เดอะเบสท์ แนะแนวเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร

ทำไมต้องเรียนต่อไอร์แลนด์? ประตูสู่การศึกษาระดับโลก และโอกาสสำหรับนักเรียนไทย วางแผนเรียนต่อปริญญตรี โท ไอร์แลนด์ ต้องไม่พลาด

Last updated สิงหาคม 29, 2025 ago by Thebestedu

ทำไม? ต้องเรียนต่อไอร์แลนด์ ประตูสู่การศึกษาระดับโลก และโอกาสสำหรับนักเรียนไทย วางแผนเรียนต่อปริญญตรี โท ไอร์แลนด์ ต้องไม่พลาด


ไอร์แลนด์ – ประตูสู่การศึกษาระดับโลกและโอกาสสำหรับนักเรียนไทย

ไอร์แลนด์เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนต่างชาติที่กำลังมองหาประสบการณ์การศึกษาในต่างประเทศ ด้วยระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูงและสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและปลอดภัย. ประเทศนี้มีความโดดเด่นในฐานะประเทศเดียวในยูโรปโซนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับนักเรียนที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษและเข้าถึงตลาดงานในยุโรปหลังสำเร็จการศึกษา. การที่ไอร์แลนด์เป็นศูนย์กลางสำหรับบริษัทข้ามชาติชั้นนำมากมายในยุโรป ทำให้การศึกษาที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นการได้รับความรู้ แต่ยังเป็นการวางตำแหน่งตนเองในระบบเศรษฐกิจสำคัญของยุโรปที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการจ้างงานหลังเรียนจบอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรปที่อาจมีอุปสรรคด้านภาษามากกว่า.

สถาบันการศึกษาในไอร์แลนด์เปิดสอนหลักสูตรมากกว่า 5,000 หลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและมีการประกันคุณภาพ. การเลือกเรียนต่อที่ไอร์แลนด์จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ซึ่งมอบประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ทั้งในด้านการศึกษาในวัฒนธรรมตะวันตก และการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นมิตร. นอกจากนี้ นักศึกษาต่างชาติยังมี  

โอกาสในการทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียน และมีตัวเลือกในการพำนักต่อหลังเรียนจบเพื่อคว้าโอกาสทางอาชีพในตลาดแรงงานระดับโลก.  

ทำไมต้องเรียนต่อไอร์แลนด์?

คุณภาพการศึกษาและการวิจัยระดับโลก

ไอร์แลนด์มีระบบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในด้านคุณภาพทางวิชาการและความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ. ประเทศนี้เป็น  

ผู้นำด้านการวิจัยระดับโลก โดยมหาวิทยาลัยหลายแห่งติดอันดับ 1% แรกของสถาบันวิจัยทั่วโลกในด้านผลกระทบจากการวิจัย. ความโดดเด่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการสร้างองค์ความรู้ใหม่และการประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง.  

ในด้านเศรษฐกิจ ไอร์แลนด์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่แข่งขันได้เป็นอันดับที่ 6 ในสหภาพยุโรปและอันดับที่ 12 ของโลก ตามรายงานของ IMD World Competitiveness ปี 2020. นอกจากนี้ ยังอยู่ใน  

อันดับที่ 12 ในดัชนีนวัตกรรมโลกปี 2019. ความเป็นเลิศด้านการวิจัยครอบคลุมหลายสาขา เช่น เคมี, นาโนเทคโนโลยี, ภูมิคุ้มกันวิทยา, วิทยาศาสตร์การเกษตร และคณิตศาสตร์. คุณภาพการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกนี้เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากไอร์แลนด์มีศักยภาพในการแข่งขันสูงในตลาดงานระดับนานาชาติ.  

ปริญญาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

วุฒิการศึกษาจากสถาบันการศึกษาของไอร์แลนด์ได้รับการยอมรับและประกันคุณภาพในระดับสากล ทำให้นักศึกษามั่นใจได้ว่าปริญญาที่ได้รับจะมีคุณค่าและสามารถนำไปใช้ในการศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพได้ทั่วโลก. การได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติเช่นนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเปิดประตูสู่โอกาสทางอาชีพที่หลากหลายและก้าวหน้า.  

หลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ

ไอร์แลนด์เป็นระเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักเพียงแห่งเดียวในยูโรโซน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับนักศึกษาต่างชาติ. การมีหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษจำนวนมากทำให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงการศึกษาคุณภาพสูงได้โดยตรงโดยไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคทางภาษา. นายจ้างในปัจจุบันให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความสามารถทางภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมการทำงานระหว่างประเทศและระหว่างวัฒนธรรม. การใช้ชีวิตและเรียนในสภาพแวดล้อมที่พูดภาษาอังกฤษเป็นหลักเป็นระยะเวลานานช่วยให้นักศึกษา  

พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในระดับสูง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในตลาดแรงงานระดับโลก.

ศูนย์กลางธุรกิจระดับโลกและนวัตกรรม

ไอร์แลนด์ได้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับบริษัทข้ามชาติชั้นนำระดับโลกกว่า 1,000 แห่ง โดยเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในยุโรปของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ 9 ใน 10 แห่ง, บริษัทอุปกรณ์การแพทย์ 14 ใน 15 แห่ง, บริษัทเภสัชกรรม 10 อันดับแรกทั้งหมด และบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก 5 อันดับแรก.ประเทศนี้ยังอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกในด้านประสิทธิภาพทางธุรกิจ ตามรายงานของ IMD World Competitiveness Yearbook 2020.  

การที่ไอร์แลนด์เป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับโลกสำหรับบริษัทข้ามชาติเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การดึงดูดการลงทุนเท่านั้น แต่ยังสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการจ้างงานหลังเรียนจบอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มีทักษะภาษาอังกฤษและมุมมองระดับโลก. การมีบริษัทชั้นนำเหล่านี้อยู่เป็นจำนวนมากทำให้เกิดความต้องการบุคลากรที่มีความสามารถสูงและมีทักษะภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยม. สำหรับนักศึกษาต่างชาติ นี่คือโอกาสโดยตรงที่การศึกษาในไอร์แลนด์จะเชื่อมโยงพวกเขาสู่สายงานในองค์กรข้ามชาติเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นในไอร์แลนด์เอง หรือในสำนักงานสาขาอื่นๆ ทั่วโลก. ระบบการศึกษาของไอร์แลนด์จึงตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอุตสาหกรรมก็มอบโอกาสทางอาชีพที่น่าสนใจให้กับบัณฑิต.

สังคมนานาชาติที่เปิดกว้างและเป็นมิตร

ไอร์แลนด์เป็นที่รู้จักในฐานะประเทศที่เปิดกว้างและให้การต้อนรับนักศึกษาจากทั่วโลก. บรรยากาศที่เป็นมิตรนี้ช่วยให้นักศึกษาต่างชาติรู้สึกสบายใจและสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้อย่างรวดเร็ว. ประเทศนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน ”  

ประเทศที่เข้าสังคมได้มากที่สุดในโลก” โดย Lonely Planet ในปี 2017.  

ความหลากหลายทางวัฒนธรรมเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของไอร์แลนด์ โดยประชากร 13% เป็นชาวต่างชาติ และมีชาวไอริชกว่าครึ่งล้านคนที่สามารถพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว. การผสมผสานของผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรมสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและยอมรับความแตกต่าง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักศึกษาในการพัฒนาทักษะการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมและสร้างเครือข่ายระดับโลก.  

ความปลอดภัยและคุณภาพชีวิต

ไอร์แลนด์ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “ประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลกอันดับที่ 12 โดย Global Peace Index. ระดับความรุนแรงและอาชญากรรมตามท้องถนนค่อนข้างต่ำ ทำให้นักศึกษาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ. สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นมิตรนี้ช่วยให้นักศึกษาสามารถมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยมากนัก. คุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยมในไอร์แลนด์ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักศึกษาและบุคลากรจากทั่วโลก.  

ทำความรู้จักระบบการศึกษาไอร์แลนด์: คุณภาพระดับโลก โอกาสกว้างไกล

ประเภทสถาบันอุดมศึกษา

ไอร์แลนด์มีสถาบันอุดมศึกษา 34 แห่งที่เปิดสอนหลักสูตรมากกว่า 5,000 หลักสูตร ครอบคลุมหลากหลายสาขาวิชา. สถาบันเหล่านี้แบ่งออกเป็นหลายประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการและเป้าหมายที่แตกต่างกันของนักศึกษา:  

  • มหาวิทยาลัย (Universities): สถาบันเหล่านี้เน้นการวิจัยและเปิดสอนหลักสูตรเชิงทฤษฎีในหลากหลายสาขาวิชา ตั้งแต่มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ วิศวกรรมศาสตร์ และแพทยศาสตร์. ตัวอย่างมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ได้แก่ Dublin City University, Maynooth University, National University of Ireland, Galway, Trinity College Dublin, University College Cork, University College Dublin และ University of Limerick.  
  • สถาบันเทคโนโลยี (Institutes of Technology): สถาบันเหล่านี้เน้นการสอนที่มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติและการเตรียมความพร้อมสำหรับอาชีพเฉพาะทาง มักมีการทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจอย่างใกล้ชิด โดยมีการบูรณาการการฝึกงานและโครงการภาคปฏิบัติเข้าในหลักสูตรเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างสถาบันเหล่านี้ ได้แก่ Athlone Institute of Technology, Cork Institute of Technology, Dublin Institute of Technology และอื่นๆ.  
  • วิทยาลัย (Colleges): ในหมวดหมู่นี้รวมถึงวิทยาลัยเฉพาะทางด้านศิลปะ ดนตรี การละคร หรือการฝึกอบรมอาชีพ รวมถึงวิทยาลัยธุรกิจต่างๆ เช่น National College of Art and Design, Royal College of Surgeons In Ireland และ Dublin Business School.  

วิธีการสอนและทักษะที่พัฒนา

ระบบการศึกษาของไอร์แลนด์เน้นการเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วยนักศึกษาเป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะชีวิตส่วนตัว วิชาการ และวิชาชีพ. หลักสูตรมักจะเน้นด้านอาชีพ โดยมีการบูรณาการการฝึกงานและโอกาสในการทำงานภาคปฏิบัติ. การเรียนรู้ในไอร์แลนด์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการบรรยายในห้องเรียน แต่มีการใช้หลากหลายรูปแบบ เช่น  

กรณีศึกษา, การนำเสนอ, โครงงานกลุ่ม และการทำงานร่วมกัน. สิ่งเหล่านี้ช่วยให้นักศึกษาพัฒนาทักษะที่นายจ้างต้องการในตลาดแรงงานยุคใหม่.  

การที่ระบบการศึกษาไอริชเน้น “ทักษะที่ถ่ายทอดได้” และ “การเรียนรู้ที่เน้นการประยุกต์ใช้” สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผลิตบัณฑิตที่ “พร้อมทำงาน” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในตลาดแรงงานยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว. แนวทางนี้เป็นการตอบสนองโดยตรงต่อความต้องการของตลาดที่งานประจำจำนวนมากถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ. ดังนั้น การมุ่งเน้นจึงเปลี่ยนจากการท่องจำไปสู่การพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และความสามารถในการปรับตัว ซึ่งเป็นทักษะที่เครื่องจักรไม่สามารถเลียนแบบได้. การศึกษาในไอร์แลนด์จึงสร้างบัณฑิตที่ไม่เพียงมีความรู้ทางวิชาการ แต่ยังมีความสามารถในการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้และปรับตัวเข้ากับความท้าทายในอนาคตได้ ทำให้ปริญญาจากไอร์แลนด์เป็นทรัพย์สินที่มีค่าในระยะยาว.

  • ทักษะที่นายจ้างมองหา: นายจ้างในไอร์แลนด์มองหาผู้สมัครที่มีทักษะหลากหลาย ซึ่งพัฒนาขึ้นจากการศึกษาอย่างเป็นทางการ, การฝึกอบรมในที่ทำงาน, ประสบการณ์การทำงาน และประสบการณ์ชีวิตนอกเหนือจากงาน. ทักษะเหล่านี้แบ่งออกเป็น:  
  • ทักษะเฉพาะด้าน (Discipline-Specific Skills): เป็นทักษะทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับอาชีพเฉพาะทาง เช่น ทักษะด้านบัญชี กฎหมาย หรือการพยาบาล ซึ่งมักระบุไว้อย่างชัดเจนในประกาศรับสมัครงาน.  
  • ทักษะที่ถ่ายทอดได้ (Transferable Skills): เป็นทักษะที่สำคัญและสามารถนำไปใช้ได้ในหลายบทบาทและอุตสาหกรรม นายจ้างจะประเมินทักษะเหล่านี้ในระหว่างการสัมภาษณ์และการประเมินผล. ทักษะเหล่านี้รวมถึง:  
  • ทักษะการสื่อสาร (Communication Skills): ความสามารถในการเขียนที่ชัดเจนและกระชับ (เช่น อีเมล, จดหมาย, รายงาน โดยคำนึงถึงไวยากรณ์, น้ำเสียง และบริบท), การแสดงออกทางภาษากายที่เหมาะสม (เช่น การสบตา, ท่าทาง), การฟังอย่างกระตือรือร้น และการมีส่วนร่วมในการสนทนาทั้งในเชิงวิชาชีพและสังคม. การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการทำความเข้าใจบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมแบบ “ตะวันตก”.  
    • การรู้เท่าทันดิจิทัล (Digital Literacy): ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล.  
    • การทำงานเป็นทีม (Teamwork): ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ.  
    • ความเป็นผู้นำ (Leadership): ความสามารถในการนำและสร้างแรงบันดาลใจ.  
    • ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence): ความสามารถในการเข้าใจและจัดการอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น.  
    • ความซื่อสัตย์ในวิชาชีพ (Professional Integrity): การยึดมั่นในหลักจริยธรรมและค่านิยม.  
    • ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity): การคิดนอกกรอบและแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในยุคที่การทำงานประจำถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ.  
    • การบริการลูกค้า (Customer Service): ทักษะในการโต้ตอบและตอบสนองความต้องการของลูกค้า.  
    • การบริหารเวลา (Time Management): ความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญและบริหารจัดการงานให้สำเร็จตามกำหนด.  
    • การบริหารโครงการ (Project Management): ทักษะในการวางแผนและดำเนินโครงการให้บรรลุเป้าหมาย.  

นายจ้างยังสนใจกิจกรรมอื่นๆ ที่นักศึกษาเข้าร่วม เช่น งานอาสาสมัคร, โครงการชุมชน หรือกิจกรรมการฝึกสอน/ให้คำปรึกษา เพราะสิ่งเหล่านี้แสดงถึงทักษะเพิ่มเติมที่สำคัญ. การเข้าร่วมชมรมและสมาคมของมหาวิทยาลัย หรือศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการ ก็เป็นวิธีที่ดีในการสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่า.  

ตารางที่ 1: อันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำในไอร์แลนด์ ปี 2025

ตารางนี้เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้นักเรียนและผู้ปกครองสามารถประเมินคุณภาพและชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยในไอร์แลนด์ได้อย่างรวดเร็ว. การรวมอันดับจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือหลายแห่ง เช่น QS World University Rankings, Times Higher Education World University Rankings และ Academic Ranking of World Universities (Shanghai Ranking) ช่วยให้เห็นภาพรวมที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือมากขึ้น. การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบตารางช่วยให้การเปรียบเทียบและการทำความเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนเป็นไปได้ง่ายขึ้น.

ชื่อมหาวิทยาลัย

อันดับ QS WUR 2025

อันดับ THE WUR 2025

อันดับ ARWU 2024

Trinity College Dublin

87

139

201-300

University College Dublin

118

201-250

301-400

University College Cork

246

351-400

301-400

University of Galway

273

351-400

601-700

Dublin City University

421

351-400

901-1000

University of Limerick

421

501-600

801-900

Maynooth University

801-850

501-600

801-900

Technological University Dublin

851-900

1001-1200

RCSI University of Medicine and Health Sciences

251-300

 

ชีวิตนักศึกษาที่ไอร์แลนด์: สนุกไปกับสังคมและกิจกรรมนอมหาวิทยาลัย

ชีวิตนักศึกษาในไอร์แลนด์นั้นเต็มไปด้วยสีสันและโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมนอกหลักสูตรเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียงแต่เพื่อความสนุกสนาน แต่ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้นักศึกษาต่างชาติบูรณาการเข้ากับวัฒนธรรมไอริชและพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการจ้างงานโดยไม่รู้ตัว.  

สังคมนอกมหาวิทยาลัย: แหล่งพบปะเพื่อนใหม่หลากหลายสไตล์

ไอร์แลนด์มอบประสบการณ์ชีวิตนักศึกษาที่เต็มไปด้วยสีสันและโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์. มหาวิทยาลัยทุกแห่งมีเครือข่าย  

ชมรมและสมาคมนักศึกษามากมายที่รวมนักศึกษาที่มีความสนใจเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางวิชาการ กีฬา หรือสันทนาการ. ชมรมเหล่านี้มักดำเนินการโดยนักศึกษาเอง และหลายชมรมก็มีกิจกรรมที่เน้นนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมในการพบปะและทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนๆ จากหลากหลายชาติวัฒนธรรม.  

นอกจากนี้ ในหลายๆ เมืองยังมีสมาคมนักศึกษาที่ไม่สังกัดมหาวิทยาลัยใดมหาวิทยาลัยหนึ่งโดยตรง ทำให้นักศึกษาได้พบปะเพื่อนใหม่จากหลากหลายสถาบันมากขึ้นไปอีก. ผับ ร้านอาหาร และสถานที่รวมตัวอื่นๆ ในเมืองต่างๆ ก็เป็นที่นิยมของนักศึกษาและเป็นโอกาสที่ดีในการพบปะผู้คนใหม่ๆ. ชุมชนการศึกษาระดับอุดมศึกษาของไอร์แลนด์เปิดกว้างและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทำให้นักศึกษาไม่รู้สึกโดดเดี่ยว. การมีส่วนร่วมในกิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้นักศึกษาพัฒนา  

ทักษะการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม การสร้างเครือข่าย และการปรับตัว ซึ่งเป็นทักษะที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในตลาดแรงงาน.

มีส่วนร่วมในการบริหารมหาวิทยาลัย

นักศึกษาสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจภายในสถาบันการศึกษาของตนได้ โดยมีสิทธิ์ได้รับการเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการนักศึกษา. การมีส่วนร่วมนี้ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสในการแสดงความคิดเห็นและสร้างความเปลี่ยนแปลงในมหาวิทยาลัย แต่ยังช่วยให้นักศึกษาพัฒนา  

ทักษะความเป็นผู้นำ การทำงานเป็นทีม และการแก้ปัญหาในบริบทที่เป็นจริง.

สนุกกับกิจกรรมยามว่าง

นอกเหนือจากการเรียนแล้ว ไอร์แลนด์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมยามว่างมากมายให้นักศึกษาได้สนุกสนาน. ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นในเมือง, การล่องเรือชมคลองหรือทะเลสาบ, การพักผ่อนบนชายหาด หรือการเดินป่าในป่าและเนินทราย. ประเทศนี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับศิลปินเพลงระดับโลกที่มักจะมาเปิดการแสดง และมี  

พิพิธภัณฑ์มากกว่า 1,000 แห่งให้นักศึกษาได้ค้นพบและเรียนรู้. การเฉลิมฉลองทางวัฒนธรรม เช่น King’s Day หรือในช่วงการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ ก็เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่สนุกสนานและน่าประทับใจ.  

การเป็นอาสาสมัคร: สร้างทักษะและเครือข่าย

การเป็นอาสาสมัครเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการสร้างความมั่นใจและพัฒนาทักษะที่นายจ้างมองหา. กิจกรรมอาสาสมัครช่วยให้นักศึกษาได้ฝึกฝนทักษะสำคัญ เช่น  

การริเริ่ม, การทำงานเป็นทีม, การปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรม และการสื่อสาร. นายจ้างให้ความสำคัญกับนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมในชุมชนท้องถิ่นและแสดงให้เห็นถึงทักษะเหล่านี้.  

โอกาสในการเป็นอาสาสมัครมีหลากหลาย ทั้งในชมรม สมาคม องค์กรกีฬา กลุ่มชุมชนท้องถิ่น หรือองค์กรทางศาสนา. ประโยชน์ของการเป็นอาสาสมัครรวมถึงการได้รับ  

ประสบการณ์และทักษะใหม่ๆ ซึ่งช่วยเสริมประวัติส่วนตัว (CV), การเพิ่มเครือข่ายในไอร์แลนด์และสร้างมิตรภาพในชุมชนที่รับอุปถัมภ์, การทำความเข้าใจวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไอริช, การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษและการสื่อสารระหว่างบุคคลผ่านการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและวัย, และการได้ผู้รับรองในท้องถิ่น. โอกาสเหล่านี้มักจะประกาศผ่านสำนักงานจัดหางานของมหาวิทยาลัยหรือบนเว็บไซต์ http://www.studentvolunteer.ie.  

การที่ไอร์แลนด์ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคมและกิจกรรมนอกหลักสูตรอย่างแข็งขัน ไม่ได้เป็นเพียงแค่การส่งเสริม “ความสนุก” แต่เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการช่วยให้นักศึกษาต่างชาติบูรณาการเข้ากับวัฒนธรรมไอริชและพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการจ้างงานโดยไม่รู้ตัว. การเน้นการรวมตัวทางสังคมและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมนอกหลักสูตรมีวัตถุประสงค์สองประการ: เพื่อยกระดับประสบการณ์ของนักศึกษา และในขณะเดียวกันก็พัฒนาทักษะการจ้างงานที่มีคุณค่าสูง (เช่น การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม, การสร้างเครือข่าย, การริเริ่ม) ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นทางการและเป็นเชิงปฏิบัติ. สิ่งนี้สร้างวงจรเชิงบวกที่นักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาอย่างกระตือรือร้นไม่เพียงแต่เพิ่มพูนประสบการณ์ส่วนตัว แต่ยังเพิ่มโอกาสทางอาชีพอย่างมีกลยุทธ์ด้วยการได้รับทักษะที่ “พร้อมทำงาน” และสร้างเครือข่ายท้องถิ่น ทำให้พวกเขาน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับนายจ้างชาวไอริชหลังสำเร็จการศึกษา.

ค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อไอร์แลนด์: วางแผนงบประมาณของคุณ

การทำความเข้าใจเรื่องค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้นักศึกษาสามารถวางแผนงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ. ค่าใช้จ่ายหลักๆ ในการเรียนและใช้ชีวิตในไอร์แลนด์ประกอบด้วยค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพรายวัน.

ค่าเล่าเรียน

ค่าเล่าเรียนสำหรับนักศึกษาที่มาจากประเทศนอก EU/EEA จะสูงกว่านักเรียนจากกลุ่มประเทศในโซนยุโรป โดยจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลักสูตร สถาบัน และระดับการศึกษา.  

ค่าเล่าเรียนโดยประมาณต่อปี (ปี 2025):

  • หลักสูตรปริญญาตรี (Undergraduate): ประมาณ €9,000 – €25,500.  
  • หลักสูตรปริญญาโท (Postgraduate/Master’s): ประมาณ €9,250 – €45,000.  
  • หลักสูตร MBA: ประมาณ €20,000 – €35,000.  
  • หลักสูตรปริญญาเอก (PhD): ประมาณ €6,000 – €15,000.  

นอกจากนี้ สถาบันการศึกษาบางแห่งอาจมีค่าสมัครหรือค่าดำเนินการประมาณ €50. ควรตรวจสอบกับมหาวิทยาลัยที่สนใจโดยตรงเพื่อยืนยันค่าใช้จ่ายที่แน่นอน.  

ค่าใช้จ่ายรายวันและค่าครองชีพ

ค่าใช้จ่ายจริงจะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของนักศึกษา เมืองที่พัก และประเภทที่พัก. โดยเฉลี่ยแล้ว นักเรียนจะใช้จ่ายประมาณ  

€842 ต่อเดือน ไม่รวมค่าที่พัก. ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดอาจอยู่ระหว่าง  €1,410 – €2,720 ต่อเดือน.  

  • ค่าที่พัก (Housing): ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดและแตกต่างกันไปตามเมืองและประเภทที่พัก.  
    • ที่พักในวิทยาเขต (On-campus accommodation): ประมาณ €4,000 – €8,000 ต่อปีการศึกษา , หรือประมาณ  
    • €600 – €850 ต่อเดือนในดับลิน.  
    • ที่พักส่วนตัวในดับลิน (1 ห้องนอน): อาจสูงถึง €1,500 – €2,500 ต่อเดือน.  
    • ที่พักแบบแชร์ห้อง (Flatshare) ในดับลิน: ประมาณ €500 – €800 ต่อเดือน.  
    • เมืองอื่นๆ เช่น คอร์ก, ลิเมอริก, หรือกัลเวย์ จะมีค่าเช่าที่ถูกกว่า โดยอพาร์ตเมนต์ 1 ห้องนอนอยู่ระหว่าง €900 – €1,500 ต่อเดือน.  
  • ค่าอาหาร (Food): การทำอาหารเองเป็นส่วนใหญ่จะช่วยประหยัดได้มาก. โดยเฉลี่ยประมาณ  
  • €167 – €450 ต่อเดือน ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์.  
  • ค่าเดินทาง (Transportation): การปั่นจักรยานเป็นที่นิยมและประหยัดมากในไอร์แลนด์. ค่าบัตรโดยสารสาธารณะรายเดือน (Student Leap Card) สำหรับนักศึกษาในดับลินประมาณ  
  • €80 – €87.50 ต่อเดือน.  
  • ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียน (Study Books and Materials): เตรียมงบประมาณไว้ประมาณ €20 – €70 ต่อเดือน.  
  • ค่าสาธารณูปโภคและโทรศัพท์ (Utilities & Mobile Plans): ประมาณ €60 – €220 ต่อเดือน.  
  • ค่าสันทนาการและเบ็ดเตล็ด (Leisure & Miscellaneous): เผื่อค่าใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมทางสังคม ความบันเทิง และงานอดิเรกไว้ประมาณ €75 – €350 ต่อเดือน.  
  • ค่าประกันสุขภาพ (Health Insurance): นักศึกษาต่างชาติ (นอก EU/EEA) ต้องมีประกันสุขภาพส่วนตัวที่ครอบคลุมอุบัติเหตุ, การเจ็บป่วย และการเข้ารักษาในโรงพยาบาล. ประกันต้องครอบคลุมขั้นต่ำ  
  • €25,000 สำหรับอุบัติเหตุและ €25,000 สำหรับโรคภัยไข้เจ็บ และครอบคลุมตลอดระยะเวลาการศึกษา. ค่าใช้จ่ายสำหรับประกันสุขภาพพื้นฐานสำหรับหลักสูตร 1 ปีหรือน้อยกว่า ประมาณ  
  • €160.  

ข้อกำหนดทางการเงินสำหรับการขอวีซ่า – อัปเดตปี 2025

ข้อกำหนดทางการเงินสำหรับการขอวีซ่านักศึกษาในไอร์แลนด์มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในปี 2025. ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นักศึกษาต่างชาติที่สมัครหลักสูตรนานกว่า 8 เดือน จะต้องแสดงหลักฐานทางการเงินขั้นต่ำ €10,000 สำหรับปีแรก และแสดงหลักฐานว่ามีเงินจำนวนนี้บวกกับค่าเล่าเรียนสำหรับแต่ละปีการศึกษาถัดไป. สำหรับหลักสูตรที่น้อยกว่า 8 เดือน ข้อกำหนดคือ  

€833 ต่อเดือน หรือรวม €6,665. นี่เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลไอร์แลนด์ในการรับรองว่านักศึกษาต่างชาติมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงเพียงพอที่จะพยุงตัวเองได้ตลอดระยะเวลาการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น.  

นอกจากนี้ นักศึกษาต้องแสดงหลักฐานว่ามีเงินทุน €10,000 พร้อมใช้ทันที. หากค่าเล่าเรียนน้อยกว่า €6,000 ต้องชำระเต็มจำนวนก่อนยื่นวีซ่า หากมากกว่า €6,000 ต้องชำระอย่างน้อย €6,000 ก่อนยื่นวีซ่า. ค่าธรรมเนียมวีซ่าอยู่ที่  

€60 สำหรับ Single-journey และ €100 สำหรับ Multiple-journey. และมีค่าลงทะเบียนกับ Garda National Immigration Bureau (GNIB) หรือ Irish Immigration Service (ISD) อีก  

€300. แม้ว่าข้อกำหนดที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นอุปสรรคสำหรับนักศึกษาบางราย แต่มาตรการนี้มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องสวัสดิภาพของนักศึกษาต่างชาติและรักษาความสมบูรณ์ของระบบตรวจคนเข้าเมืองของไอร์แลนด์. สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงินอย่างละเอียดถี่ถ้วน และสนับสนุนให้นักศึกษาเตรียมเงินทุนให้เพียงพอก่อนสมัคร แทนที่จะพึ่งพาการทำงานพาร์ทไทม์เพียงอย่างเดียว ซึ่งมีข้อจำกัด.  

ตารางที่ 2: ค่าเล่าเรียนโดยประมาณสำหรับนักศึกษาต่างชาติในไอร์แลนด์ ปี 2025

ตารางนี้เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในการช่วยให้นักเรียนสามารถประเมินและวางแผนงบประมาณค่าเล่าเรียนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยแยกตามระดับการศึกษาและสาขาวิชา ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกหลักสูตรที่แตกต่างกัน. การนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนเช่นนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวางแผนทางการเงินและช่วยให้นักศึกษามีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อการศึกษาในไอร์แลนด์.

ระดับการศึกษา

สาขาวิชา

ค่าเล่าเรียนโดยประมาณต่อปี (€)

ปริญญาตรี

ธุรกิจและการจัดการ

9,000 – 18,000

 

วิทยาการคอมพิวเตอร์และไอที

10,000 – 25,000

 

วิศวกรรมศาสตร์

10,000 – 25,000

 

กฎหมาย

9,000 – 20,000

 

ศิลปะและมนุษยศาสตร์

9,000 – 16,000

 

พยาบาลศาสตร์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ

12,000 – 24,000

 

การสอนและการศึกษา

9,000 – 18,000

ปริญญาโท

ธุรกิจและการจัดการ

10,000 – 30,000

 

วิทยาการคอมพิวเตอร์และไอที

12,000 – 26,000

 

วิศวกรรมศาสตร์

12,000 – 29,000

 

กฎหมาย

10,000 – 22,000

 

ศิลปะและมนุษยศาสตร์

9,000 – 20,000

 

พยาบาลศาสตร์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ

12,000 – 30,000

 

การสอนและการศึกษา

10,000 – 22,000

ปริญญาเอก

ทุกสาขา

6,000 – 15,000

ตารางที่ 3: ค่าครองชีพรายเดือนโดยประมาณในไอร์แลนด์ ปี 2025

ตารางนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวันในไอร์แลนด์อย่างละเอียด โดยแยกตามหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายและระบุความแตกต่างของค่าใช้จ่ายในเมืองใหญ่ ซึ่งช่วยให้การวางแผนทางการเงินมีความแม่นยำและสมจริงมากขึ้น. การให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่หลากหลายนอกเหนือจากค่าเล่าเรียนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเตรียมตัวอย่างรอบด้าน.

หมวดหมู่ค่าใช้จ่าย

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณต่อเดือนในดับลิน (€)

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณต่อเดือนในเมืองอื่นๆ (เช่น คอร์ก, กัลเวย์, ลิเมอริก) (€)

ค่าที่พัก (แชร์ห้อง)

850 – 1,250

500 – 950

ค่าอาหาร

200 – 300

167 – 450

ค่าเดินทาง

50 – 87.50

80 – 135

ค่าสาธารณูปโภคและโทรศัพท์

60 – 100

28 – 220

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ

50 – 100

75 – 350

รวมโดยประมาณ

960 – 1,780

800 – 1,400

 

หมายเหตุ: ค่าใช้จ่ายอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคลและอัตราเงินเฟ้อ.

โอกาสการทำงานในไอร์แลนด์: ระหว่างเรียนและหลังเรียนจบ

ไอร์แลนด์มอบโอกาสการทำงานที่หลากหลายสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ทั้งในระหว่างเรียนและหลังสำเร็จการศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักศึกษาจากทั่วโลก.

การทำงานระหว่างเรียน

นักศึกษาต่างชาติ (นอก EU/EEA) ที่ถือ Student Visa (Stamp 2) ได้รับอนุญาตให้ทำงานได้สูงสุด 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงภาคเรียน. ในช่วงวันหยุดภาคเรียน นักศึกษาสามารถทำงานได้สูงสุด 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยมีช่วงเวลาที่กำหนดคือระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน ถึง 30 กันยายน (วันหยุดฤดูร้อน) และระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม ถึง 15 มกราคม (วันหยุดคริสต์มาส) สิทธิ์ในการทำงานนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อ Stamp 2 หมดอายุ.  

ข้อกำหนดในการทำงานระหว่างเรียน: เพื่อให้มีสิทธิ์ทำงาน นักศึกษาต้องลงทะเบียนกับ Garda National Immigration Bureau (GNIB) หรือ Irish Immigration Service (ISD). นอกจากนี้ ต้องลงทะเบียนในหลักสูตรเต็มเวลาที่ได้รับการรับรองซึ่งนำไปสู่คุณวุฒิที่ได้รับการยอมรับ (NFQ Level 7 ขึ้นไป) โดยต้องเรียนอย่างน้อย 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงเวลากลางวัน และรับการสอนอย่างน้อย 25 สัปดาห์ต่อปี และหลักสูตรต้องมีระยะเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี.  

ประโยชน์ของการทำงานพาร์ทไทม์: การทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนมีประโยชน์หลายประการ เช่น การเข้าถึงผู้รับรองงานที่มีศักยภาพ, การสร้างประวัติการทำงาน, การแสดงความน่าเชื่อถือและการบริหารเวลา. นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในที่ทำงานของไอร์แลนด์, พัฒนาทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคล, การทำงานเป็นทีม และการบริการลูกค้า. การทำงานยังเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายทางสังคมและวิชาชีพ และเป็นวิธีที่ดีในการบูรณาการเข้ากับวัฒนธรรมไอริช.  

โครงการ Third Level Graduate Scheme (Stamp 1G): กุญแจสู่อาชีพในไอร์แลนด์

โครงการ Third Level Graduate Scheme หรือ Stamp 1G เป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักศึกษาต่างชาติ (นอก EU/EEA) ที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการรับรองในไอร์แลนด์.โครงการนี้อนุญาตให้นักศึกษาสามารถพำนักอยู่ในไอร์แลนด์ได้ 12 เดือนหลังเรียนจบ เพื่อหางานเต็มเวลา. ผู้ที่ถือ Stamp 1G มีสิทธิ์เข้าสู่ตลาดแรงงานของไอร์แลนด์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีข้อจำกัดเหมือนตอนเป็นนักศึกษา.  

การที่ไอร์แลนด์มีโครงการ Third Level Graduate Scheme (Stamp 1G) ที่ชัดเจนและสิทธิแรงงานที่ครอบคลุม สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถจากต่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่พึ่งพาบริษัทข้ามชาติและนวัตกรรม. นโยบายนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สิทธิประโยชน์สำหรับนักศึกษาที่ต้องการพำนักและทำงาน แต่เป็นกลยุทธ์ที่จงใจเพื่อใช้ประโยชน์จากการลงทุนในการให้การศึกษาแก่ผู้มีความสามารถจากต่างประเทศ. ด้วยการจัดหาเส้นทางที่ชัดเจนสู่การจ้างงานและรับรองการคุ้มครองทางกฎหมาย ไอร์แลนด์จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับบุคคลที่มีทักษะสูงที่สามารถมีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและบริษัทข้ามชาติ. การรวมกันของระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูง ศูนย์กลางธุรกิจระดับโลกที่เฟื่องฟู และนโยบายการทำงานหลังเรียนจบที่สนับสนุน ทำให้ไอร์แลนด์เป็นทางเลือกที่ครอบคลุมสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มองหาไม่เพียงแค่ปริญญา แต่ยังรวมถึงจุดเริ่มต้นอาชีพที่จับต้องได้ในเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์.

ข้อควรทราบ: ผู้ที่ถือ Stamp 1G ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหรือเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระโดยตรง หากต้องการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ประกอบการ ต้องขออนุญาตพิเศษ.  

กลยุทธ์การหางานและตลาดแรงงาน

การหางานในไอร์แลนด์ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่รอบคอบ:

  • การวิจัยอุตสาหกรรม: ทำความเข้าใจรอบการจ้างงานและทักษะที่นายจ้างมองหาในสาขาที่สนใจ. โดยทั่วไป ตำแหน่งงานสำหรับบัณฑิตมักเปิดรับสมัครในเดือน  
  • กันยายนและปิดรับกลางเดือนพฤศจิกายน โดยตำแหน่งงานจะเริ่มต้นในเดือนกันยายนของปีถัดไป. การฝึกงานภาคฤดูร้อนมักเปิดรับในเดือนธันวาคม-มกราคมและปิดช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์.  
  • เข้าร่วมงาน Career Fairs และ Industry Sessions: มหาวิทยาลัยมักจัดงานเหล่านี้ในเดือนกันยายนและตุลาคม ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างเครือข่ายและประเมินความต้องการของตลาดแรงงาน.  
  • การค้นหาตำแหน่งงาน: ตรวจสอบส่วนอาชีพบนเว็บไซต์ของบริษัทที่ต้องการ, ลงทะเบียนในเว็บไซต์หางานเฉพาะทาง (เช่น Indeed.ie, gradireland.com) เพื่อรับการแจ้งเตือนทางอีเมล, ใช้บริการจัดหางานของมหาวิทยาลัย, และสร้างโปรไฟล์ LinkedIn มืออาชีพเพื่อติดตามบริษัทที่สนใจ.  
  • เครือข่ายและการตลาดงาน “ที่ซ่อนอยู่” (Networking and the ‘Hidden’ Job Market): งานจำนวนมากไม่ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการ การขยายเครือข่ายส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน. การสร้างความสัมพันธ์ทางวิชาชีพสามารถนำไปสู่โอกาสที่มีคุณค่า. การเป็นอาสาสมัครเป็นวิธีที่ดีในการสร้างประสบการณ์และเครือข่าย. การเข้าร่วมสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่เรียน (เช่น Engineers Ireland, Irish Computer Society) มักมีค่าธรรมเนียมสำหรับนักศึกษาที่ลดลงและให้ทรัพยากร, โอกาสในการทำงาน และคำแนะนำด้านอาชีพ.  
  • สร้างโปรไฟล์โซเชียลมีเดียที่เป็นมืออาชีพ: นายจ้างมักตรวจสอบโปรไฟล์โซเชียลมีเดียของผู้สมัคร. การสร้างโปรไฟล์สาธารณะที่เป็นมืออาชีพบนแพลตฟอร์มอย่าง LinkedIn ช่วยในการสร้างแบรนด์ส่วนตัวและเชื่อมต่อกับผู้ให้คำปรึกษาและลูกค้าที่มีศักยภาพ.  
  • พิจารณา SMEs (Small and Medium-Sized Enterprises): ตำแหน่งงานเริ่มต้นใน SMEs อาจมีการแข่งขันน้อยกว่าในองค์กรขนาดใหญ่ และมักให้ประสบการณ์ที่หลากหลายและโอกาสในการรับผิดชอบตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการพัฒนาทักษะแบบรอบด้านที่องค์กรขนาดใหญ่มองหา.  

สิทธิและข้อกำหนดทางกฎหมายในการทำงาน

ไอร์แลนด์มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานทุกคน รวมถึงนักศึกษาต่างชาติ จากการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม. กฎหมายเหล่านี้ครอบคลุมชั่วโมงทำงาน, เวลาพัก, สุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน.  

  • หมายเลข Personal Public Service (PPS Number): บุคคลทุกคนที่ทำงานในไอร์แลนด์อย่างถูกกฎหมายต้องมีหมายเลข PPS. โดยปกติแล้วต้องมีข้อเสนองานก่อนจึงจะสามารถสมัครได้. การมีหมายเลข PPS เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนายจ้างในการหักภาษีจากค่าจ้าง. การทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างอย่างเป็นทางการ (cash in hand) อาจทำให้นักศึกษาไม่ได้รับค่าจ้างและเงื่อนไขการทำงานที่พึงได้รับ และเสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบ.  
  • สิทธิแรงงาน: นายจ้างไม่ได้รับอนุญาตให้เลือกปฏิบัติหรือคุกคามพนักงานในด้านเพศ, สถานภาพทางแพ่ง, สถานภาพครอบครัว, รสนิยมทางเพศ, ความเชื่อทางศาสนา, อายุ, ความพิการ, เชื้อชาติ, สีผิว, สัญชาติ, ชาติพันธุ์ หรือการเป็นสมาชิกของชุมชน Traveller. กฎหมายเหล่านี้รับรองว่าสภาพแวดล้อมการทำงานเป็นธรรมและเท่าเทียมสำหรับทุกคน.  

บทสรุปและข้อเสนอแนะ

ไอร์แลนด์เป็นจุดหมายปลายทางการศึกษาที่โดดเด่นสำหรับนักเรียนไทยและนักศึกษาต่างชาติ ด้วยการผสมผสานระหว่างคุณภาพการศึกษาระดับโลก, สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและปลอดภัย, และโอกาสทางอาชีพที่แข็งแกร่ง.[1, 1] การเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในยูโรโซน ทำให้ไอร์แลนด์มีความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับโลก ดึงดูดบริษัทข้ามชาติชั้นนำจำนวนมาก ซึ่งสร้างความต้องการบุคลากรที่มีทักษะและมีความสามารถทางภาษาอังกฤษสูง. ระบบการศึกษาของไอร์แลนด์ที่เน้นการพัฒนาทักษะที่ถ่ายทอดได้และการเรียนรู้เชิงประยุกต์ ทำให้บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษามีความพร้อมในการทำงานและสามารถปรับตัวเข้ากับตลาดแรงงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว.

การมีโครงการ Third Level Graduate Scheme (Stamp 1G) ที่ชัดเจน และการคุ้มครองสิทธิแรงงานที่ครอบคลุม สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไอร์แลนด์ในการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถจากทั่วโลก. แม้ว่าข้อกำหนดทางการเงินสำหรับการขอวีซ่าในปี 2025 จะมีการปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวางแผนงบประมาณอย่างรอบคอบ แต่ก็เป็นมาตรการที่มุ่งมั่นเพื่อให้มั่นใจว่านักศึกษามีความมั่นคงทางการเงินตลอดระยะเวลาการศึกษา.

สำหรับนักเรียนที่กำลังพิจารณาศึกษาต่อต่างประเทศ ขอแนะนำให้:

  1. วางแผนล่วงหน้า: เริ่มต้นเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเงินและเอกสารวีซ่า เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่อัปเดตในปี 2025.
  2. พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ: แม้ไอร์แลนด์จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่การฝึกฝนและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มโอกาสทั้งในการเรียนและการทำงาน.
  3. มีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน: เข้าร่วมชมรม สมาคม และกิจกรรมอาสาสมัครต่างๆ เพื่อสร้างเครือข่าย พัฒนาทักษะที่ถ่ายทอดได้ และบูรณาการเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น.
  4. ใช้ประโยชน์จากทรัพยากร: ปรึกษาสำนักงานจัดหางานของมหาวิทยาลัย และใช้แพลตฟอร์มการหางานออนไลน์ รวมถึงการสร้างโปรไฟล์ LinkedIn ที่เป็นมืออาชีพ.
  5. พิจารณาโอกาสที่หลากหลาย: ไม่จำกัดการหางานเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ แต่ให้พิจารณา SMEs และโอกาสในการเป็นผู้ประกอบการด้วย.

การศึกษาในไอร์แลนด์ไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนในอนาคตทางการศึกษาเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่ประสบการณ์ชีวิตที่สมบูรณ์แบบและโอกาสทางอาชีพที่กว้างไกลในเวทีระดับโลก.


ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม

เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”

 

บริการของเรามีอะไรบ้าง ?

  • ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
  • เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
  • บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า 
  • บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
  • เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ 
    [คลิกเพื่อสมัครสอบ IELTS]
  • บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, Allianz, Bupa, NIB, Orbit และอื่นๆ  [คลิกเพื่อซื้อประกัน]
  • บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
  • บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล

 

“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

Scroll to Top

Discover more from เดอะเบสท์ แนะแนวเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading