Last updated มิถุนายน 9, 2022 ago by Thebestedu
ในปี ค.ศ. 2015 มีนักเรียนต่างชาติจำนวน 28,000 คน มาเรียนต่อที่รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนักเรียนต่างชาติเลือกที่จะเรียนต่อซีแอตเทิลมากที่สุด จากการสำรวจของ Institute of International Education รัฐวองชิงตันเป็นรัฐที่มีนักเรียนมาเรียนต่อมากเป็นอันดับที่ 11 โดยสถาบันการศึกษาที่มีนักเรียนต่างชาติมากที่สุดในรัฐได้แก่ University of Washington, Washington State University, Seattle Central College, Green River College และ Edmonds Community College
นอกจากสถาบันการศึกษาคุณภาพสูงแล้ว รัฐวอชิงตันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม อยู่ใกล้กับเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดาด้วย ทำให้นักเรียนที่ต้องการเรียนต่อสหรัฐอเมริกาและอยากท่องเที่ยวในแคนาดา สามารถพิจารณามาเรียนต่อที่รัฐวอชิงตันได้
WASHINGTON STATE, UNITED STATES OF AMERICA
รัฐวอชิงตัน หรือ Washington State คือรัฐในสหรัฐอเมริกา ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ทิศตะวันตกของรัฐติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ทิศเหนือติดกับรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ทิศตะวันออกติดกับรัฐไอดาโฮ และมีทิศใต้ติดกับรัฐออริกอน มีเมืองหลวงชื่อ “โอลิมเปีย”
รัฐวอชิงตัน ไม่ใช่ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา!
กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หรือ Washington D.C. (Washington, District of Columbia) คือเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตันตั้งอยู่ในเขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย ริมแม่น้ำโปโตแมคบนชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ติดกับรัฐแมริแลนด์และรัฐเวอร์จิเนีย และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐใด กรุงวอชิงตันเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลางสหรัฐและสถาบันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศจำนวนมาก เช่น ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ เป็นต้น
แผนที่แสดงที่ตั้งของรัฐวอชิงตันทางตะวันตกของประเทศ และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทางตะวันออกของประเทศ
ทำไมต้องมาเรียนต่อที่รัฐวอชิงตัน?
รัฐวอชิงตัน คือ รัฐที่ดีที่สุดสำหรับการอยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกา ประจำปี ค.ศ. 2020 จากรายงานของ U.S. News and World Report ซึ่งมีการประเมินกว่า 70 ปัจจัยสำคัญของการอยู่อาศัยและประเมินทั้ง 50 รัฐในสหรัฐอเมริกา รัฐวอชิงตันนั้นมีคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีเยี่ยมอยู่ 8 ด้าน ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านโอกาส ด้านเสถียรภาพทางการคลัง ด้านอาชญากรรมและการแก้ไข และด้านสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ โดยด้านสุขภาพและการศึกษาได้รับการพิจารณาว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการจัดอันดับ
รัฐวอชิงตัน คือ รัฐที่ได้รับความนิยมสูงสำหรับนักเรียนต่างชาติและมืออาชีพ ที่ต้องการเรียนต่อในสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพสูงและราคาเป็นมิตรในสหรัฐอเมริกา รัฐวอชิงตันนั้นมีโรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยที่มีความปลอดภัย สะอาดและมีสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่มากมาย รัฐวอชิงตันมีโปรแกรมที่เป็นที่ต้องการของทุกแขนงเปิดสอน ตั้งแต่หลักสูตรภาษาอังกฤษ หลักสูตรมัธยมศึกษา หลักสูตรอบรมวิชาชีพ จนถึงหลักสูตรระดับปริญญาเอก วอชิงตันมีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยของทั้งรัฐบาลและเอกชนมากกว่า 40 แห่ง มี Community College และโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษให้เลือกเรียนมากมาย แต่ละสถาบันการศึกษาก็มีโปรแกรมที่ดีและสามารถโอนหน่วยกิตไม่ยากมาเสนอให้นักเรียน เพื่อให้นักเรียนประสบความสำเร็จสูงสุดทั้งทางด้านการเรียนและการสร้างอาชีพในอนาคต
รัฐวอชิงตัน คือ รัฐที่ใหญ่มากเป็นอันดับที่ 18 ของสหรัฐอเมริกา มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 13 ด้วยจำนวนกว่า 7.6 ล้านคน โดยมีเมืองซีแอตเทิลเป็นเมืองที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในรัฐ และประชากรจำนวนกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ก็อาศัยอยู่ในเมืองซีแอตเทิล แต่ซีแอตเทิลไม่ใช่เมืองหลวงของรัฐวอชิงตัน เมืองที่เป็นเมืองหลวงคือ เมืองโอลิมเปีย (Olympia)
รัฐวอชิงตันมีภูมิประเทศที่หลากหลายและงดงาม มีภูมิภาคทางกายภาพที่แตกต่างกัน 7 ภูมิภาค ตั้งแต่ชายฝั่งแปซิฟิกที่ขรุขระ ยอดภูเขาไฟสูงของ Cascades ทุ่งอันอุดมสมบูรณ์ของ Columbia Basin ในขณะที่การเจาะลึกลงไปในชั้นธรณีวิทยาเป็นเวลาหลายพันปีก็ก่อให้เกิดภูมิทัศน์ที่หลากหลายด้วย ไม่เพียงแต่ภูมิประเทศจะมีความหลากหลาย แต่อากาศในรัฐวอชิงตันก็มีความหลากหลายด้วยเช่นกัน รัฐวอชิงตันถูกแบ่งออกเป็น วอชิงตันตะวันตก และ วอชิงตันตะวันออก โดยมีเทือกเขา Cascade Mountain Range ที่แยกสองฝั่งนี้ออกจากกัน วอชิงตันฝั่งตะวันตกจะมีประชากรหนาแน่นมากที่สุด ประชากรในรัฐอาศัยอยู่ทางฝั่งซ้ายของเทือกเขา ในเมืองหลัก ได้แก่ Seattle, Tacoma, Olympia, Vancouver และ Bellingham ส่วนวอชิงตันฝั่งตะวันออกจะมีเมืองหลัก ได้แก่ Spokane, Spokane Valley, Yakima, Kennewick และ Pasco
สถาบันการศึกษาในวอชิงตันได้มีการออกแบบหลักสูตรการเรียนให้เข้ากับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท้องถิ่นของตน ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบิน อุตสาหกรรมการพัฒนาซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมการสื่อสารโทรคมนาคม อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นอกจากนี้วอชิงตันยังเป็นรัฐการเกษตรขนาดใหญ่ แอปเปิลในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่จะผลิตจากรัฐวอชิงตัน และปัจจุบันรัฐยังเป็นผู้นำด้านการผลิตและปลูกแอปเปิลอีกด้วย
นักเรียนต่างชาติที่อยู่รัฐวอชิงตัน และสนใจเรียนต่อทางด้านเทคโนโลยีสะอาด และการเป็นผู้ประกอบการ จะสามารถหาโอกาสในการฝึกงานในอุตสาหกรรมที่กล่าวมาในรัฐวอชิงตันได้
การเดินทางมารัฐวอชิงตัน
เดินทางโดยเครื่องบิน
- สุวรรณภูมิ (BKK) – ซีแอตเทิล/ทาโคมา (SEA) โดยสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ (แวะพักนาริตะ ไป-กลับ) ประมาณ 30,780 บาท ระยะเวลาเดินทางประมาณ 16 ชั่วโมง 55 นาที (แวะพักที่สนามบินนาริตะ ญี่ปุ่น 1 ชั่วโมง 40 นาที)
- สุวรรณภูมิ (BKK) – สโปเคน (GEG) โดยสายการบินออล นิปปอน แอร์เวย์ และ สายการบิน Skywest DBA United Express (แวะพักนาริตะ และชิคาโก ไป-กลับ) ประมาณ 40,320 บาท ระยะเวลาเดินทางประมาณ 28 ชั่วโมง 48 นาที (แวะพักที่สนามบินนาริตะ 1 ชั่วโมง 45 นาที และแวะพักที่สนามบินนานาชาติ O’Hare 4 ชั่วโมง 40 นาที)
- สุวรรณภูมิ (BKK) – แวนคูเวอร์ (PDX) โดยสายการบินออล นิปปอน แอร์เวย์ และ สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ (แวะพักนาริตะ และซานฟรานซิสโก ไป-กลับ) ประมาณ 35,070 บาท ระยะเวลาเดินทางประมาณ 27 ชั่วโมง 28 นาที (แวะพักที่สนามบินนาริตะ 2 ชั่วโมง 45 นาที และแวะพักที่สนามบินซานฟรานซิสโก 7 ชั่วโมง 25 นาที)
- สุวรรณภูมิ (BKK) – เบลลิงแฮม (BLI) โดยสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ และ สายการบินอลาสกาแอร์ไลน์ (แวะพักนาริตะ และซีแอตเทิล ไป-กลับ) ประมาณ 36,000 บาท ระยะเวลาเดินทางประมาณ 22 ชั่วโมง 15 นาที (แวะพักที่สนามบินนาริตะ 2 ชั่วโมง และแวะพักที่สนามบินซีแอตเทิล-ทาโคมา 4 ชั่วโมง 35 นาที)
เดินทางโดยรถไฟ
สหรัฐอเมริกามีรถไฟ Amtrak ที่วิ่งทั่วทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและวิ่งไปถึงบางเมืองในประเทศแคนาดา ข้างล่างคือแผนที่ของรถไฟ Amtrak มีทั้งสายสีน้ำเงินที่วิ่งระยะยาวด้วยขบวนรถไฟสองชั้น (Double-Deck Superliner Cars) และจะมีเที่ยววิ่งประมาณ 1 เที่ยวต่อวัน ยกเว้นจากรัฐนิวยอร์กไปยังรัฐฟลอริดาที่มี 2 เที่ยวต่อวัน และ Sunset Limited (สาย New Orleans – San Antonio – Los Angeles) ที่วิ่ง 3 เที่ยวต่อสัปดาห์
สำหรับสายสีฟ้าคือรถไฟที่วิ่งระยะยาวด้วย Viewliner, Amfleet or Horizon Cars จะวิ่งประมาณ 1 – 2 เที่ยวต่อวัน
เส้นทางวิ่งรถไฟระยะสั้นที่สำคัญคือสายสีแดง เป็นเส้นทางการวิ่งรถไฟระหว่างเมืองตัวอย่างของเส้นทางระยะสั้นที่วิ่ง เช่น Washington – New York – Boston หรือ Los Angeles – San Diego จะมีบริการการวิ่งรถไฟตามตารางการเดินรถไฟรายวันตามปกติ หรือสามารถศึกษาเส้นทางเดินรถไฟเพิ่มเติมได้จากหน้าเว็บไซต์ www.amtrak.com หรือคลิกที่ Amtrak Route Map
ตัวอย่างเส้นทางการเดินรถไฟจากเมืองในรัฐอื่นมายังเมืองในรัฐวอชิงตัน
- พอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ไป ซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สามารถเดินทางด้วยรถไฟ Amtrak ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง 30 นาที และมีค่าโดยสารเริ่มต้นที่ $27
- ซาคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ไป แวนคูเวอร์ รัฐวอชิงตัน สามารถเดินทางด้วยรถไฟ Amtrak ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง 16 ชั่วโมง 14 นาที และมีค่าโดยสารเริ่มต้นที่ $69
- แวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ไป ซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา สามารถเดินทางด้วยรถไฟ Amtrak ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง 4 ชั่วโมง 25 นาที และมีค่าโดยสารเริ่มต้นที่ $34
เดินทางโดยรถบัส
- บอยซี รัฐไอดาโฮ ไป พาสโก รัฐวอชิงตัน สามารถเดินทางได้ด้วยรถบัสโดยสาร Greyhound ใช้ระยะเวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง 58 นาที และมีค่าโดยสารเริ่มต้นที่ประมาณ $30
- พอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ไป ทาโคมา รัฐวอชิงตัน สามารถเดินทางได้ด้วยรถบัสโดยสาร Greyhound ใช้ระยะเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 35 นาที และมีค่าโดยสารเริ่มต้นที่ประมาณ $16
- แวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ไป ซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา สามารถเดินทางได้ด้วยรถบัสโดยสาร Amtrak Thruway ใช้ระยะเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 45 นาที และมีค่าโดยสารเริ่มต้นที่ประมาณ $45
เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
- เฮเลนา รัฐมอนตานา ห่างจาก สโปเคน รัฐวอชิงตัน ประมาณ 499 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง 13 นาที
- พอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ห่างจาก ทาโคมา รัฐวอชิงตัน ประมาณ 232 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 13 นาที
- แวนคูเวอร์ รัฐบริติชคอลัมเบีย ประเทศแคนาดา ห่างจาก ซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ประมาณ 229 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
10 เหตุผลที่ควรเลือกมาเรียนต่อรัฐวอชิงตัน
รัฐวอชิงตันได้รับการจัดอันดับให้เป็นรัฐที่น่าอยู่มากที่สุดในสหรัฐอเมริกาติดต่อกันเป็นปีที่สองแล้ว หากน้องๆ ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับรัฐวอชิงตัน ว่ามีจุดเด่นอย่างไร และอะไรคือเหตุผลที่ทำให้รัฐวอชิงตันเป็นรัฐที่น่าอยู่มากที่สุด เดอะเบสท์ได้รวบรวมเหตุผลมาให้แล้ว มีดังนี้
1. รัฐวอชิงตันมีระบบการศึกษาที่แข็งแกร่ง
ระบบการศึกษาของรัฐวอชิงตันนั้นเน้นไปที่การออกแบบหลักสูตรให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมในรัฐของตน และมีประเภทของสถาบันการศึกษาและคุณวุฒิที่หลากหลายให้เลือกเรียน เช่น โปรแกรม International High School Completion ที่นักเรียนอายุ 15-16 สามารถสมัครและเรียนระยะเวลาสองปี และจะจบด้วยวุฒิ Washington High School Diploma และ Associate Degree จากนั้นเมื่อได้รับวุฒิ Associate Degree สามารถโอนหน่วยกิตไปเรียนต่อในปีที่ 3 และ 4 ในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยทั้งในรัฐ นอกรัฐและต่างประเทศได้
รัฐวอชิงตันมีมหาวิทยาลัยของรัฐอยู่ 6 มหาวิทยาลัย ได้แก่ University of Washington ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับที่ 42 ของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา, Western Washington University, Washington State University, Eastern Washington University, Central Washington University, University of Washington Tacoma และมีวิทยาลัย มหาวิทยาลัยและโรงเรียนฝึกอบรมวิชาชีพอีกกว่า 300 โรงเรียนตั้งอยู่ในรัฐวอชิงตัน
ตัวอย่างวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพสูงของรัฐวอชิงตัน
![]() |
University of Washington, Seattle #1 Top Public University in Washington State #1 Most Innovative Public University in the world
|
![]() |
Washington State University Public University in Pullman, Washington State
|
![]() |
Western Washington University Public University in Bellingham, Washington State
|
![]() |
Seattle Central College Community College in Seattle, Washington State
|
![]() |
North Seattle College Community College in Seattle, Washington State
|
![]() |
South Seattle College Community College in Seattle, Washington
|
![]() |
Tacoma Community College Community College in Tacoma, Washington State
|
![]() |
Green River College Community College in Auburn, Washington State
|
![]() |
Spokane Community College Community College in Spokane, Washington State
|
![]() |
Lake Washington Institute of Technology College in Kirkland, Washington State
|
สอบถามข้อมูลและวางแผนเรียนต่ออเมริกากับเดอะเบสท์
โทร: 090-327 3558, 088-269 5099
Email: contact@thebest-edu.com
Line: @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
2. รัฐวอชิงตันมีระบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมและทันสมัย
ประชากรในรัฐวอชิงตันกว่า 94.6 เปอร์เซ็นต์ในปี ค.ศ. 2016 มีประกันสุขภาพของตัวเอง โดยชาววอชิงตันจะได้รับความคุ้มครองผ่านกลไกต่างๆ รวมถึง Medicaid (Apple Health), Medicare, การซื้อเองโดยตรง, TRICARE (สำหรับสมาชิกทางการทหารและครอบครัวของพวกเขา), กิจการทหารผ่านศึก, Health Benefit Exchange และแผนการจ้างงาน (EBI)
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าประชากรส่วนใหญ่ในรัฐวอชิงตันมีประกันสุขภาพจากแผนจ้างงานส่วนตัว (Private Employer Plans) ความจริงแล้วความคุ้มครองด้านสุขภาพของชาววอชิงตันได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล หมายความว่าได้รับความคุ้มครองมาโดยผู้เสียภาษีในรัฐมากกว่านายจ้างเอกชน จากตารางต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่าชาววอชิงตัน 42.2 เปอรเซ็นต์ได้รับความคุ้มครองจากกองทุนสาธารณะในปี ค.ศ. 2017 เพียงอย่างเดียวในขณะที่ 40.4 เปอรเซ็นต์ ได้รับความคุ้มครองส่วนตัวจากการจัดซื้อประกันสุขภาพเอง สำหรับประชากรที่อยู่ภายใต้แผนสาธารณะในปี ค.ศ. 2017 มี Medicaid ที่ครอบคลุมมากที่สุดกว่า 17.7 เปอร์เซ็นต์ของผู้อยู่อาศัยในรัฐวอชิงตัน ผู้อยู่อาศัยเพียง 5.5 เปอร์เซ็นต์ของรัฐเท่านั้นที่ไม่มีประกันสุขภาพ
กรมอนามัยของรัฐวอชิงตัน หรือ Washington State Department of Health แจ้งว่า กรมอนามัยของรัฐพร้อมด้วยคณะกรรมการและคอมมิชชั่นต่างๆ ควบคุมผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์มากกว่า 430,000 คนใน 86 วิชาชีพ นอกจากนี้ยังควบคุมองค์กรและโครงการด้านสุขภาพมากกว่า 7,000 แห่ง ซึ่งรวมถึงการกำหนดมาตรฐานการกำกับดูแลสำหรับผู้ให้บริการด้านสุขภาพที่ได้รับใบอนุญาตในวอชิงตัน การพัฒนากฎและนโยบาย และการวิเคราะห์ทางกฎหมายสำหรับสถานพยาบาลทุกแห่ง การรับรองความปลอดภัยสาธารณะ การตรวจสอบโปรแกรมผู้ปฏิบัติงาน และการตรวจสอบให้แน่ใจว่าสถานพยาบาลเป็นไปตามมาตรฐานของรัฐบาลกลางและรัฐวอชิงตัน
3. เศรษฐกิจของรัฐวอชิงตันมีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน
อุตสาหกรรมที่สำคัญ 8 อุตสาหกรรมของรัฐวอชิงตัน
รัฐวอชิงตันมีแรงงานในสาย STEM (Science, Technology, Engineering and Math) มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา และยังมีการค้าทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดกับทวีปเอเชียด้วย โดยภาคเศรษฐกิจชั้นนำของรัฐ ได้แก่ รัฐบาล อสังหาริมทรัพย์ การเช่าซื้อ และข้อมูล โดยภาคการผลิตมาเป็นอันดับที่สี่ ถือเป็น 8.6 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ของรัฐ การผลิตผลไม้และผัก และการผลิตพลังงานสะอาดยังเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐด้วย เดอะเบสท์ ได้ทำการสรุป 8 อุตสาหกรรมหลักของรัฐวอชิงตันมาให้น้องๆ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกสาขาวิชาเรียนและอาชีพในอนาคต ดังนี้
Aerospace – การบินและอวกาศ รัฐวอชิงตันรักษาความเป็นผู้นำระดับโลกในฐานะผู้ผลิตเครื่องบินและระบบทางอากาศไร้คนขับ (UAS) และในฐานะซัพพลายเออร์ที่มีค่าต่อห่วงโซ่อุปทานระดับโลกของ บริษัท การบินและอวกาศและสายการบิน ภาคส่วนนี้ยังทำงานร่วมกับผู้นำในอุตสาหกรรมเพื่อจัดโปรแกรมการฝึกอบรมพนักงานให้สอดคล้องกับความต้องการทางธุรกิจและกำหนดนโยบายที่จะกระตุ้นการเติบโตและการลงทุนในภาคการบินและอวกาศต่อไป |
Agriculture and Food Manufacturing – การเกษตรและการผลิตอาหาร ภาคการเกษตรมุ่งเน้นไปที่การขยายตลาดสำหรับสินค้าพืชผล 300 ชนิดของวอชิงตันตลอดจนอาหารที่ผลิตโดยการขจัดอุปสรรคทางการค้า กฎระเบียบที่ลดลงและคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งในขณะที่จัดการและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าของรัฐและพื้นที่เพาะปลูกที่มีอยู่ |
Clean Technology – เทคโนโลยีสะอาด ความสำคัญสูงสุดประการหนึ่งของผู้ว่าการรัฐคือการสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่นวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการสามารถเติบโตและสร้างงานที่มีรายได้ดีอย่างต่อเนื่องในทุกมุมของรัฐ เพื่อสนับสนุนสิ่งนี้ภาคส่วนเทคโนโลยีสะอาดทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการสำรวจและปรับปรุงเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตใหม่ ๆ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมและธุรกิจ |
Forest Products – ผลิตภัณฑ์จากป่า ภาคส่วนผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ของวอชิงตันได้ให้การดูแลทรัพยากรธรรมชาติและการดำรงชีวิตของชุมชนอย่างชาญฉลาด เป็นงานที่มีค่าจ้างครอบครัวมากว่า 165 ปี แม้จะมีความท้าทาย แต่ความสามารถของอุตสาหกรรมในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ทำให้ทันสมัยและมีความหลากหลายแสดงให้เห็นว่าอดีตชิ้นใหญ่ของวอชิงตันนี้จะมีบทบาทสำคัญในอนาคตด้วย โรงงานผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษและผลิตภัณฑ์ไม้ที่มีมูลค่าเพิ่ม (เช่น ประตูกรอบหน้าต่างและบันได) ผลิตภัณฑ์จากป่าเป็นภาคการผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในวอชิงตัน |
Information and Communications Technology – เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีสถานที่เพียงไม่กี่แห่งในประเทศที่สามารถจับคู่คนงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ที่มีความสามารถของวอชิงตันได้ไม่ว่าพวกเขาจะทำงานใน บริษัท สตาร์ทอัพขนาดเล็กที่ถูกกำหนดให้เป็นตำนาน ธุรกิจคนต่อไปหรือ บริษัท ที่มีผลกระทบทั่วโลกในตลาด กลยุทธ์ภาค ICT เอื้อต่อการลงทุนอย่างยั่งยืนขีดความสามารถสูงสุดและการเติบโตในภาคเทคโนโลยีล้ำสมัยของรัฐรวมถึงซอฟต์แวร์เครือข่ายเกมอีคอมเมิร์ซและข้อมูลขนาดใหญ่ |
Life Science/Global Health – วิทยาศาสตร์ชีวภาพ/สุขภาพโลก ภาคนี้ประกอบด้วยสถาบันการวิจัยระดับโลกผู้ประกอบการที่มีแรงบันดาลใจและมีความสามารถและองค์กรที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการยอมรับในการค้นพบที่ก้าวหน้า ภาควิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต / สุขภาพทั่วโลกมุ่งเน้นไปที่การสรรหา บริษัท และองค์กรใหม่ ๆ ไปยังวอชิงตันช่วยให้ บริษัท ที่มีอยู่ขยายและเติบโตและเพิ่มจำนวนนักวิจัยที่เป็นที่รู้จักในระดับสากลและเงินทุนของรัฐบาลกลางสำหรับสถาบันวิจัยของวอชิงตัน |
Maritime – การเดินเรือ การใช้ประโยชน์จากรากฐานทางทะเลของวอชิงตันภาคนี้มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมนโยบายและการดำเนินการที่รักษาสุขภาพของอุตสาหกรรมในขณะที่สร้างฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคตรวมถึงการแก้ไขปัญหาที่อนุญาตซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนในธุรกิจทางทะเล ภาคการเดินเรือยังมุ่งมั่นที่จะปิดช่องว่างในการฝึกอบรมและการศึกษาสำหรับการค้าทางทะเลและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจการเดินเรือ |
Military and Defense – การทหารและการป้องกัน ภาคการทหารและการป้องกันของวอชิงตันสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐผ่านชุดภารกิจการป้องกันที่หลากหลายและการติดตั้งทางทหาร ผู้รับเหมาและผู้ขายและชุมชนที่เป็นมิตรกับทหาร ภาคนี้มุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญสามประการ ได้แก่ การลดขนาดกำลังทหารทั่วทั้งรัฐการสนับสนุนภาคส่วนในรัฐและนอกรัฐ และการจัดการกับความท้าทายและโอกาสในการเติบโตโดยมุ่งเน้นที่การปรับฐานและการปิด (BRAC) และการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จ ของสมาชิกรับใช้ชีวิตพลเรือน |
รัฐวอชิงตันเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่อย่าง Boeing, Starbucks และ Microsoft และรัฐวอชิงตันไม่เรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่เพิ่มรายได้จากภาษีการขาย ภาษีทรัพย์สิน และภาษีรายรับขั้นต่ำสำหรับธุรกิจ
มหาเศรษฐีระดับโลกหลายคนก็อาศัยอยู่ในรัฐวอชิงตัน เช่น Jeff Bezos ผู้เป็นประธานและ CEO ของ Amazon ซึ่งในปี ค.ศ. 2020 เขาคือบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และยังมี Bill Gates ที่ปรึกษาทางด้านเทคโนโลยี อดีตประธานและ CEO ของ Microsoft อดีตบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เศรษฐีท่านอื่นที่อาศัยอยู่ในรัฐวอชิงตันอีก เช่น Paul Allen จาก Microsoft, Steve Ballmer จาก Microsoft, Craig McCaw จาก McCaw Cellular Communications, James Jannard จาก Oakley, Howard Schultz จาก Starbucks และ Charles Simonyi จาก Microsoft
รู้หรือไม่ : รัฐวอชิงตันคือรัฐที่เป็นต้นกำเนิดของบริษัทระดับโลกอย่าง Boeing, Microsoft และ Starbucks
4. โครงสร้างพื้นฐานของรัฐวอชิงตันนั้นมีคุณภาพในระดับโลก
ปัจจุบันรัฐวอชิงตันมีสิ่งปลูกสร้างที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพสูงระดับโลกมากมายทั้ง การบิน สะพาน เขื่อน น้ำดื่มสะอาด ถนน โรงเรียน ขนส่งสาธารณะ Stormwater และการบำบัดน้ำเสีย
โครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนเศรษฐกิจและวิถีชีวิตในวอชิงตัน โครงสร้างพื้นฐานช่วยให้เจริญเติบโตได้ในสภาพอากาศและภูมิประเทศที่หลากหลาย ระบบขนส่งสาธารณะรวมถึงการเดินเรือเฟอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาทำให้สามารถอาศัยอยู่บนเกาะต่างๆ ใน Puget Sound และนอกชายฝั่งได้ ในขณะที่โครงการบำรุงรักษาถนนและสะพานช่วยอำนวยความสะดวกในการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในสภาพอากาศตั้งแต่ป่าฝนเขตอบอุ่นไปจนถึงทะเลทรายที่แห้งแล้ง โครงสร้างพื้นฐานยังปกป้องทรัพยากรธรรมชาติอันบริสุทธิ์จากการพัฒนาของมนุษย์
ระบบขนส่งสาธารณะของรัฐวอชิงตันมีความปลอดภัยและครอบคลุม
รัฐวอชิงตันมีหน่วยงานชื่อว่า Washington State Department of Transportation คอยกำกับดูแลทางด้านการขนส่งของรัฐ และมีระบบการบริหารจัดการที่ทันสมัย เช่น ระบบ Seattle Traffic, Travel Alerts, Ferries, Amtrak Cascades, Snoqualmie Pass, Mountain Passes, Weather, Commercial Vehicle, Traffic and Cameras ซึ่งระบบเหล่านี้จะดูแลด้านการจราจรในรัฐ เตือนสภาพอากาศ อุบัติเหตุต่างๆ นอกจากนี้ยังมีแผนการจัดการที่ชาวเมืองสามารถช่วยออกแบบได้ด้วย เช่น 2020-2023 State Management Plan for Federal Transit Administration Programs
ประชาชนในรัฐวอชิงตันสามารถเดินทางได้ด้วยขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันมีรถบัส รถไฟ และเรือเฟอร์รี่ ที่ให้บริการ ตัวอย่างรายชื่อของขนส่งสาธารณะในรัฐ ได้แก่
ผู้ให้บริการรถบัส : Ben Franklin Transit, Community Transit, C-TRAN, Everett Transit, King County Metro, Pierce Transit, Sound Transit, Asotin County Transit, Intercity Transit, Kitsap Transit, Link Transit, RiverCities Transit, Skagit Transit, Union Gap Transit, Valley Transit, Yakima Transit, Central Transit, Island Transit, Pacific Transit, Pullman Transit, TranGo, Twin Transit, Access Transportation, Downtown Circulator Bus
ผู้ให้บริการขนส่งทางสาธารณสุข : Hopelink, Human Services Council, Northwest Regional Council, Paratransit Services, People for People, Special Mobility Service, Inc
สายรถบัสที่เชื่อมระหว่างเมืองในรัฐวอชิงตัน : Apple Line, Dungeness Line, Gold Line, Grape Line
ผู้ให้บริการเฟอร์รี่ : Guemes Island Ferry, Keller Ferry, King County Water Taxi, Kitsap Transit Foot Ferry, Lummi Island Ferry, Pierce County Ferry, Wahkiakum County Ferry, Washington State Ferries, WA Ferries, Water Taxi
ผู้ให้บริการรถไฟ : Streetcar, Link Light Rail, Sounders, Monorail, Amtrak
โมโนเรลซีแอตเทิล : Seattle Center Monorail
แผนที่และแอพพลิเคชั่นเพื่อช่วยนำทางให้กับผู้มาเยือนรัฐวอชิงตัน
ผู้ให้บริการแชร์ยานพาหนะ (Shared Mobility)
5. โอกาสการทำงานที่รัฐวอชิงตันมีมากมาย
แผนก Employment Security Department, Washington State มีสถิติและข้อมูลการจ้างงานในอาชีพที่กำลังเป็นที่ต้องการในรัฐวอชิงตัน โดยผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://esd.wa.gov/ เพื่อค้นหาและเลือกตำแหน่งงาน, รายละเอียดงาน, ข้อกำหนดทางด้านการศึกษา, การจ่ายค่าจ้าง, เทรนด์การทำงาน, ทรัพยากรหรืออาชีพอื่นๆ โดยสามารถเลือกรัฐหรือเขตที่ต้องการทำงานได้
รายชื่อของอาชีพที่กำลังเป็นที่ต้องการ หรือ The Occupations in Demand (OID) ของรัฐวอชิงตัน ได้แก่ Chief Executives, General and Operations Managers, Sales Managers, Computer and Information Systems Managers, Financial Managers, Purchasing Managers, Transportation, Storage, and Distribution Managers, Human Resource Managers, Agricultural Managers, Construction Managers, Architectural and Engineering Managers, Food Service Managers, Lodging Managers, Medical and Health Services Managers, Natural Sciences Managers, Social and Community Services Managers, Cost Estimators, Labor Relations Specialists, Logisticians, Management Analysts, Event Planners, Personal Financial Advisors, Computer Network Architects, Health and Safety Engineers เป็นต้น
เรียนต่อรัฐวอชิงตันสามารถทำงานระหว่างเรียนได้ด้วย
นักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่ในอเมริกาที่ถือวีซ่า F-1 อนุญาตให้ทำงานในอเมริกาได้ โดยจะต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน DSO (Designated School Officials) ซึ่งหนึ่งในผู้กำกับดูแลนักเรียน นักศึกษาต่างชาติเป็นหลัก รวมถึงนักเรียนแลกเปลี่ยน ทำหน้าที่ในการติดต่อ ประสานงานสำหรับปัญหาต่างๆ เช่น การเสนอชื่อโรงเรียนที่ได้รับการรับรอง SEVP อัปเดทข้อมูลนักเรียน ให้คำแนะนำนักเรียน ภายใต้เงื่อนไขโดย United States Citizenship and Immigration Service (USCIS)
อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ของวีซ่านักเรียน F-1 คือ อนุญาตให้ผู้ที่ถือวีซ่า มาเรียนและอาศัยอยู่ในอเมริกาได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง การทำงานระหว่างเรียน เป็นเพียงสิทธิ์ที่ผู้ถือวีซ่านักเรียน F-1 สามารถขอได้ และต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฏหมาย และไม่แนะนำให้ผู้ถือวีซ่านักเรียน F-1 ทำผิดกฏหมายใดๆ ถ้าหากถูกจับจะโดนยกเลิกวีซ่า โดนส่งกลับประเทศ ถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย หรือโดนแบนห้ามเข้าประเทศอเมริกา นอกจากนี้ ยังทำให้นักศึกษารุ่นหลังๆ ที่ตั้งใจไปเรียนต่ออเมริกาจริงๆ ขอวีซ่าลำบากขึ้นด้วย
คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานระหว่างเรียน สำหรับวีซ่านักเรียนอเมริกา F-1
ค่าแรงขั้นต่ำในสหรัฐอเมริกาเท่าไหร่ ?
ค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลกลาง คือ $15 ต่อชั่วโมง ซึ่งได้รับการกำหนดโดย Fair Labor Standards Act (FLSA) โดยจะได้มากกว่า หรือน้อยกว่า ขึ้นอยู่กับประเภทงานที่ทำ และกฏหมายค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละรัฐที่กำหนด โดยเมือง Emeryville รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นเมืองที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงที่สุด อยู่ที่ $16.84 ต่อชั่วโมง รองลงมาคือ เมืองซีแอตเทิล ที่มีค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ $16.69 ต่อชั่วโมง และรัฐที่มีค่าแรงขั้นต่ำกำหนดสูงที่สุดคือ รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ $14.00 ต่อชั่วโมง วันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 2021 ประธานาธิบดี Joe Biden มีการประกาศขึ้นค่าเรื่องขั้นต่ำทั่วประเทศเป็น $15 ต่อชั่วโมง
ค่าแรงขั้นต่ำของรัฐวอชิงตัน คือ $13.69 ต่อชั่วโมง และค่าแรงขั้นต่ำในเมืองซีแอตเทิล คือ $16.69 ต่อชั่วโมง ผู้ที่ต้องได้รับค่าแรงขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดคืองานที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการเกษตร และชั่วโมงทำงานนั้นหมายรวมถึง ชั่วโมงเปิดและปิดธุรกิจ ชั่วโมงการฝึกงาน และชั่วโมงการประชุม ยกเว้นผู้ที่อายุ 14 – 15 ปี ที่สามารถได้รับค่าแรงน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดได้ แต่ไม่เกิน 85 เปอร์เซ็นต์ของค่าแรงขั้นต่ำ
ตัวอย่างค่าแรงขั้นต่ำของเมืองและรัฐอื่นในสหรัฐอเมริกา
เมือง/รัฐ |
ค่าแรงขั้นต่ำ (USD) / ชั่วโมง |
ค่าทิปขั้นต่ำ (USD) / ชั่วโมง (รวมในค่าแรง) |
Boston, Massachusetts |
$13.50 |
$5.55 |
Chicago, Illinois |
$13.50 |
$8.10 |
Los Angeles, California |
$15.00 |
รัฐแคลิฟอร์เนียไม่อนุญาตให้มีกำหนดทิปขั้นต่ำ |
New York, New York |
$15.00 |
$7.50 |
San Francisco, California |
$16.07 |
รัฐแคลิฟอร์เนียไม่อนุญาตให้มีกำหนดทิปขั้นต่ำ |
Washington DC, District of Columbia |
$15.00 |
$5.00 |
Atlanta, Georgia |
$7.25 |
$2.13 |
San Diego, California |
$14.00 |
รัฐแคลิฟอร์เนียไม่อนุญาตให้มีกำหนดทิปขั้นต่ำ |
Pittsburgh, Pennsylvania |
$7.25 |
$2.83 |
Philadelphia, Pennsylvania |
$7.25 |
$2.83 |
6. รัฐวอชิงตันมีสภาพอากาศที่ดีและเหมาะสมกับการเรียน
สภาพอากาศในวอชิงตันตะวันตกค่อนข้างอ่อน วันในฤดูร้อนแทบจะไม่สูงเกิน 26 องศาเซลเซียส และวันในฤดูหนาวแทบจะไม่ต่ำกว่า 8 องศาเซลเซียสในระหว่างวัน หิมะนั้นหาได้ยากแต่อุณหภูมิในฤดูหนาวสามารถลดลงได้ถึง -6 ถึง -1 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืนได้อย่างง่ายดาย ปริมาณน้ำฝนประจำปีในพื้นที่ซีแอตเทิลคือ 94 เซ็นติเมตร
สำหรับวอชิงตันตะวันออกฤดูร้อนนั้นจะร้อนกว่าและฤดูหนาวก็จะหนาวกว่าวอชิงตันตะวันตก อุณหภูมิเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 3 ถึง 17 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนประจำปีอยู่ที่ประมาณ 38 – 76 เซ็นติเมตร
ส่วนวอชิงตันกลางเกือบจะเป็นที่ราบซึ่งเป็นทางไปสู่เนินเขา จากดินภูเขาไฟที่อุดมสมบูรณ์และสภาพอากาศที่แห้งแล้งทำให้เกิดระบบนิเวศที่เหมาะสำหรับการเกษตรและการผลิตอาหาร
รัฐวอชิงตันใส่ใจและมีแผนการป้องกันมลพิษทางอากาศ
มีการดำเนินการหลายอย่างที่สามารถทำได้ในระดับรัฐและระดับบุคคลเพื่อลดระดับมลพิษทางอากาศในวอชิงตัน ท้ายที่สุดแล้วความพยายามร่วมกันระหว่างทั้งสองเป็นตัวขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเปลี่ยนแปลงผลกระทบ
รัฐบาลเป็นหน่วยงานที่ทรงพลังในการจัดการการปล่อยมลพิษทั่วทั้งรัฐ กลยุทธ์ที่ได้รับทุนจากฝ่ายนิติบัญญัติและรัฐบาล ได้แก่ :
- ส่งเสริมความพร้อมใช้งานและความน่าสนใจของระบบขนส่งสาธารณะ
- กระตุ้นหรือออกกฎหมายให้เปลี่ยนจากเตาไม้เก่าไปเป็นเตาเผาที่สะอาดกว่า
- ดำเนินการห้ามเผาเพื่อลดความเสี่ยงจากไฟป่าและการเผาไม้ตามฤดูกาล
- ลดการพึ่งพาดีเซลผ่านรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันและเชื้อเพลิงที่สะอาดกว่า
- เปลี่ยนสภาพยานพาหนะเป็นทางเลือกที่ใช้ไฟฟ้าหรือไฮบริด
- ใช้ไฟที่กำหนดเพื่อกำจัดเศษป่าและลดความเสี่ยงจากไฟป่าที่รุนแรง
การลดการปล่อยมลพิษส่วนบุคคลเป็นวิธีหนึ่งในการดำเนินการเรื่องต่างๆด้วยมือของตัวเองเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมและโลกในท้องถิ่น การกระทำที่สำคัญที่สุดที่สามารถทำได้ในระดับบุคคล ได้แก่ :
- ลดการเผาไม้ในบ้านและหาทางเลือกอื่นสำหรับการทำความร้อนในบ้านแทนเช่นก๊าซธรรมชาติและโพรเพน
- ขับรถน้อยลงใช้โหมดการขนส่งสาธารณะมากขึ้นและเลือกใช้รถยนต์และเชื้อเพลิงที่สะอาดกว่า
- หลีกเลี่ยงการจุดไฟและบาร์บีคิวกลางแจ้งและปฏิบัติตามคำสั่งห้ามเผา เมื่อจุดไฟกลางแจ้งให้ปฏิบัติตามระเบียบการด้านความปลอดภัย (มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของไฟป่าเกิดจากมนุษย์)
7. รัฐวอชิงตันมีความปลอดภัยและควบคุมการเกิดอาชญากรรมได้ดี
วอชิงตันสามารถรับมือกับการเกิดอาชญากรรมรุนแรงมากกว่าอาชญากรรมในทรัพย์สิน แต่ทั้งสองอาชญากรรมก็ได้รับการควบคุมให้ลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี รัฐที่มีความเขียวชอุ่มตลอดทั้งปีนี้มีการลดลงของอาชญากรรมรุนแรงต่อ 1,000 คนเหลือ 2.9 ในปีค.ศ. 2020
วอชิงตันรายงานว่าอัตราการเกิดอาชญากรรมรุนแรงต่ำสุดเป็นอันดับสองในภูมิภาคแปซิฟิกเชื่อมโยงกับฮาวายที่ 2.9 เหตุการณ์ต่อ 1,000 ครั้งและมีรัฐออริกอนตามหลังที่ 2.8 เท่านั้น และแต่ละปีอาชญากรรมทรัพย์สินลดลง 9 เปอร์เซ็นต์ในรัฐนี้
สรุปเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในรัฐวอชิงตัน
ข้อมูลต่อไปนี้คือข้อมูลอาชญากรรมจากเอฟบีไอ ไม่มีการระบุลักษณะอื่นๆ ของชุมชนใดๆ โดยนัยหรือตั้งใจ และวัตถุประสงค์ของรายงานนี้คำว่า “อันตราย” และ “ปลอดภัยที่สุด” หมายถึง อัตราการก่ออาชญากรรมอย่างชัดเจน
- มี 75 เมืองที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่จะได้รับการพิจารณาสำหรับการจัดอันดับ
- Sammamish เปิดตัวเป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในรัฐวอชิงตันในปีค.ศ. 2020 ซึ่งถือเป็นความประทับใจของชาวเมืองมากกว่า 66,000 คน นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในลิสต์ด้วย
- นอกจากเมือง Sammamish แล้ว ยังมีเมือง Maple Valley, Kenmore, New Castle และ Woodinville ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเมืองใหม่ในการจัดอันดับของปีนี้
- 55% ของเมืองที่ปลอดภัยที่สุดเหล่านี้ มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนมากกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- เมือง East Wenatchee อันดับเพิ่มขึ้นจาก 18 ปีที่แล้ว มาเป็น 8 ในปีนี้
- 75% ของเมืองได้รายงานว่ามีอาชญากรรมเกิดขึ้นเป็นศูนย์
- ไม่มีเมืองใดรายงานการก่ออาชญากรรมรุนแรงรวมมากกว่า 44 ครั้ง โดย Lake Forest Park รายงานว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นเพียง 3 ครั้ง
- อัตราการเกิดอาชญากรรมรุนแรงโดยเฉลี่ยในเมืองที่ปลอดภัยที่สุดคือ 0.7 เหตุการณ์ต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งต่ำกว่าอัตราทั่วทั้งรัฐ 76%
- อัตราการเกิดอาชญากรรมต่อทรัพย์สินโดยเฉลี่ยในเมืองที่ปลอดภัยที่สุดคือ 12.6 เหตุการณ์ต่อประชากร 1,000 คน ซึ่งต่ำกว่าอัตราทั่วทั้งรัฐ 53%
รายชื่อ 20 เมืองที่ปลอดภัยมากที่สุดในรัฐวอชิงตันตามลำดับ
1. Sammamish |
2. Bainbridge Island |
3. Camas |
4. Lake Forest Park |
5. Mercer Island |
6. Snoqualmie |
7. Maple Valley |
8. East Wenatchee |
9. Kenmore |
10. West Richland |
11. Enumclaw |
12. Mill Creek |
13. Oak Harbor |
14. Pullman |
15. Newcastle |
16. Bothell |
17. Lake Stevens |
18. Lynden |
19. Sedro Woolley |
20. Woodinville |
8. รัฐวอชิงตันมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์
ธรรมชาติดูเหมือนจะใหญ่กว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในรัฐวอชิงตัน ทั้งภูเขา ทะเล เกาะ ภูเขาไฟ และเมืองที่มีความน่าสนใจอย่างซีแอตเทิล ที่เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภูมิภาคนี้ ทำให้สามารถเดินทางท่องเที่ยวและพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ได้มากมาย ในแต่ละปีรัฐวอชิงตันดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคน สำหรับผู้ที่มองหาการผจญภัยที่แท้จริงสามารถเดินทางไปทั่วทั้งรัฐผ่านเส้นทาง Pacific Crest Trail หรือสำรวจสภาพแวดล้อมขนาดใหญ่ที่พบในอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงทั้งสามแห่งของวอชิงตัน
10 สถานที่ยอดนิยมในการท่องเที่ยวของรัฐวอชิงตัน
1. Olympic National Park
2. Mount Rainier National Park
3. The Space Needle and Seattle Center
4. Pike Place Market
5. The Museum of Flight
6. Snoqualmie Falls
7. Lake Chelan
8. Mount St. Helens National Volcanic Monument
9. Leavenworth
10. Washington State Capitol Building
9. อาหารยอดนิยมที่ควรลองชิมในวอชิงตันมีความหลากหลายและโดดเด่น
รัฐวอชิงตันขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดริมชายฝั่ง ไร่องุ่นตะวันออก และร้านกาแฟมากมาย และยังเป็นที่ตั้งของชุมชนเกษตรกรและนักหาอาหารที่หลากหลายซึ่งปลูกและเก็บเกี่ยววัตถุดิบในการทำอาหาร เช่น ลาเวนเดอร์ หน่อไม้ฝรั่ง เห็ด และข้าวบาร์เลย์ที่ผ่านการปอกเปลือก ต่อไปนี้คือตัวอย่างของอาหารที่เป็นเอกลักษณ์และขึ้นชื่อของรัฐวอชิงตัน
Smoked Sockeye Salmon |
Sauteed Geoduck |
Oysters on the Half Shell |
Oyster Stew |
Steamed Mussels & Clams |
Razor Clam Chowder |
Geoduck Crudo |
Morels on Toast |
Scrambled Egg |
Mangalitsa Pig Charcuterie |
Molten Chocolate Cake |
Etta’s “Rub with Love” Salmon |
Charles Smith Wines |
Cafe Nico |
Apple Cider Doughnuts |
10. ค่าครองชีพของรัฐวอชิงตันคุ้มค่ากับคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัย
การศึกษาต่อต่างประเทศจะมีค่าใช้จ่ายที่นักเรียนหรือผู้ปกครองต้องเตรียมที่สำคัญ คือ ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าวีซ่านักเรียน ค่าประกันสุขภาพ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าการเดินทาง ค่านันทนาการ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและเบ็ดเตล็ด และค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับประเทศต้นทางและประเทศปลายทาง มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาหรือในรัฐวอชิงตันมักจะมีที่พักของมหาวิทยาลัยให้กับนักศึกษา ส่วนนักเรียนศึกษาระดับประถมหรือมัธยมศึกษาจะมีที่พักในโรงเรียน หรือบ้านพักโฮมสเตย์ ที่สามารถเลือกพักกับโฮสต์แฟมิลี่ได้ ส่วนวิทยาลัยชุมชนหรือ Community College จะไม่มีที่พักภายในแคมปัสให้กับนักเรียน นักเรียนส่วนใหญ่เลือกจะพักในอพาร์ทเมนท์ใกล้วิทยาลัยกับเพื่อน
เนื่องจากรัฐวอชิงตันมีขนาดใหญ่และมีเมืองอยู่มากมาย แต่ละเมืองก็มีค่าครองชีพที่แตกต่างกัน เดอะเบสท์ฯ จึงได้ทำการสรุปข้อมูลและแนะนำค่าครองชีพเฉลี่ยของรัฐ หากน้องๆ หรือผู้ปกครองต้องการทราบค่าครองชีพใน 1 เดือนหรือ 1 ปีที่เจาะจงเมืองหรือโรงเรียน/วิทยาลัย/มหาวิทยาลัย สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเข้ามาที่ เดอะเบสท์ฯ ได้เลยค่ะ
ตัวอย่างการคำนวณค่าครองชีพ 1 เดือนในรัฐวอชิงตัน
รายการ | ประมาณการค่าใช้จ่าย (US$) | ประมาณการค่าใช้จ่าย (THB) |
ค่าที่พักและอาหาร Room and Board |
$1,090 | 33,790 บาท |
ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียน Textbooks & Course Supplies |
$75 | 2,325 บาท |
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและเบ็ดเตล็ด Personal & Miscellaneous |
$193 | 5,983 บาท |
ค่าขนส่งสาธารณะ Transportation |
$40 | 1,240 บาท |
ค่าประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ International Student Health Insurance |
$42 – $119 | 1,302 – 3,689 บาท |
รวมประมาณการค่าใช้จ่าย | US$1,440 – US$1,517 | 44,640 – 47,027 บาท |
หมายเหตุ:
- คำนวณอัตราแลกเปลี่ยน 1 US$ มีค่าประมาณ 31 บาท
- ค่าใช้จ่ายข้างต้น เป็นการประมาณโดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเท่านั้น น้องๆ อาจจะประหยัดค่าใช้จ่ายโดยการเลือกที่พักที่ราคาถูกกว่า หรือเลือกแชร์ที่พักกับเพื่อน อยู่ห่างย่านเศรษฐกิจหรือชาวต่างชาติออกไปอีก หรืออาจประหยัดกว่านี้โดยการทำอาหารรับประทานเอง
น้องๆ มีข้อมูลที่สำคัญที่ควรรู้ เพื่อเตรียมตัวในการเรียนต่อและอาศัยอยู่รัฐวอชิงตันเรียบร้อยแล้ว สามารถใช้ข้อมูลนี้ประกอบการตัดสินใจในการเรียนต่อได้เลย และน้องๆ ที่กำลังวางแผนจะเรียนต่อที่รัฐวอชิงตัน หรือเรียนต่อซีแอตเทิล หรือเรียนต่อในเมืองหรือรัฐอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษากับ ศูนย์ เดอะเบสท์ เพื่อให้การเรียนต่อต่างประเทศเป็นเรื่องง่าย ไม่ยุ่งยากได้เลยค่ะ
ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม
เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”
บริการของเรามีอะไรบ้าง ?
- ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
- เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
- บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า
- บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
- เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
- บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, NIB, Allianz, Orbit และอื่นๆ
- บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
- บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล
“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558, 088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
แหล่งที่มา:
- Today Website: https://www.today.com/
- Choose Washington State Website: http://choosewashingtonstate.com/
- Washington State Department of Commerce Website: https://www.commerce.wa.gov/
- Infrastructure Report Card Website: https://infrastructurereportcard.org/
- Economic Opportunity Institute Website: http://www.opportunityinstitute.org/
- Washington State Department of Health Website: https://www.doh.wa.gov/
- Wikipedia Website: https://en.wikipedia.org/
- Washington State Department of Transportation Website: https://www.wsdot.com/
- Seattle Government Website: https://www.seattle.gov/
- Employment Security Department Washington State Website: https://esd.wa.gov/
- Washington State Department of Labor & Industries Website: https://lni.wa.gov/
- Safewise Website: https://www.safewise.com/
- The Culture Trip Website: https://theculturetrip.com/
- Food Network Website: https://www.foodnetwork.com/
- University of Washington Website: https://www.washington.edu/
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.