษามุ่งมั่นที่อยากจะช่วยสังคม ชมรมนี้มีส่วนร่วมผ่านโครงการบริการชุมชน ตั้งแต่การระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยสงคราม คนไร้บ้าน ไปจนถึงเด็กป่วย พวกเขามุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้โอกาสและต้องการการสนับสนุน

เป้าหมายของชมรมจิตสา คือ การสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคม ส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับปัญหาทางสังคม และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนผ่านการลงมือทำร่วมกัน ด้วยวิธีการนี้ พวกเขาสามารถรวบรวมเงิน และสิ่งของบริจาคได้มากมายในอดีต ซึ่งการรวมตัวกันเหล่านี้สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก

 

DRK Blood Donations

DRK Blood Donations

วิทยาเขต UMFST-UMCH ร่วมมือกับสภากาชาดเยอรมัน จัดแคมเปญบริจาคโลหิตครั้งใหญ่ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง นักศึกษามากมายเห็นความสำคัญของการรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการเข้าร่วมบริจาคโลหิต ซึ่งอาจช่วยชีวิตผู้ป่วยที่ต้องการเลือดอย่างเร่งด่วน

South Asian Student Society (SASS)

South Asian Student Society (SASS)

สมาคมนักศึกษานักศึกษาเอเชียใต้ (SASS) เป็นชมรมนักศึกษาที่มุ่งมั่น ดูแล และเป็นตัวแทนของนักศึกษาเอเชียใต้ภายในมหาวิทยาลัย UMCH เป้าหมายของ SASS คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและสนับสนุน ซึ่งนักศึกษาที่มาจากประเทศต่างๆ ในเอเชียใต้สามารถมาพบปะ พูดคุย และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผ่านกิจกรรม อีเวนต์ต่างๆ สมาคมฯ ยังส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เสริมสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของสมาชิกแต่ละคน และเฉลิมฉลองความหลากหลายของวัฒนธรรมเอเชียใต้

SPORTS AND PHYSICAL EDUCATION

SPORTS AND PHYSICAL EDUCATION

วิชาพลศึกษาที่ UMCH เป็นวิชาบังคับ มีพื้นฐานจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เน้นการปฏิบัติจริง มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาความแข็งแรงของร่างกาย นอกจากนี้ ยังปลูกฝังเสริมสร้างความสนใจให้นักศึกษาใหมีพฤติกรรมออกกำลังกาย และเล่นกีฬาด้วยตนเอง ส่งผลให้ประสิทธิภาพทางร่างกาย และจิตใจดีที่ขึ้น

วิชาพลการศึกษา ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพและทักษะการเข้าสังคม ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อนักศึกษา UMCH ในการประกอบวิชาชีพในอนาคต เพราะการทำงานจริงนั้น ทักษะทางสังคมเป็นสิ่งที่จำเป็น

ตัวอย่างเนื้อหาในการเรียน:

  • พัฒนาความคล่องตัว และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ (Development of muscle mobility and elasticity)
  • เรียนรู้เทคนิคการวิ่ง (Learning of various running techniques)
  • การฝึกคาร์ดิโอ (Cardio training)
  • การฝึกความแข็งแรง (Strength training)
  • การฝึกกล้ามเนื้อลำตัว หน้าท้อง และขา (Training of the trunk, abdominal and leg muscles)
  • พัฒนาพละกำลังในการออกเเรงได้อย่างรวดเร็ว (Development of explosive power)
  • การฝึกแบบครบทุกประเภท (Circuit training)
การวัดผลการเรียนวิชาพลศึกษาที่ UMCH มีหลายวิธี ตัวอย่างเช่น
  • วิ่งเร็ว: การสอบนี้แบ่งเป็น 2 ครั้ง คือรอบทดสอบช่วงแรกและช่วงท้าย โดยเป็นการวิ่งระยะสั้น 4 x 15 เมตร สิ่งที่ประเมินคือความก้าวหน้าระหว่างสองครั้ง เกณฑ์การประเมินจะปรับตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคน
  • ซิทอัพ: การสอบนี้วัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้องและสะโพก
  • กระโดดไกล: การสอบนี้วัดพละกำลังของกล้ามเนื้อขา 

ข้อดีของวิชาพลศึกษา

  • ช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะน้ำหนักเกิน และปัญหาสุขภาพอื่นๆ
  • ช่วยป้องกันโรคต่างๆ
  • ช่วยพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวร่างกาย
  • ช่วยเสริมสร้างแรงจูงใจในการออกกำลังกาย
  • ช่วยฝึกจิตสำนึก และใส่ใจสุขภาพ
  • ช่วยส่งเสริมความมีน้ำใจต่อทีม
  • ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนักศึกษา

 

Student Parties

งานปาร์ตี้ของนักเรียน

ในแต่ละภาคการศึกษาจะมีงานกิจกรรม และงานเลี้ยงต่างๆ มากมาย ในช่วงต้นภาคการศึกษา เราจะจัดงานฉลองวันเกิดของมหาวิทยาลัยร่วมกับนักศึกษา เพื่อสร้างความสามัคคีในช่วงเริ่มต้นปีการศึกษา นอกจากนี้ ยังมีการประกาศจัดงานเฉลิมฉลองอื่นๆ ขึ้นภายในภาคการศึกษา นักศึกษาหลายคนยังจัดงานเลี้ยงของตนเองอีกด้วย

 

UMCH มีที่พักนักศึกษา และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

THE FIZZ

THE FIZZ

  • ประเภท: ที่พักนักศึกษา
  • สัญญาเช่าขั้นต่ำ:6 เดือน
  • ค่าเช่า: เริ่มต้นที่ 808 ยูโรต่อเดือน

อยากเรียนหมอติดต่อเดอะเบสท์ ไม่มีค่าดำเนินการ ฟรีค่าปรึกษา คลิกเลย!

จุดเด่นของหอพัก

  • อพาร์ทเมนต์ตกแต่งอย่างดีทันสมัย
  • นักศึกษามหาวิทยาลัยUMCH สามารถจองสตูดิโอและเข้าชมได้สะดวกจากที่บ้าน ผ่านเว็บไซต์ของ THE FIZZ โดยตรง
  • มีลานภายในอาคารกว้างขวาง พื้นที่ส่วนกลางติดเครื่องปรับอากาศ เช่น ห้องอ่านหนังสือ ดาดฟ้า ล็อบบี้ และห้องดูหนัง
  • มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร สวนสาธารณะ และสถานออกกำลังกาย
  • มีซูเปอร์มาร์เก็ตที่ชั้นล่างของอาคาร หมดกังวลเรื่องการเดินไกลแบกของหนัก
  • สามารถเดินเท้าไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน S-Bahn Holstenstraße ภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 นาที

Urban Living

Urban Living

Urban Living เป็นหอพักนักศึกษายุคใหม่ ตั้งอยู่ในย่าน Ottensen ของฮัมบวร์ก ใกล้กับมหาวิทยาลัย UMCH มีห้องพักหลายแบบ ขนาดพื้นที่ระหว่าง 20 – 43 ตารางเมตร ตกแต่งอย่างหรูหรา ทันสมัย มีครัวและห้องน้ำส่วนตัว นอกจากนี้ ห้องพักส่วนใหญ่ยังมีระเบียงหรือดาดฟ้า

  • ประเภท: ที่พักนักศึกษา
  • สัญญาเช่าขั้นต่ำ: 6 เดือน หรือระยะสั้น
  • ค่าเช่า: เริ่มต้นที่ 595 ยูโรต่อเดือน

อยากเรียนหมอติดต่อเดอะเบสท์ ไม่มีค่าดำเนินการ ฟรีค่าปรึกษา คลิกเลย!

จุดเด่นของหอพัก

  • มีแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ใช้งานสะดวก
  • กิจกรรมชุมชน จัดเป็นประจำ พร้อมบริการอาหาร
  • บริการทำความสะอาดห้องพัก
  • มีบริการจัดส่งพัสดุ
  • พื้นที่ส่วนกลาง กว้างขวาง เหมาะสำหรับการพบปะเพื่อนร่วมหอพัก เช่น บริเวณเฉลียงส่วนกลาง ครัวส่วนกลาง สนามกีฬา หรือห้องออกกำลังกายของหอพัก
  • นัดหมายชมห้องพัก สะดวก สามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ของหอพัก

 

Yugo

Yugo

Yugo เป็นหอพักนักศึกษาที่ตกแต่งครบครัน ตั้งอยู่ย่าน Wandsbek ของฮัมบวร์ก มีห้องพักแบบสตูดิโอ พร้อมครัวขนาดเล็ก และห้องน้ำส่วนตัวพร้อมฝักบัว

  • ประเภท:ที่พักนักศึกษา
  • สัญญาเช่าขั้นต่ำ: 3 เดือน
  • ค่าเช่า: เริ่มต้นที่ 719 ยูโรต่อเดือน

อยากเรียนหมอติดต่อเดอะเบสท์ ไม่มีค่าดำเนินการ ฟรีค่าปรึกษา คลิกเลย!

จุดเด่นของหอพัก

  • ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟชานเมืองและสถานีรถไฟใต้ดิน Wandsbeker Chaussee เพียง 100 เมตร
  • ใกล้ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และถนนคนเดิน Wandsbeker Markstraße
  • ห้องพักแบบสตูดิโอตกแต่งครบครัน
  • มีห้องนั่งเล่นส่วนกลางพร้อมโต๊ะฟุตบอล บาร์ และเลานจ์ เหมาะสำหรับการพักผ่อน พบปะเพื่อนใหม่ และเพื่อนร่วมหอพัก

 

HVNS Apartments & Community Areas

HVNS Apartments & Community Areas

HVNS Hamburg มอบประสบการณ์การพักอาศัยสุดพิเศษใจกลางย่าน Altona อันมีเสน่ห์ รายล้อมไปด้วยอาคารอิฐแดงสไตล์อินดัสเทรียล และสวนสาธารณะมากมาย ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเดินทางโดยรถยนต์ ก็สามารถไปยังร้านค้า ร้านอาหาร และบาร์ย่าน Sternschanze ได้
  • ประเภท: อพาร์ทเมนต์พร้อมเฟอร์นิเจอร์
  • สัญญาเช่าขั้นต่ำ:3 เดือน
  • ค่าเช่า: เริ่มต้นที่ 959 ยูโรต่อเดือน

อยากเรียนหมอติดต่อเดอะเบสท์ ไม่มีค่าดำเนินการ ฟรีค่าปรึกษา คลิกเลย!

จุดเด่นของหอพัก

  • ทำเลเยี่ยม: ตั้งอยู่ในย่าน Altona 
  • ทัวร์ชมสถานที่ออนไลน์: สามารถเข้าชมห้องพัก ตัวอย่างห้องพัก และพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์
  • ชุมชน: มีพื้นที่ส่วนกลางกว้างขวาง เหมาะสำหรับการพักผ่อน พบปะผู้พักอาศัยท่านอื่น อาทิ ห้องออกกำลังกาย เลานจ์ และห้องครัวส่วนกลาง

 

SMARTments

SMARTments

SMARTments student ให้บริการอพาร์ทเมนต์ตกแต่งอย่างชาญฉลาด เหมาะสำหรับนักเรียนและฝึกงาน จุดเด่นของที่พักนี้คือ

  • ประเภท: อพาร์ทเมนต์พร้อมเฟอร์นิเจอร์
  • สัญญาเช่าขั้นต่ำ: 6 เดือน
  • ค่าเช่า: เริ่มต้นที่ 630 ยูโรต่อเดือน

อยากเรียนหมอติดต่อเดอะเบสท์ ไม่มีค่าดำเนินการ ฟรีค่าปรึกษา คลิกเลย!

จุดเด่นของหอพัก

  • ค่าเช่ารวมทุกอย่าง: ค่าเช่ารวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมทั้งหมด ช่วยให้วางแผนการเงินระยะยาวได้ง่าย
  • ใกล้สถานศึกษาและคมนาคมสะดวก: ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย เดินทางสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
  • ชุมชน: มีสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น มีกิจกรรมที่น่าสนใจต่างๆ และโครงการพิเศษ “SMARTis program” สนับสนุนให้นักเรียนสร้างสรรค์กิจกรรมกลุ่มตามความคิดริเริ่ม

 


มหาวิทยาลัย UMCH มีบริการให้คำปรึกษาด้านต่างๆ

ภาควิชาให้คำปรึกษาและแนะแนวอาชีพของ UMCH (DCPG) ช่วยส่งเสริมสนับสนุนทางจิตวิทยาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำด้านอาชีพ ให้คำปรึกษาการวางแผนการเรียน การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา และการบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา (CBT) เพื่อให้นักศึกษามีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม

คำนึงถึงบุคลิกภาพ จุดแข็ง จุดอ่อนของแต่ละคน เจ้าหน้าฝ่ายแนะแนวผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้นักศึกษาวิเคราะห์ตัวเอง วางแผนการเรียน เลือกเทคนิคการเรียนที่เหมาะสม ตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ในแต่ละโมดูล รวมถึงการตัดสินใจเลือกสาขาสาขาเฉพาะทางในอนาคต นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาและ CBT เพื่อป้องกันภาวะหมดไฟ ลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพจิต และการลาออกจากการศึกษา บริการให้คำแนะนำและปรึกษานี้ เปิดให้บริการนักศึกษาทุกคนฟรี!!

การวางแผนการเรียน (Educational Coaching)

การวางแผนการเรียน (Educational Coaching)

เจ้าหน้าไม่เพียงแต่ให้คำแนะนำด้านอาชีพเท่านั้น แต่ยังช่วยให้นักศึกษาวางแผนการเรียนเพื่อบรรลุเป้าหมายในเส้นทางสายการแพทย์ ตัวอย่างเช่น

  • ค้นหาวิธีเรียนที่มีประสิทธิภาพ: เจ้าหน้าจะช่วยให้นักศึกษาทดลองใช้เทคนิคการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อค้นหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง
  • กำหนดเป้าหมายแต่ละโมดูล: การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในแต่ละโมดูล จะช่วยให้นักศึกษามีแรงผลักดันในการเรียนรู้ และประเมินผลการเรียนได้ง่ายขึ้น
  • ตัดสินใจเลือกสาขาเฉพาะทาง: คำแนะนำและการวางแผนการเรียนจะช่วยให้นักศึกษาตัดสินใจเลือกเรียนต่อในสาขาที่เหมาะสมกับตัวเองในอนาคต

ยังมีเซสชันการให้คำแนะนำส่วนบุคคล รวมถึงเวิร์กช็อป สัมมนา และการบรรยาย ซึ่งจะทำให้คุ้นเคยกับแนวทางต่างๆ และกลยุทธ์ที่มีประโยชน์สำหรับการปรับปรุงประสบการณ์การศึกษาที่ UMCH เพื่อการบรรลุเป้าหมายในวิธีที่มีประสิทธิผลที่สุด และได้รับผลการเรียนที่ดีที่สุด

  • การสอนพิเศษแบบตัวต่อตัว: ช่วยให้นักศึกษาได้รับคำแนะนำเฉพาะเจาะจง แก้ไขปัญหาเฉพาะจุด
  • การจัดเวิร์คช็อป: กิจกรรมกลุ่มขนาดเล็ก เน้นการลงมือปฏิบัติ ฝึกฝนทักษะการเรียนรู้ที่หลากหลาย
  • การสัมมนา: การบรรยายหัวข้อวิชาการที่น่าสนใจ ช่วยให้นักศึกษาได้รับความรู้ใหม่ๆ

คำแนะนำด้านอาชีพ (Career advice)

คำแนะนำด้านอาชีพ (Career advice)

บริการให้คำแนะนำด้านอาชีพ มุ่งเน้นให้นักศึกษาปรับตัวเข้าสู่การทำงานได้ง่ายขึ้น โดยช่วยให้นักศึกษาวางแผนอนาคต เลือกสาขาที่เหมาะสมกับตัวเอง กระบวนการให้คำแนะนำ มีดังนี้

  1. ประเมินบุคลิกภาพด้วย Five-Factor Model of Personality (FFM) : เครื่องมือนี้ประเมินลักษณะบุคลิกภาพ 5 ด้าน ได้แก่

    • ความเปิดกว้างต่อประสบการณ์ (Openness to Experience)
    • ความรับผิดชอบ (Conscientiousness)
    • ความเปิดเผย (Extraversion)
    • ความยินดี (Agreeableness)
    • ความวิตกกังวล (Neuroticism)
  2. สรุปผลการประเมินเป็นรายบุคคล: นักศึกษาจะได้รับผลการประเมินบุคลิกภาพ รู้จุดแข็ง จุดอ่อนของตัวเอง เจ้าหน้าที่จะอธิบายว่า บุคลิกภาพแบบไหนเหมาะกับสาขาทางการแพทย์อะไรบ้าง (คำแนะนำนี้ไม่ใช่ข้อบังคับ)

  3. ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดแรงงาน: นอกจากพิจารณาบุคลิกภาพแล้ว เจ้าหน้ายังให้ข้อมูลเกี่ยวกับความคาดหวังของนายจ้าง ตลาดแรงงานสายการแพทย์ ซึ่งช่วยให้นักศึกษามองเห็นภาพรวมในการเลือกสาขาที่เหมาะสมกับตัวเอง

คำปรึกษาทางจิตวิทยา (Psychological counseling)

คำปรึกษาทางจิตวิทยา (Psychological counseling)

การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ คือ

  1. การประเมินสภาพจิตใจ (Psychological assessment): ขั้นตอนนี้ นักจิตวิทยาจะทำการประเมินสภาพจิตใจนักศึกษา เพื่อระบุปัญหาทางจิตใจที่อาจส่งผลต่อการเรียน ในบ่อยครั้งปัญหาเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับความเครียด ความกังวล และความไม่มั่นใจ ซึ่งพบได้บ่อยในนักศึกษาแพทย์ปีแรกๆ เนื่องจากความยากของเนื้อหาและจากการสอบ อาการเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ยังไม่ส่งผลรุนแรงต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการเรียน

  2. การแทรกแซง (Intervention): หลังจากการประเมิน เจ้าหน้าที่จะใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อช่วยให้นักศึกษานักศึกษาสามารถรับมือกับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเทคนิคที่ใช้ ได้แก่

    • การควบคุมอารมณ์ (Emotional regulation): ช่วยให้นักศึกษารู้จักบริหารจัดการอารมณ์ตัวเอง ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเรียนและการใช้ชีวิต
    • การยอมรับ (Acceptance): ช่วยให้นักศึกษายอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความกังวล หรือความผิดหวัง
    • การแยกแยะความคิด (Cognitive diffusion): ช่วยให้นักศึกษามองความคิดในแง่มุมที่หลากหลาย ไม่ยึดติดกับความคิดแง่ลบ
    • การวิเคราะห์พฤติกรรม (Behavioral analysis): ช่วยให้นักศึกษารู้จักตัวเอง เข้าใจสาเหตุของพฤติกรรม และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

โดยสรุป การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา มุ่งเน้นที่จะช่วยให้นักศึกษามีทักษะใหม่ๆ ในการรับมือกับอารมณ์ ความเครียด เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ

การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา(Cognitive Behavioral Therapy)

การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา(Cognitive Behavioral Therapy)

ในบางสถานการณ์ที่ซับซ้อนและกดดัน มนุษย์บางคนมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาทางจิตใจ เช่น ภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวล เนื่องจากการบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา (CBT) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่งในการรักษาปัญหาทางจิตใจเหล่านี้ โปรแกรม DCPG จึงให้การสนับสนุนทางจิตใจแก่ผู้เรียนโดยใช้การบำบัดทางจิตวิเคราะห์ตามหลักฐานประเภทนี้ การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญาใช้โปรโตคอลในการรักษาปัญหาทางจิตใจต่างๆ ที่พัฒนาโดย Beck Institute for Cognitive-Behavioral Therapy (ฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา) ผู้เรียนมีโอกาสเข้าถึงบริการจิตบำบัด โดยได้รับประโยชน์จากการบำบัดพฤติกรรมทางปัญญาอย่างน้อย 3 ครั้งจนถึงสูงสุด 15 ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปัญหาทางจิตใจของผู้เรียนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางวิชาการ การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญามาตรฐานสามารถเสริมด้วย Virtual Reality (VR) สำหรับอาการกลัว โรคตื่นตระหนก โรควิตกกังวลทั่วไป และความวิตกกังวลในการแสดง ข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมจาก/ในระหว่างกระบวนการบำบัดทางจิตเวชจะถือเป็นข้อมูลลับตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย 213/2004 และกฎบังคับใช้ รวมถึง GDPR ของยุโรป

ในบางสถานการณ์ที่ซับซ้อนและกดดัน เช่น ภาวะซึมเศร้า โรควิตกกังวล อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตใจของนักศึกษา ภาควิชาการแนะแนวและให้คำปรึกษา (DCPG) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา (Cognitive Behavioral Therapy : CBT) เป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ DCPG จึงนำ CBT มาใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือช่วยเหลือให้นักศึกษาสามารถรับมือกับปัญหาสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับการเรียน

หลักการของ CBT

  • CBT อาศัยพื้นฐานความคิด (Cognitive) และพฤติกรรม (Behavior) ของมนุษย์มุมมองความคิด การตีความสถานการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลต่ออารมณ์ และในที่สุดส่งผลต่อพฤติกรรมของบุคคล
  • นักบำบัดจะช่วยให้นักศึกษาปรับเปลี่ยนรูปแบบความคิด ทัศนคติ และความเชื่อที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งส่งผลต่อภาวะอารมณ์ ให้เป็นไปในทางที่สร้างสรรค์มากขึ้น

ตัวอย่างเทคนิคที่ใช้ใน CBT

  • การปรับโครงสร้างความคิด (Cognitive restructuring): นักบำบัดจะชวนคุย เพื่อช่วยให้นักศึกษาวิเคราะห์ความคิด และหาเหตุผลโต้แย้งกับความคิดเชิงลบ
  • เทคนิคการผ่อนคลาย (Relaxation techniques): ช่วยให้นักศึกษาลดความเครียด ควบคุมอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น

โปรแกรม CBT ของ UMCH

  • นักศึกษาสามารถเข้ารับบริการ CBT ได้ 3-15 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา
  • CBT อาจใช้เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) เพื่อช่วยรักษาโรคกลัวที่เฉพาะเจาะจง อาการแพนิค โรควิตกกังวลทั่วไป และความวิตกกังวลที่แสดงออกมาแบบเห็นได้ชัดเจน
  • ข้อมูลส่วนบุคคลของนักศึกษาที่เก็บรวบรวมระหว่างการบำบัด จะถูกเก็บเป็นความลับ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 213/2004 และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR)

ข้อมูลที่ให้ระหว่างการให้คำปรึกษาปลอดภัย

ข้อมูลใดๆ ที่ให้ไว้ระหว่างกระบวนการให้คำปรึกษา จะถูกเก็บรักษาเป็นความลับอย่างเคร่งครัด ตามกฎระเบียบของชาติ ยุโรป และกฎอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จรรยาบรรณวิชาชีพนักจิตบำบัด

ความคุ้มค่าเมื่อเลือกเรียนต่อแพทย์ที่เยอรมนี

  • คุณภาพการศึกษา: มหาวิทยาลัยแพทย์ในเยอรมนีมีชื่อเสียงด้านคุณภาพการศึกษา หลักสูตรแพทย์ได้รับการออกแบบมาอย่างดี มุ่งเน้นการเรียนรู้แบบเน้นทฤษฎีควบคู่กับการฝึกปฏิบัติ นักศึกษาแพทย์มีโอกาสได้เรียนรู้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และฝึกฝนทักษะในโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง
  • ค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อแพทย์ในเยอรมนีนั้น เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป ถือว่าอยู่ในระดับกลาง นักศึกษาสามารถใช้ชีวิตได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
  • โอกาสในการทำงาน: เยอรมนีมีระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ โรงพยาบาลต้องการแพทย์ที่มีความสามารถอยู่เสมอ นักเรียนแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาจากเยอรมนี จึงมีโอกาสได้งานที่ดี ทั้งในเยอรมนีและประเทศอื่นๆ ในยุโรป
  • วัฒนธรรม: เยอรมนีเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย ผู้คนเป็นมิตร เปิดกว้าง นักเรียนต่างชาติสามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตในเยอรมนีได้ง่าย
  • การเดินทาง: เยอรมนีตั้งอยู่ใจกลางยุโรป การเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรป สะดวก รวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายไม่แพง
  • เยอรมนีเป็นประเทศแห่งอุตสาหกรรม เยอรมนีได้ลงทุนในมหาวิทยาลัยด้านวิศวกรรมเป็นจำนวนมาก และปัจจุบันโปรแกรมวิศวกรรมได้รับการยกย่องเป็นพิเศษในมหาวิทยาลัยในเยอรมัน อย่างไรก็ตามมีโปรแกรมการศึกษามากมายที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัยเหล่านี้ และในบางแห่งก็เป็นผู้นำระดับโลก เช่น การแพทย์และเภสัชศาสตร์
  • หลักสูตรมีคุณภาพสูงการศึกษาของมหาวิทยาลัยในเยอรมนีมีคุณภาพสูงระดับโลก ทั้งด้านโครงสร้าง และเนื้อหาหลักสูตรที่สอน ได้รับการปรับปรุง และพัฒนาให้ทันสมัยที่สุด โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องอย่างมีพลวัต
  • วุฒิการศึกษาเป็นที่ยอมรับทั่วโลกนายจ้างทั่วโลกตระหนักถึงคุณภาพการศึกษาของประเทศเยอรมนี ซึ่งจะทำให้ไว้วางใจได้รับผิดชอบงานสเกลใหญ่ๆ ที่มีคุณภาพ และค่าตอบแทนสูง ยิ่งไปกว่านั้นนักศึกษาหลายคนมักจะได้งานทำก่อนเรียนจบ 
  • ค่าครองชีพที่คุ้มค่า หลายๆ คนอาจจะคิดว่า ประเทศเยอรมนี มีค่าครองชีพสูง แต่นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของประเทศ เฉพาะในเมืองท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ค่าครองชีพโดยรวมของประเทศเยอรมนี ต่ำกว่าหลายๆ ประเทศในโซนยุโรป ยิ่งหากเลือกเรียนในเมืองที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว ค่าครองชีพยิ่งถูกลงอีกเยอะมาก และทุกเมือง มีมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพสูงเช่นเดียวกัน
  • สามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้ด้วย ประเทศเยอรมนี อนุญาตให้ผู้ที่ถือวีซ่านักเรียนทำงานพาร์ทไทม์ได้ 20 ชั่วโมง/สัปดาห์ หรือ 120 วันตลอดทั้งปี และ 60% ของนักศึกษาต่างชาติ ก็เรียนด้วยทำงานด้วยเช่นเดียวกัน
  • ได้เรียนรู้ และฝึกภาษาเยอรมันด้วย ภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่ใช้มากที่สุดในทวีปยุโรป และบริษัทกว่าครึ่งของยุโรป เป็นบริษัทสัญชาติเยอรมัน ดังนั้น การที่สามารถฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาเยอรมันได้ ก็เท่ากับว่าจะได้รับโอกาสในการทำงานมากกว่าคนอื่นๆ
  • ประเทศเยอรมนี เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม ปัจจุบัน ประเทศเยอรมนีเป็นที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติมากมาย ดังนั้น จะได้เรียนรู้ และศึกษาวัฒนธรรมที่แตกต่างจากทั่วทุกมุมโลก และเพื่อนร่วมชั้นเรียนอาจมาจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ดังนั้น ผู้เรียนมีโอกาสพูดได้มากกว่า 3 ภาษา
  • ได้ท่องเที่ยวได้ทั่วยุโรป ผู้ที่เดินทางมาเรียนต่อยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเรียนภาษาระยะสั้น หรือเรียนระดับอุดมศึกษา สามารถเดินทาง ท่องเที่ยวได้ทั่วทุกประเทศในเครือเชงเก้น โดยไม่ต้องขอวีซ่าประเทศอื่นเพิ่ม ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ ระหว่างปิดภาคการศึกษา เช่น ประเทศฝรั่งเศส ประเทศออสเตรีย ประเทศเนเธอร์แลนด์

หลักสูตรนี้ได้รับการรับรองระดับนานาชาติ

มหาวิทยาลัย UMFST ได้รับการรับรองจากสำนักงานการประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาของโรมาเนีย ARACIS เป็นสมาชิกเต็มตัวของสมาคมการประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษาของยุโรป (ENQA) มหาวิทยาลัยได้รับสถานะสูงสุด H+ จาก anabin ซึ่งเป็นข้อมูลสำหรับการประเมินคุณสมบัติทางการศึกษาของต่างประเทศที่เผยแพร่โดยสำนักงานเลขาธิการการประชุมถาวรของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกิจการวัฒนธรรมของรัฐในสาธารณรัฐสหพันธ์เยอรมนี ดังนั้น จึงถือเป็นสถาบันอุดมศึกษาในเยอรมนี ในปี 2013 และ 2017 มหาวิทยาลัยได้รับการประเมินจากโครงการประเมินสถาบัน (IEP) (ดำเนินการโดยสมาคมมหาวิทยาลัยยุโรป (EUA)) นอกจากนี้ มาตรฐานการจัดการคุณภาพ (ISO 9001: 2015) ยังได้รับการแนะนำและรับรองโดย TÜV AUSTRIA CERT GMBH

  • หลักสูตรแพทย์ 6 ปี ของ UMCH นำไปสู่ปริญญาแพทย์ ซึ่งเทียบเท่ากับวุฒิวิชาชีพที่ระบุไว้ในภาคผนวก Annex V ของประกาศคุณวุฒิวิชาชีพแห่งสหภาพยุโรป สามารถใช้ขอใบรับรองประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสหภาพยุโรปและอีกหลายประเทศ
  • ผู้ที่ต้องการขอใบรับรองประกอบวิชาชีพเวชกรรมในเยอรมนี จำเป็นต้องแสดงหลักฐานความสามารถทางภาษาเยอรมันเพิ่มเติม (B2 ทั่วไป และ C1 สำหรับศัพท์ทางการแพทย์) ยกเว้น ผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน
  • UMFST ร่วมกับ UMCH ได้รับการขึ้นทะเบียนใน World Directory of Medical Schools (WDOMS) ซึ่งช่วยให้สามารถสอบใบรับรองประกอบวิชาชีพเวชกรรมของสหรัฐอเมริกา (USMLE) ได้
  • หลักสูตรแพทย์ที่เปิดสอนโดย UMFST ที่ฮัมบวร์ก ใช้ระบบการโอนและสะสมหน่วยกิตยุโรป (ECTS) เพื่อให้แน่ใจว่าผลการเรียนสามารถโอนเทียบได้ทั่วทั้งยุโรป

โอกาสการทำงานหลังเรียนจบ

นักศึกษาต่างชาติ ที่มาจากประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป Non EU/EEA ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป สามารถอยู่ในเยอรมนีเพื่อหางานทำได้หลังเรียนจบได้ด้วยโดยสามารถยื่นขออยู่ต่อได้สูงสุด 18 เดือน และสามารถขอ EU Blue Card อยู่ต่อได้อีก 5 ปี และหลังจากนั้นสามารถขอ PR ต่อได้อีกด้วย โดยการขอวีซ่าทำงานชั่วคราวหลังเรียนจบ Aufenthaltserlaubnis (Temporary Residence Permit หรือ Limited Residence Permit) ทันทีหลังสำเร็จการศึกษา โดยแสดงหลักฐานการสำเร็จการศึกษา หลักฐานประกันสุขภาพ และหลักฐานการเงินที่เพียงพอต่อค่าครองชีพ

ตัวอย่างอาชีพ เมื่อเรียนจบ UMCH

  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: นักศึกษาแพทย์สามารถเลือกเรียนต่อเฉพาะทางในสาขาต่างๆ เช่น ศัลยแพทย์ อายุรแพทย์ กุมารแพทย์ สูติ-นรีแพทย์ ประสาทวิทยา จิตเวช ผิวหนัง หูคอจมูก ฯลฯ
  • แพทย์ทั่วไป: นักศึกษาแพทย์สามารถเลือกประกอบวิชาชีพแพทย์ทั่วไป รักษาผู้ป่วยทั่วไป ในโรงพยาบาล คลินิก หรือเปิดคลินิกส่วนตัว
  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข: นักศึกษาแพทย์สามารถเลือกทำงานด้านสาธารณสุข เช่น ควบคุมโรค ส่งเสริมสุขภาพ วิจัย
  • นักวิจัย: นักศึกษาแพทย์ที่มีความสนใจด้านการวิจัย สามารถเลือกทำงานในสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย หรือบริษัทเวชภัณฑ์

ทันทีที่ได้งานทำ ก็จะสามารถขอวีซ่าทำงาน หรือ EU-Blue Card ซึ่งเป็นใบอนุญาตทำงานที่รับรองจาก 25 ใน 28 ประเทศของสมาชิกสหภาพยุโรป ที่อนุญาตให้ผู้ถือบัตร EU-Blue Card ทำงานและอาศัยอยู่ในเยอรมนีได้ โดยได้รับเงินเดือนและสวัสดิการทางสังคมเช่นเดียวกันกับคนชาติเยอรมัน

รายได้เฉลี่ยต่อปีของแพทย์ในประเทศยุโรป

  • เยอรมนี: 200,000 – 300,000 ยูโรต่อปี
  • สวิตเซอร์แลนด์: 300,000 – 400,000 ยูโรต่อปี
  • ฝรั่งเศส: 250,000 – 350,000 ยูโรต่อปี
  • อิตาลี: 150,000 – 250,000 ยูโรต่อปี
  • สเปน: 100,000 – 200,000 ยูโรต่อปี

รายได้เฉลี่ยต่อปีของแพทย์ในเยอรมนี

  • แพทย์ทั่วไป: 60,000 – 120,000 ยูโรต่อปี
  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: 150,000 – 300,000 ยูโรต่อปี
  • หัวหน้าแพทย์: 200,000 – 400,000 ยูโรต่อปี

EU-BLUE CARD คืออะไร?

EU Blue Card คือใบอนุญาตทำงานที่ประเทศของสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งออกให้สำหรับ ผู้ที่มีความสามารถ ผู้ที่มีทักษะสูงที่มาจากนอกสหภาพยุโรป (Non-EU) สามารถเข้ามาทำงาน และใช้ชีวิตอย่างถูกกฏหมายในสหภาพยุโรป รวมถึงได้รับค่าจ้าง และสวัสดิการในอัตราเดียวกันกับคนในยุโรป เพื่อกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ให้สหภาพยุโรปกลายเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจของโลกที่มีการแข่งขัน ขับเคลื่อน เปลี่ยนแปลงอย่างเป็นพลวัต และทันกับโลกยุคสมัยใหม่ รวมถึงมีการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสวัสดิการทางสังคมให้ดีขึ้น คณะกรรมาธิการยุโรปจึงได้ตั้งข้อเสนอสองข้อ คือ

  • สามารถทำงานและรับเงินเดือนในอัตราเดียวกันกับคนในยุโรป โดยฐานเงินเดือนขั้นต่ำอยู่ที่ €43,056 – €55,200 /ปี (ประมาณ 1,600,000 – 2,000,000 บาท/ปี หรือ เฉลี่ย เดือนละ 133,000 – 166,000 บาท/เดือน)
  • ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งทางเศรษฐกิจและสวัสดิการสังคม เทียบเท่ากับคนชาติเยอรมัน
  • มีโอกาสขอเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร (Permanent Residence) เมื่อทำงานเป็นระยะเวลา 5 ปี

คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ EU Blue Card

เรียนต่อเยอรมันค่าครองชีพแพงไหม ค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่?

สำหรับนักศึกษาที่ลงเรียนหลักสูตร Freshman Program ค่าใช้จ่ายข้างต้น ครอบคลุมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าที่พักเรียบร้อยแล้วนอกจากนี้ ยังรวมค่าเดินทาง ค่าระบบขนส่งสาธารณะ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายเกือบทั้งหมด เหลือเพียงแค่ค่าของใช้ส่วนตัว และค่าอาหารประจำวันใน ดังนั้น น้องๆ อาจเตรียมค่าใช้จ่ายเพียง €400 – €500 ต่อเดือน ก็เพียงพอ (ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตส่วนตัว)

คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าครองชีพประเทศเยอรมนี

เรียนต่อเยอรมัน สามารถทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนได้หรือไม่?

นักศึกษาที่สำเร็จหลักสูตร Freshman Program และได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี จะได้รับอนุญาตให้ทำงานระหว่างเรียน ในประเทศเยอรมันได้ โดยจะได้รับอนุญาตให้ทำงานระหว่างเรียน 120 วันเต็ม (Full Day) หรือ 240 ครึ่งวัน (Half Day) ต่อปี นอกจากนี้ นักศึกษาที่มีความสามารถในการสื่อสารภาษาเยอรมัน มีโอกาสได้งานและเลือกงานได้มากกว่านักศึกษาที่พูดได้เพียงภาษาอังกฤษ เพราะงานที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับผู้คน ความรู้ภาษาเยอรมันเป็นสิ่งจำเป็น เช่น งานบริการในร้านอาหาร ในร้านขายของ เลี้ยงเด็ก ผู้ช่วยในสำนักงาน เป็นต้น นักศึกษาที่ยังสื่อสารภาษาเยอรมันได้ไม่คล่องนัก อาจหางานประเภทอื่น ๆ ได้ เช่น ผู้ช่วยในร้านอาหาร เป็นต้น

ค่าแรงขั้นต่ำประเทศเยอรมนีประมาณ  €9.35 (ประมาณ 347 บาท) ต่อชั่วโมง
อัพเดท 1 มกราคม 2563

คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานระหว่างเรียน ที่ประเทศเยอรมนี


ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม

เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”

บริการของเรามีอะไรบ้าง ?

  • ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
  • เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
  • บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า 
  • บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
  • เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
  • บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, NIB, Allianz, Orbit และอื่นๆ
  • บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
  • บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล

“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558088-269 5099

Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebesteduหรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

 

Scroll to Top

Discover more from เดอะเบสท์ แนะแนวเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading