เดอะเบสท์ แนะแนวเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร

เรียนปริญญาตรีปี 1 ปี 2 สามารถย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศได้ไหม ต้องทำอย่างไรบ้าง | บทความนี้มีคำตอบ

Last updated ธันวาคม 25, 2025 ago by Thebestedu

เรียนปริญญาตรีปี 1 ปี 2 สามารถย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศได้ไหม ต้องทำอย่างไรบ้าง | บทความนี้มีคำตอบ


“เรียนมหาวิทยาลัยในไทยมา 1-2 ปีแล้ว แต่เพิ่งรู้ตัวว่าอยากไปต่างประเทศ… ต้องทิ้งทุกอย่างแล้วไปเริ่มปี 1 ใหม่หรือเปล่า?”

สำหรับนักศึกษาปริญญาตรีหลายคน ความกังวลเรื่อง “เวลา” และ “ความเสียดาย” คือกำแพงใหญ่ที่กั้นระหว่างคุณกับโอกาสระดับโลก แต่ในความเป็นจริง ระบบการศึกษาสากลมีทางออกที่เรียกว่า International Transfer หรือการโอนย้ายหน่วยกิตข้ามประเทศ ซึ่งช่วยให้คุณนำ “ต้นทุน” ที่มีอยู่ไปต่อยอดในมหาวิทยาลัยชั้นนำได้โดยไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่

บทความนี้เดอะเบสท์ฯ จะเจาะลึกทุกแง่มุมของการโอนย้ายไปต่างประเทศ เพื่อให้น้องๆ วางแผนได้อย่างแม่นยำที่สุด


1. เข้าใจหัวใจของการ “Transfer” (Credit Recognition) แบบเจาะลึก

การตรวจสอบ Transcript และ Course Syllabus เพื่อเทียบโอนหน่วยกิตวิชาเรียนและเกรดเฉลี่ย
การตรวจสอบ Course Outline และเกรดรายวิชา คือกุญแจสำคัญของการโอนย้ายหน่วยกิตให้สำเร็จ

การโอนย้ายหน่วยกิตไม่ใช่แค่การเปลี่ยนที่เรียน แต่คือกระบวนการทางวิชาการที่เรียกว่า Advanced Standing หรือ Recognition of Prior Learning (RPL) ซึ่งเป็นการที่มหาวิทยาลัยปลายทางประเมินความรู้เดิมของคุณเพื่อยกเว้นการเรียนซ้ำในเนื้อหาที่น้อง “รู้แล้ว” และ “ผ่านการทดสอบมาแล้ว”

โดยปกติจะมีการพิจารณาใน 2 รูปแบบหลักที่น้องต้องทำความเข้าใจ:

  • Specified Credit (หน่วยกิตวิชาเฉพาะ): คือวิชาที่มีเนื้อหา (Syllabus) ตรงกับวิชาบังคับในหลักสูตรใหม่เกือบ 100% เช่น น้องเรียน Principles of Marketing ในไทย แล้ววิชานี้มีเนื้อหาครอบคลุมตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยปลายทาง น้องจะได้รับการยกเว้นวิชานี้ทันที และข้ามไปเรียนวิชาการตลาดขั้นสูงได้เลย
  • Unspecified Credit (หน่วยกิตวิชาเลือก/ทั่วไป): คือวิชาที่อาจจะไม่ตรงกับวิชาบังคับในหลักสูตรใหม่โดยตรง แต่อยู่ในเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยยอมรับให้นับเป็น “วิชาเลือกเสรี” (Free Electives) หรือ “วิชาศึกษาทั่วไป” (General Education) ซึ่งจุดนี้มีความสำคัญมาก เพราะช่วยลดจำนวนหน่วยกิตรวมที่น้องต้องลงเรียนใหม่เพื่อให้ครบเกณฑ์จบการศึกษา

ย้ายข้ามสาย (Cross-Major Transfer) เป็นไปได้ไหม หรือต้องเริ่มใหม่?

คำถามสำคัญสำหรับน้องๆ ที่อยากเปลี่ยนสายการเรียนคือ “ถ้าคณะที่เรียนอยู่ปัจจุบันไม่ตรงกับคณะที่จะไปต่อ จะยังโอนอะไรได้บ้าง?”

คำตอบคือ: เป็นไปได้ และไม่ต้องเริ่มใหม่จากศูนย์!

แม้ว่าวิชาเฉพาะทางของคณะเดิมอาจจะนำไปใช้กับคณะใหม่ไม่ได้โดยตรง แต่น้องยังมีส่วนที่โอนไปเป็น “ฐาน” ในหลักสูตรใหม่ได้ดังนี้:

  • General Education (Gen-Ed): วิชาพื้นฐานหรือวิชาบูรณาการ (เช่น คณิตศาสตร์พื้นฐาน, ภาษาอังกฤษ, สังคมศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์พื้นฐาน) มักจะเป็นวิชาบังคับที่ทุกคณะทั่วโลกกำหนดให้เรียน น้องจึงสามารถโอนวิชาเหล่านี้ข้ามคณะได้เกือบทั้งหมด
  • Electives (วิชาเลือกเสรี): หลักสูตรปริญญาตรีส่วนใหญ่จะเปิดช่องว่างให้เรียนวิชาเลือกได้ตามใจชอบ น้องสามารถนำวิชาเฉพาะจากคณะเดิมมาลงในส่วนนี้ได้ทันที ทำให้ไม่ต้องลงเรียนวิชาเลือกใหม่ในคณะปลายทาง

ผลลัพธ์โดยรวม: การย้ายข้ามสายส่วนใหญ่จะช่วยย่นระยะเวลาเรียนไปได้ประมาณ 1-2 เทอม (0.5 – 1 ปี) ขึ้นอยู่กับจำนวนวิชาพื้นฐานที่น้องสะสมมา ซึ่งยังคงคุ้มค่ากว่าการกลับไปสมัครใหม่ในฐานะนักศึกษาปี 1 ครับ


💡 กฎเหล็ก 5 ข้อที่น้องต้องรู้ก่อนขอโอนหน่วยกิต

  1. เกรดขั้นต่ำ (Minimum Grade): ส่วนใหญ่สถาบันต่างประเทศจะรับโอนเฉพาะวิชาที่น้องได้เกรด “C” ขึ้นไป (หรือ GPA 2.0+) เท่านั้น วิชาที่ได้ D หรือ D+ มักจะโอนไม่ได้และต้องลงเรียนใหม่
  2. เพดานการโอน (Credit Ceiling): แทบทุกมหาวิทยาลัยจะมีกฎที่เรียกว่า Residency Requirement คือน้องต้องมานั่งเรียนที่สถาบันเขาอย่างน้อย 50% ของหลักสูตร (หรือประมาณ 1.5 – 2 ปี) ดังนั้นน้องจึงไม่สามารถโอนหน่วยกิตทั้งหมด 3 ปีจากไทยไปเพื่อเรียนแค่เทอมเดียวแล้วเอาปริญญาเขาได้
  3. ความสดใหม่ของวิชา (Recency): สำหรับสายงานที่เปลี่ยนเร็ว เช่น IT หรือ Computer Science วิชาที่น้องเรียนมานานเกิน 5-10 ปี มักจะโอนไม่ได้เพราะเนื้อหาล้าสมัยไปแล้ว
  4. ลำดับวิชา (Prerequisites): บางครั้งแม้จะโอนวิชาได้เยอะ แต่ถ้าวิชาที่เหลือต้องเรียนตามลำดับ (เช่น ต้องเรียน A ก่อน B และ B ก่อน C) อาจทำให้น้องไม่สามารถจบได้เร็วกว่ากำหนดมากนัก พี่เอเจนท์จะช่วยวางแผน Roadmap ตรงนี้ให้ครับ
  5. ความต่างของระบบ Credit: จำนวน “หน่วยกิต” ของไทยกับต่างประเทศคำนวณไม่เท่ากัน (เช่น 3 หน่วยกิตไทย อาจเทียบเท่า 7.5 หรือ 10 Credits ในระบบยุโรป/ออสเตรเลีย) การประเมินจึงต้องดูที่ชั่วโมงเรียนจริงเป็นหลัก

2. เจาะลึก 4 ปลายทางยอดฮิต: ระบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ?

มหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และออสเตรเลีย ที่รับโอนหน่วยกิตจากไทย
เลือกประเทศที่ใช่สำหรับคุณ: อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย หรืออังกฤษ ระบบไหนเหมาะกับการเทียบโอนที่สุด?

การโอนย้ายไม่ได้เป็นแค่การเปลี่ยนห้องเรียน แต่คือการเปลี่ยน “เวที” ในการใช้ชีวิต พี่เดอะเบสท์ฯ รวบรวมข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้คุณเตรียมตัวได้ทันรอบการศึกษาดังนี้ครับ:

🇺🇸 สหรัฐอเมริกา (USA)

  • เหตุผลที่ต้องไป: ศูนย์กลางนวัตกรรม บรรยากาศการเรียนเน้นการถกเถียง (Discussion) และคอนเนกชันระดับโลก
  • ระบบการศึกษา: ปริญญาตรี 4 ปี ช่วง 2 ปีแรกเป็น General Education เปิดกว้างสำหรับการโอนย้ายข้ามคณะที่สุด
  • เส้นทางพิเศษ: มีระบบ 2+2 (Community College) เรียนปี 2 ในวิทยาลัยชุมชน (ค่าเทอมถูก) แล้วการันตีโอนเข้ามหาวิทยาลัยดัง (เช่น UC) ได้ง่ายกว่าสมัครตรง
  • การทำงาน: ทำงาน On-campus ได้ 20 ชม./สัปดาห์ มีสิทธิ์ฝึกงาน CPT (ระหว่างเรียน) และ OPT (หลังจบ) นาน 1-3 ปี
  • คำแนะนำ: ควรติดต่อล่วงหน้า 8-10 เดือน เพราะขั้นตอนตรวจสอบประวัติและการเงินละเอียดมาก

🇨🇦 แคนาดา (Canada)

  • เหตุผลที่ต้องไป: คุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก ปลอดภัย และเน้น Multiculturalism
  • ระบบการศึกษา: มาตรฐานสูง จุดเด่นคือระบบ Co-op Programs เรียนสลับฝึกงานจริงแบบได้รับค่าจ้าง (Paid Work Experience)
  • การทำงาน: ทำงานนอกแคมปัสได้ถึง 24 ชม./สัปดาห์ และมีสิทธิ์ PGWP สูงสุด 3 ปี หลังจบ (เส้นทางสู่ PR)
  • คำแนะนำ: ติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 10-12 เดือน ปัจจุบันการขอใบรับรองจากรัฐ (PAL) มีโควตาจำกัด

🇦🇺 ออสเตรเลีย (Australia)

  • เหตุผลที่ต้องไป: ใกล้ไทย อากาศดี มหาวิทยาลัย Group of Eight (Go8) ติด Top 100 โลก
  • ระบบการศึกษา: ปริญญาตรีส่วนใหญ่ 3 ปี ระบบโอนหน่วยกิต (CPL) ยืดหยุ่นสูงและทราบผลเร็ว
  • การทำงาน: ทำงานได้ 48 ชม./ปักษ์ ค่าจ้างขั้นต่ำสูง หลังจบมีวีซ่า Subclass 485 อยู่ต่อได้ 2-4 ปี
  • คำแนะนำ: ติดต่อล่วงหน้า 6-8 เดือน ต้องวางแผน Course Mapping ให้ดีเพื่อไม่ให้กระทบสิทธิ์วีซ่าหลังจบ

🇬🇧 สหราชอาณาจักร (UK)

  • เหตุผลที่ต้องไป: ประวัติศาสตร์การศึกษายาวนาน ปริญญาเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
  • ระบบการศึกษา: ปริญญาตรี 3 ปี เน้นวิชาเฉพาะทาง (Module-based) การโอนเข้าปี 2 ต้องผ่าน UCAS และวิชาต้องตรง 80-90%
  • การทำงาน: ทำงานได้ 20 ชม./สัปดาห์ หลังจบมี Graduate Route อยู่ต่อได้ 2 ปี แบบไม่ต้องมีสปอนเซอร์
  • คำแนะนำ: ติดต่อล่วงหน้า 9-12 เดือน เพราะ UCAS มี Deadline เคร่งครัดและต้องเจรจาวิชาการเข้มข้น

3. ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา (เรื่องเงินและวีซ่า)

เอกสารยื่นวีซ่านักเรียนและหลักฐานการเงิน Bank Statement สำหรับเรียนต่อนอก
การเตรียม Statement และเหตุผลในการเรียนต่อ (GTE) ให้พร้อม ช่วยเพิ่มโอกาสผ่านวีซ่าแม้ย้ายกลางคัน

การได้รับตอบรับเข้าเรียน (Letter of Offer) เป็นเพียงด่านแรกเท่านั้น ความสำเร็จที่แท้จริงคือการเตรียมความพร้อมด้านวีซ่าและการเงินอย่างรัดกุม

เรื่องการเงิน

  • Bank Statement: ต้องแสดงเงินครอบคลุมค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพขั้นต่ำ 1 ปีเต็ม มียอดเงินคงเหลือตามระยะเวลาที่กำหนด (28 วัน สำหรับ UK หรือ 3-6 เดือน สำหรับ USA/AUS)
  • Source of Funds: ที่มาของรายได้ผู้สนับสนุนต้องชัดเจน มีความต่อเนื่อง สอดคล้องกับหลักฐานภาษีหรือทะเบียนการค้า
  • Indirect Costs: เตรียมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ประกันสุขภาพ (OSHC/IHS), ค่าธรรมเนียมวีซ่า, ค่าตรวจสุขภาพ

เจตจำนงในการศึกษา

  • GTE/GS (ความสมเหตุสมผล): ต้องเขียน SOP อธิบายเหตุผลที่ย้ายที่เรียนในช่วงปี 1-2 ให้สถานทูตเข้าใจ
  • Post-Study Work Rights: ระวังการโอนหน่วยกิตเยอะเกินไปจนเวลาเรียนจริงสั้นกว่าเกณฑ์ ซึ่งอาจกระทบสิทธิ์วีซ่าทำงานหลังจบ

4. เอกสารสำคัญในการขอโอนหน่วยกิต (ที่น้องมักพลาด)

น้องๆ หลายคนเข้าใจผิดว่ามีเพียง Transcript ก็สามารถสมัครโอนย้ายได้แล้ว แต่เอกสารที่จะตัดสินว่าน้องต้อง “เรียนซ้ำ” หรือ “ได้ข้าม” คือ Detailed Course Outline (Syllabus) ที่ต้องระบุรายละเอียดดังนี้:

  • Learning Outcomes: วัตถุประสงค์และทักษะที่ได้รับหลังเรียนจบวิชานั้น
  • Weekly Topics: ตารางเนื้อหาที่เรียนในแต่ละสัปดาห์อย่างละเอียด
  • Assessment Methods: รูปแบบการวัดผล (เช่น สอบกี่ %, งานเขียนยาวเท่าไหร่)
  • Credit/Contact Hours: จำนวนชั่วโมงที่เข้าเรียนจริงต่อสัปดาห์

*เคล็ดลับ: หากมหาวิทยาลัยเดิมไม่มีเอกสารภาษาอังกฤษ พี่เดอะเบสท์ฯ มีบริการแปลเอกสารที่ได้รับการรับรองครับ


5. Timeline และ Checklist การเตรียมตัว (Step-by-Step)

การโอนย้ายมีขั้นตอนละเอียดอ่อน แนะนำให้เริ่มดำเนินการล่วงหน้า 6-12 เดือน ตามขั้นตอนดังนี้:

Stage 1: Self-Audit & Academic Preparation (10-12 เดือนก่อนเดินทาง)

  • ตรวจสอบ GPA ปัจจุบัน (ควรมี 2.50+ ขึ้นไป)
  • สำรวจรายวิชาว่ามีความสดใหม่ และเกรดไม่ต่ำกว่า C
  • เริ่มติวภาษาอังกฤษ (IELTS/TOEFL) ให้ได้ตามเกณฑ์ (6.0 – 6.5)

Stage 2: Expert Consultation & Mapping (8-10 เดือนก่อนเดินทาง)

  • ติดต่อพี่เดอะเบสท์ฯ เพื่อวิเคราะห์เป้าหมายและหน่วยกิตเบื้องต้น
  • รวบรวม Syllabus ฉบับสมบูรณ์และแปลเอกสาร
  • คัดเลือกสถาบันยุทธศาสตร์ที่รับโอนหน่วยกิตได้มากที่สุด

Stage 3: Application & Credit Assessment (6-8 เดือนก่อนเดินทาง)

  • ยื่นใบสมัครอย่างเป็นทางการ (ผ่าน UCAS หรือระบบมหาวิทยาลัย)
  • ติดตามผลการโอนย้าย พี่เดอะเบสท์ฯ จะช่วยเจรจากับ Admissions Office
  • ชำระค่ามัดจำและรับ CoE/Offer

Stage 4: Visa, Logistics & Pre-Departure (3-4 เดือนก่อนเดินทาง)

  • ยื่นวีซ่าและจัดเตรียมประกันสุขภาพนักเรียน
  • จัดหาที่พัก (Homestay, Dorm, Apartment)
  • Pre-Departure Briefing เตรียมความพร้อมก่อนบิน

ทำไมต้องให้ “เดอะเบสท์” (The Best) วางแผนให้คุณ?

การสมัครเรียนต่อแบบโอนย้าย (Transfer) มีความซับซ้อนกว่าปกติ เดอะเบสท์ (The Best) คือศูนย์บริการแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศครบวงจร “We are Quality” ที่พร้อมดูแลคุณฟรี:

  • Strategic School Matching: ช่วยเลือกสถาบันที่เหมาะสมกับหน่วยกิตเดิมของคุณ
  • Visa Expert: เชี่ยวชาญการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศ วิเคราะห์เคสตรงจุด
  • Official IELTS Test Center: ตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ
  • Translation Service: บริการแปลเอกสาร Syllabus ไทย-อังกฤษ เริ่มต้นแผ่นละ 200 บาท
  • Total Lifestyle Support: จองตั๋ว หาที่พัก และรถรับส่งสนามบิน

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการโอนย้ายหน่วยกิต

Q: ถ้าเกรดเฉลี่ย (GPA) น้อยกว่า 2.00 สามารถโอนย้ายได้ไหม?

ตอบ: ค่อนข้างยากครับ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ต้องการ GPA ขั้นต่ำ 2.00 – 2.50 ขึ้นไป แต่บางสถาบันอาจพิจารณาจากประสบการณ์ทำงานประกอบด้วย แนะนำให้ปรึกษาพี่เดอะเบสท์ฯ เป็นรายกรณีครับ

Q: สามารถโอนหน่วยกิตวิชาที่ได้เกรด D ได้หรือไม่?

ตอบ: โดยทั่วไป ไม่ได้ ครับ สถาบันต่างประเทศมักรับโอนเฉพาะวิชาที่ได้เกรด C ขึ้นไปเท่านั้น

Q: ใช้เวลาดำเนินการนานเท่าไหร่ถึงจะรู้ผลว่าเทียบโอนได้กี่วิชา?

ตอบ: ขึ้นอยู่กับประเทศและมหาวิทยาลัยครับ ออสเตรเลียมักใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ ส่วนอเมริกาและแคนาดาอาจใช้เวลา 1-3 เดือน เพราะต้องตรวจสอบ Syllabus อย่างละเอียด

Q: ถ้าโอนไปแล้ว เรียนจบภายใน 1 ปีได้ไหม?

ตอบ: เป็นไปได้ยากครับ เนื่องจากกฎ Residency Requirement ที่บังคับให้เรียนที่สถาบันปลายทางอย่างน้อย 50% ของหลักสูตร ดังนั้นส่วนใหญ่จะต้องเรียนอย่างน้อย 1.5 – 2 ปีครับ


ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม

เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”

 

บริการของเรามีอะไรบ้าง ?

  • ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
  • เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
  • บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า 
  • บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
  • เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ 
    [คลิกเพื่อสมัครสอบ IELTS]
  • บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, Allianz, Bupa, NIB, Orbit และอื่นๆ  [คลิกเพื่อซื้อประกัน]
  • บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
  • บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล

 

“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

 

Scroll to Top

Discover more from เดอะเบสท์ แนะแนวเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading