Last updated ธันวาคม 18, 2025 ago by Thebestedu
เรียนแพทย์ต่างประเทศ | กลับมากเป็นแพทย์ที่ไทยได้ไหม ต้องทำอย่างไรบ้าง ขั้นตอนการรับรองของแพทยสภา ค่าใช้จ่าย จำเป็นไหมที่ต้องทำทุกคน | รู้ไว้จะได้ไม่พลาด ข้อมูลสำคัญก่อนเรียนต่อแพทย์ต่างประเทศ รู้ไว้จะได้ไม่พลาด
การตัดสินใจเลือกเส้นทางแพทย์ในต่างแดนคือการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ แต่การกลับมาประกอบวิชาชีพในไทย มีเรื่องที่ต้องรู้ไว้ จะได้ไม่พลาด บทความนี้ เดอะเบสท์ได้สรุปข้อกำหนดอันเคร่งครัดของ แพทยสภา (The Medical Council of Thailand) เพื่อให้คุณ “ล็อกสิทธิ์” ในการประกอบวิชาชีพได้อย่างถาวรและไม่พลาดทุกขั้นตอนสำคัญ
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ประสงค์จะกลับมาประกอบวิชาชีพในประเทศไทย แพทยสภามีความจำเป็นต้องกำหนดมาตรฐานและกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด เพื่อประกันว่าผู้สำเร็จการศึกษาจะมีคุณภาพและคุณสมบัติครบถ้วนเทียบเท่ากับหลักสูตรในประเทศ ก่อนได้รับสิทธิในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย
⚠️ สำคัญมาก: การยื่นคำร้องขอให้รับรองหลักสูตรเป็นรายบุคคลมีวัตถุประสงค์ เฉพาะเพื่อการขอสิทธิในการสมัครสอบเพื่อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทยเท่านั้น หากผู้สำเร็จการศึกษาประสงค์จะประกอบวิชาชีพในประเทศที่ไปศึกษาต่อ ไม่จำเป็นต้องยื่นเรื่องให้แพทยสภาไทยรับรองโดยตรง (การดำเนินการจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศปลายทางนั้นๆ)
คำแนะนำสำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะไปศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ในต่างประเทศและกลับมาประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย
ผู้ที่มีความประสงค์จะไปศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ในต่างประเทศและกลับมาประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย ให้ดำเนินการและรับทราบข้อจำกัดดังนี้
การตรวจสอบและขึ้นทะเบียนรับรองหลักสูตร

1. การตรวจสอบรายชื่อสถาบัน
ตรวจสอบรายชื่อโรงเรียนแพทย์ในต่างประเทศที่แพทยสภารับรอง และขั้นตอนการยื่นเรื่องให้รับรองหลักสูตรของสถาบันนั้นๆ ในกรณีที่ไม่พบชื่อโรงเรียนแพทย์ที่ไปศึกษา โรงเรียนแพทย์แห่งนั้นอาจอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา หรือยังไม่ได้รับการรับรอง สอบถามได้ที่ฝ่ายฝึกอบรมและสอบ สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา
- ฝ่ายฝึกอบรมและสอบ สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา โทรฯ 02-590-1883, 086 081 1208 e-mail : edu@tmc.or.th
2. กรณีโรงเรียนแพทย์ได้รับการรับรองและยังไม่หมดอายุ
เมื่อท่านสมัครเข้าเรียน และโรงเรียนแพทย์แห่งนั้นรับท่านเข้าศึกษาแล้ว ให้ติดต่อฝ่ายฝึกอบรมและสอบฯ เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอให้รับรองหลักสูตรของโรงเรียนแพทย์ที่ท่านเข้าศึกษาให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินทางไปศึกษา หรือภายหลังจากที่เข้าศึกษาไปแล้ว 1 เดือน เพื่อให้มีชื่ออยู่ในทะเบียนว่าเป็นผู้เข้าศึกษาในสถาบันที่แพทยสภารับรอง (มีค่าธรรมเนียม และหากมาดำเนินการภายหลังเข้าไปศึกษา 1 ปีแล้ว ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้นได้ ให้ดูจากประกาศของแพทยสภา)
3. กรณีโรงเรียนแพทย์ที่แพทยสภายังไม่รับรองหลักสูตร
ติดต่อฝ่ายฝึกอบรมและสอบฯ เพื่อดำเนินการขอให้แพทยสภารับรองหลักสูตรของโรงเรียนแพทย์ที่จะไปศึกษา ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินทางไปศึกษา
ในกรณีที่ไปศึกษาในโรงเรียนแพทย์ที่แพทยสภายังไม่ได้รับรองหลักสูตร แล้วมายื่นเรื่องขอให้รับรองภายหลัง โรงเรียนแพทย์แห่งนั้นอาจไม่ได้รับการรับรองจากแพทยสภา หากการเรียนการสอนในหลักสูตรไม่ได้มาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งจะทำให้นักศึกษาหรือผู้ที่สำเร็จการศึกษา ไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนพอที่จะมีสิทธิสมัครเป็นแพทย์ฝึกหัด และไม่มีสิทธิสมัครสอบเพื่อประเมินความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย จากศูนย์ประเมินและรับรองความรู้ความสามารถตามมาตรฐานวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภา (ศรว.) ได้
4. อายุการรับรองและสิทธิของนักศึกษา
โรงเรียนแพทย์ที่แพทยสภารับรอง มีอายุการรับรองนาน 5 ปี
- ในกรณีที่สถาบันที่ได้รับการรับรองไว้แล้ว และท่านได้เข้าศึกษาก่อนวันหมดอายุ แต่ท่านมิได้มาขึ้นทะเบียนขอรับรองหลักสูตรกับแพทยสภา ตามข้อ 2 จนพ้นอายุการรับรองไปแล้ว เมื่อมีการพิจารณาต่ออายุการรับรองใหม่ แพทยสภาจะไม่รับรองย้อนหลังให้ท่าน ตั้งแต่วันที่ท่านเข้ารับการศึกษา ซึ่งจะทำให้ท่านเสียโอกาสในการสมัครสอบขั้นตอนที่หนึ่ง
- เมื่อท่านได้ขึ้นทะเบียนและเรียนในหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากแพทยสภาจนสำเร็จการศึกษาแล้ว สิทธิของท่านจะติดตัวไปตลอด แม้ว่าในภายหลังหลักสูตรของโรงเรียนแพทย์แห่งนั้นจะหมดอายุการรับรอง หรือไม่ได้รับการต่ออายุการรับรองอีก
การเป็นแพทย์ฝึกหัดและการสอบประเมินความรู้ความสามารถ

1. การเป็นแพทย์ฝึกหัดในประเทศไทย
ภายหลังจากที่สำเร็จการศึกษาครบถ้วน และได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตแล้ว กรณีที่ท่านไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมมาจากประเทศที่สำเร็จการศึกษา หรือประเทศอื่นใด ท่านจะต้องผ่านการฝึกปฏิบัติงานหลังปริญญาในฐานะแพทย์ฝึกหัดในโรงเรียนแพทย์ที่ท่านศึกษา หรือสถาบันในประเทศไทยที่แพทยสภารับรอง เป็นระยะเวลา 1 ปี (มีค่าธรรมเนียม)
ปัจจุบัน จำนวนตำแหน่งแพทย์ฝึกหัดที่แต่ละสถาบันรับได้ อาจจะมีไม่เพียงพอกับจำนวนผู้สำเร็จการศึกษา แนะนำให้ฝึกปฏิบัติงานหลังปริญญาในฐานะแพทย์ฝึกหัดต่อในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยนั้นๆ โดยประสานให้แพทยสภารับรองโรงพยาบาลนั้นก่อนเข้ารับการฝึกปฏิบัติงาน
2.การสอบเพื่อประเมินความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม (ศรว.)

แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน:
- ขั้นตอนที่ 1: หมวดวิทยาศาสตร์พื้นฐานทางการแพทย์ ภาษาอังกฤษ 300 ข้อ
- ขั้นตอนที่ 2: หมวดวิทยาศาสตร์ทางคลินิก ภาษาอังกฤษ 300 ข้อ
- ขั้นตอนที่ 3: หมวดทักษะและหัตถการทางคลินิก (OSCE) Long Case Examination และ Modified Essay Question
การสอบ Long Case Examination และ Modified Essay Question จัดสอบที่โรงเรียนแพทย์ทุกแห่งท่านสามารถเลือกสอบที่โรงเรียนแพทย์แห่งใดก็ได้ ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับจำนวนนักศึกษาที่โรงเรียนแพทย์แต่ละแห่งจะรับได้ด้วย ให้ศึกษารายละเอียดได้จาก www.cmathai.org
ทั้งนี้ เมื่อท่านสอบผ่านครบทุกขั้นตอนแล้ว ให้นำผลการสอบไปติดต่อศูนย์ประเมินและรับรองความรู้ความสามารถตามมาตรฐานวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภา (ศรว.) อีกครั้งหนึ่ง เพื่อออกใบรับรองสอบผ่านครบทุกขั้นตอนให้กับท่าน และเป็นเอกสารสำคัญสำหรับการสมัครสมาชิกแพทยสภา (ภาคบังคับ) และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ที่แพทยสภา
การขึ้นทะเบียนและการศึกษาฝึกอบรมหลังปริญญา
- การขึ้นทะเบียนเพื่อรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม: ศึกษารายละเอียดได้จาก www.tmc.or.th ฝ่ายทะเบียน
- การศึกษาฝึกอบรมหลังได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม:
- แพทย์เพิ่มพูนทักษะ (สำหรับเป็นเงื่อนไขในการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านบางสาขา)
- แพทย์ประจำบ้าน / แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ศึกษารายละเอียดได้จาก www.tmc.or.th ฝ่ายฝึกอบรมและสอบ
หมายเหตุสำคัญเกี่ยวกับรูปแบบการเรียนและความเสี่ยง (ปรับปรุง 20 ธ.ค. 66)

การเรียนทางคลินิกต้องเป็น Face to Face
นักศึกษาต้องยึดหลักการเรียนทางคลินิกในรูปแบบ face to face คือดูแลผู้ป่วยจริง แพทยสภา ไม่รับรองการเรียนในรูปแบบ online นอกโรงเรียนแพทย์ ในแต่ละชั้นปีหรือตลอดปีการศึกษา (เช่น การให้นักศึกษาเรียน online ในประเทศไทยโดยทำการเชื่อมสัญญาณมาจากสถาบันต่างประเทศ)
การแจ้งการแก้ไขวิธีการเรียนการสอน
หากจะมีการแก้ไขวิธีการเรียนการสอนใด ๆ ที่จะนับเป็นชั่วโมงเรียนของนักศึกษาที่แตกต่างไปจากหลักสูตรที่ได้รับรองไว้ไม่ว่าจะจัดโดยโรงเรียนแพทย์ด้วยก็ตาม จะต้องแจ้งวิธีการเรียนการสอนดังกล่าวมาให้แพทยสภารับรองก่อนเสมอ
การฝึกปฏิบัติงานนอกหลักสูตร
การมาเรียนในโรงพยาบาลในประเทศไทยโดยพละการ หรือโดยโรงเรียนแพทย์ในต่างประเทศเป็นผู้จัดทำทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำ MOU กันไว้ก่อน และแพทยสภายังไม่ได้รับทราบการทำ MOU ฉบับนั้นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ นักศึกษาและโรงเรียนแพทย์ในต่างประเทศต้องแจ้งให้แพทยสภารับรองการเรียนการสอนนอกหลักสูตรก่อน มิฉะนั้น การไปเรียนหรือฝึกปฏิบัติงานในโรงพยาบาลในประเทศไทยที่ไม่ได้อยู่ในหลักสูตรที่แพทยสภาให้การรับรองตั้งแต่เข้าเรียนในปีที่ 1 ของการศึกษา นักศึกษาจะไม่สามารถนับเป็นชั่วโมงเรียนในหลักสูตรได้ อาจจะถือได้เพียงว่าเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ส่วนตัวนอกหลักสูตรเท่านั้น
ความเสี่ยงจากเหตุการณ์ฉุกเฉิน
นักศึกษาต้องยอมรับว่ามีความเสี่ยงตลอดเวลาที่จะเรียนไม่สำเร็จการศึกษาตามกำหนดจากสาเหตุที่ไม่คาดคิด (เช่น สงคราม, โรคระบาด) การเข้าไปช่วยเหลือและใช้วิธีการแก้ไขใดๆ ในอดีตจากแพทยสภาถือว่าเป็นการแก้ไขเฉพาะกาลเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น นักศึกษาต้องรอและพยายามกลับไปศึกษาต่อให้เร็วที่สุดในโรงเรียนแพทย์ต่างประเทศที่ตนลงทะเบียนไว้ตั้งแต่ปีแรก
สรุปขั้นตอนการยื่นเรื่องให้รับรองปริญญา
ขั้นตอนการยื่นเรื่องให้รับรองปริญญาของสถาบันผลิตแพทย์ต่างประเทศเป็นรายบุคคล สำหรับผู้มีสัญชาติไทย เพื่อให้มีสิทธิสมัครเป็นแพทย์ฝึกหัด และสมัครสอบเพื่อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย
1. เอกสารที่ต้องแนบ
เขียนคำร้องให้รับรองมาตรฐานหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตต่างประเทศ พร้อมแนบเอกสารดังนี้:
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาหลักฐานว่าสำเร็จการศึกษาก่อนสมัครเข้าเรียนแพทย์ (Transcript ที่มี GPA)
- หลักฐานการตอบรับเข้าศึกษาจากสถาบันผลิตแพทย์
2. การชำระเงินค่าธรรมเนียม (ประกาศค่าธรรมเนียม พ.ศ.2566)
| สถานะผู้ยื่นคำร้องขณะดำเนินการ | ค่าธรรมเนียมในการขึ้นทะเบียน |
|---|---|
| ชั้นปีที่ 1 หรือก่อนเข้าเรียน | 15,000 บาท (อัตราต่ำสุด) |
| ชั้นปีที่ 2 | 30,000 บาท |
| ชั้นปีที่ 3 – สำเร็จการศึกษาแล้ว | 50,000 บาท (อัตราสูงสุด) |
3. ช่องทางการชำระเงินและยื่นเอกสาร
กรณีที่ไม่สามารถมาติดต่อด้วยตนเองได้:
- โอนเงินค่าธรรมเนียมได้ที่บัญชี: แพทยสภา ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) เลขที่บัญชี 340-2-01174-4
- ส่งคำร้องพร้อมหลักฐานและสำเนาการโอนเงิน มาที่: คุณชุติมา วงษ์จันทร์ ฝ่ายฝึกอบรมและสอบ สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา (ชั้น 12 อาคารมหิตลาธิเบศร ซอยสาธารณสุข 8 กระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000)
4. ขั้นตอนการพิจารณา (กรณีสถาบันยังไม่ได้รับการรับรอง)
- แพทยสภาจะส่งจดหมายถึง Dean พร้อมแบบฟอร์ม Information sheet of Foreign Medical School V.2023 ให้สถาบันกรอก (ใช้เวลาประมาณ 2-5 เดือน ในการได้รับคำตอบกลับ)
- คณะอนุกรรมการฯ ประชุม 3 เดือน/ครั้ง และคณะกรรมการแพทยสภา ประชุมเดือนละ 1 ครั้ง (พฤหัสบดีที่ 2 ของเดือน)
- คำร้องถูกจำหน่าย: หากสถาบันไม่ส่งข้อมูลกลับมาภายใน 1 ปี หรือคณะอนุกรรมการฯ ขอข้อมูลเพิ่มเติมแล้วไม่จัดส่งภายใน 6 เดือน คำร้องจะถูกจำหน่ายออกจากระบบ
5. การย้ายสถาบันและการเข้าศึกษาหลังหมดอายุการรับรอง
- การย้ายสถาบัน: หากมีการย้ายสถาบันการศึกษาในภายหลัง จะต้องมาติดต่อสำนักงานเลขาธิการแพทยสภา เพื่อดำเนินเรื่องขอย้ายสถาบันการศึกษาด้วย (มีค่าธรรมเนียม)
- เข้าศึกษาหลังหมดอายุ: ในกรณีที่เข้าศึกษาภายหลังจากสถาบันหมดอายุการรับรอง แพทยสภาจะดำเนินการพิจารณาตามกระบวนการรับรองใหม่ทั้งหมด โดยไม่มีการรับรองย้อนหลัง ตั้งแต่วันเข้ารับการศึกษา
ฝ่ายฝึกอบรมและสอบ สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา โทรฯ 02-590-1883, 086 081 1208 e-mail : edu@tmc.or.th
กระบวนการพิจารณาและข้อกำหนดด้านระยะเวลา
ในกรณีที่สถาบันผลิตแพทย์ที่ท่านไปศึกษายังไม่ได้รับการรับรอง แพทยสภาจะมีขั้นตอนการดำเนินการพิจารณา โดยมีข้อกำหนดด้านระยะเวลาที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด:
- การขอข้อมูลหลักสูตร: สำนักงานเลขาธิการแพทยสภาจะส่งจดหมายพร้อมแบบฟอร์ม Information sheet of Foreign Medical School ถึงคณบดี (Dean) ของสถาบันผลิตแพทย์เพื่อขอข้อมูล (ใช้เวลาประมาณ 2-5 เดือน ในการได้รับคำตอบกลับ)
- ระยะเวลาการพิจารณา: คณะอนุกรรมการพิจารณามาตรฐานหลักสูตรฯ มีการประชุม 3 เดือน/ครั้ง และคณะกรรมการแพทยสภามีการประชุม เดือนละ 1 ครั้ง (พฤหัสบดีที่ 2 ของเดือน)
- ความเสี่ยงจากการถูกจำหน่ายคำร้อง:
- หากสถาบัน ไม่ส่งข้อมูลกลับมาภายใน 1 ปี นับจากวันที่สำนักงานเลขาธิการแพทยสภาส่งจดหมาย สถาบันจะถือว่าไม่ประสงค์ที่จะให้พิจารณา และคำร้องจะ ถูกจำหน่ายออกจากระบบ
- ในกรณีที่คณะอนุกรรมการฯ มีมติให้ขอข้อมูลเพิ่มเติม ผู้ยื่นคำร้อง/สถาบันต้องดำเนินการจัดส่งให้คณะอนุกรรมการฯ ภายใน 6 เดือน นับจากวันที่แพทยสภามีหนังสือแจ้ง หากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด คำร้องจะ ถูกจำหน่ายออกจากระบบ เช่นเดียวกัน
สรุป: แผนปฏิบัติการเพื่อการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย
เพื่อให้การลงทุนทางการศึกษาสัมฤทธิ์ผล และได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย ผู้เรียนต้องปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการ 5 ประการ ดังนี้:
- ยื่นเรื่องรับรองเป็นรายบุคคล กับแพทยสภา (ก่อนเดินทาง)
- สำเร็จการศึกษา โดยศึกษาตลอดหลักสูตร Face to Face ในประเทศที่รับรอง
- สอบ ศรว. 3 ขั้นตอน ผ่านการประเมินความรู้ความสามารถตามมาตรฐานวิชาชีพทุกหมวด
- แพทย์ฝึกหัด (Internship) 1 ปี ผ่านการฝึกปฏิบัติงานหลังปริญญาในฐานะแพทย์ฝึกหัดในสถาบันที่แพทยสภารับรอง
- ขึ้นทะเบียน เมื่อสอบผ่านครบจึงได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ข้อพิจารณาสำหรับผู้ที่ประสงค์ประกอบวิชาชีพในต่างประเทศ
การยื่นคำร้องให้แพทยสภารับรองหลักสูตรเป็นรายบุคคลมีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อ การขอสิทธิในการสมัครสอบเพื่อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทยเท่านั้น หากผู้สำเร็จการศึกษาประสงค์จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศที่ไปศึกษาต่อ หรือในประเทศอื่นใดที่มิใช่ประเทศไทย จะไม่จำเป็นต้องยื่นเรื่องให้แพทยสภารับรองโดยตรง ทั้งนี้ การดำเนินการจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการแพทย์ของประเทศปลายทางนั้นๆ
คำแนะนำ: แม้จะไม่ใช่ข้อบังคับสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในต่างประเทศ แต่ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ดำเนินการยื่นเรื่องให้แพทยสภารับรองหลักสูตรตั้งแต่ ชั้นปีที่ 1 (ค่าธรรมเนียม 15,000 บาท) เนื่องจากแผนการทำงานในชีวิตอาจเปลี่ยนแปลงได้ การดำเนินการตั้งแต่เนิ่น ๆ ถือเป็นการ “ล็อกสิทธิ์” ในการกลับมาทำงานในประเทศไทยไว้เป็นการถาวร หากไม่ได้ดำเนินการตั้งแต่แรก และสถาบันหมดอายุการรับรองไปแล้ว จะส่งผลให้เสียสิทธิ์ในการสอบใบประกอบวิชาชีพฯ ในประเทศไทยอย่างถาวรโดยไม่มีข้อยกเว้น.
รายชื่อโรงเรียนแพทย์ต่างประเทศที่แพทยสภารับรอง (ข้อมูล ณ ตุลาคม 2568)
ตรวจสอบรายชื่อล่าสุด: เนื่องจากสถานะการรับรองมีการเปลี่ยนแปลงทุก 5 ปี กรุณาตรวจสอบรายชื่อโรงเรียนแพทย์ในต่างประเทศที่แพทยสภารับรองฉบับล่าสุด (รวมถึงวันหมดอายุการรับรอง) ได้ที่:
- เว็บไซต์แพทยสภา (รายชื่อปัจจุบัน)
- เอกสารประกาศรายชื่อล่าสุด
⚠️ ข้อควรทราบ: การที่สถาบัน “ไม่ได้มีชื่อ” ในรายชื่อนี้ ไม่ได้แปลว่าสถาบันนั้นไม่ได้มาตรฐาน แต่อาจหมายความว่า อายุการรับรอง 5 ปีได้หมดลงแล้ว หรืออยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาต่ออายุ
ดังนั้น ผู้ประสงค์จะศึกษาในวิชาแพทยศาสตร์ต่างประเทศทุกคน “ต้องยื่นคำร้องให้รับรองหลักสูตรเป็นรายบุคคล” ก่อนหรือภายใน 1 เดือนหลังเข้าศึกษา เพื่อเป็นการ “ล็อกสิทธิ์” ของตนเองในการกลับมาสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย
คำแนะนำ: ผู้เกี่ยวข้องควรติดต่อ ฝ่ายฝึกอบรมและสอบ สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา (โทรฯ 02-590-1883) โดยตรง เพื่อตรวจสอบข้อมูลและเกณฑ์ที่ถูกต้องเป็นปัจจุบันก่อนการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
| ประเทศ | จำนวนสถาบันที่รับรอง | ตัวอย่างสถาบันที่รับรอง |
|---|---|---|
| สาธารณรัฐประชาชนจีน | 20 | Zhejiang University; Dalian Medical University; Xiamen University; China Medical University; Hebei Medical University; Nanjing Medical University |
| มาเลเซีย | 6 | Newcastle University Medicine Malaysia; Segi University; Taylor’s University; Mahsa University; RCSI & UCD Malaysia Campus; International Medical University (IMU) |
| ฟิลิปปินส์ | 4 | Manila Central University; University of Northern Philippines; Our Lady of Fatima University; Lyceum-Northwestern University |
| โปแลนด์ | 3 | Poznan University of Medical Sciences (PUMS); Medical University of Lublin; Medical University of Bialystok |
| สหพันธรัฐรัสเซีย | 2 | Northern State Medical University; Kursk State Medical University |
| เกรเนดา | 2 | St George’s University, School of Medicine |
| สาธารณรัฐเช็ก | 1 | Second Faculty of Medicine, Charles University |
| อินโดนีเซีย | 1 | Faculty of Medicine, Syiah Kuala University |
| มอลต้า | 1 | Barts and the London School of Medicine and Dentistry, Queen Mary University of London, Malta Campus |
| สหราชอาณาจักร | 1 | School of Medicine and Dentistry, University of Lancashire |
รวมทั้งหมด: 10 ประเทศ (41 สถาบันที่ได้รับการรับรอง)
เส้นทางสู่การประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย: หลังการรับรองแล้วต้องทำอะไรต่อ?
การยื่นเรื่องให้แพทยสภารับรองหลักสูตรเป็นรายบุคคล เป็นเพียงการ “ขอสิทธิในการสมัครสอบ” เท่านั้น ผู้สำเร็จการศึกษาทุกคนยังคงต้องผ่านการประเมินตามมาตรฐานของประเทศไทย เพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:
ขั้นตอนที่ 1: การสอบเพื่อประเมินความรู้ความสามารถ (สอบ ศรว. ครบ 3 ขั้นตอน)
นักศึกษาที่ล็อกสิทธิ์ไว้แล้วจะต้องสมัครสอบและสอบผ่านการประเมินของศูนย์ประเมินและรับรองความรู้ความสามารถตามมาตรฐานวิชาชีพเวชกรรม (ศรว.) ครบทั้ง 3 ขั้นตอน:
- ขั้นตอนที่ 1 (Pre-Clinical): หมวดวิทยาศาสตร์พื้นฐานทางการแพทย์
- ขั้นตอนที่ 2 (Clinical): หมวดวิทยาศาสตร์ทางคลินิก
- ขั้นตอนที่ 3 (OSCE/ทักษะ): หมวดทักษะและหัตถการทางคลินิก (การสอบปฏิบัติ)
หมายเหตุ: การสอบทั้งสามขั้นตอนมีความเข้มข้นสูง นักศึกษาจากต่างประเทศจึงจำเป็นต้องเตรียมตัวสอบมาตรฐานของไทยอย่างเข้มข้นเป็นพิเศษ
ขั้นตอนที่ 2: การฝึกปฏิบัติงานหลังปริญญา (แพทย์ฝึกหัด 1 ปี)
เมื่อสำเร็จการศึกษาและสอบผ่าน ศรว. ครบทุกขั้นตอนแล้ว ผู้สำเร็จการศึกษาจะต้อง:
- เข้ารับการฝึกปฏิบัติงานหลังปริญญาในฐานะ แพทย์ฝึกหัด (Internship) เป็นระยะเวลา 1 ปี
- ต้องฝึกในโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยที่แพทยสภารับรอง หรือสถาบันในประเทศไทยที่แพทยสภารับรองเท่านั้น
ข้อควรระวัง: จำนวนตำแหน่งแพทย์ฝึกหัดในไทยมีจำกัด ผู้เรียนควรวางแผนสำรองเพื่อฝึกปฏิบัติงานหลังปริญญาในประเทศที่ไปศึกษาต่อ โดยต้องประสานให้แพทยสภารับรองโรงพยาบาลนั้นก่อน เพื่อให้การฝึกนั้นสามารถใช้เป็นคุณสมบัติในการขอใบอนุญาตฯ ในไทยได้
ขั้นตอนที่ 3: การขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
เมื่อสอบผ่าน ศรว. ครบถ้วน และผ่านการฝึกปฏิบัติงานหลังปริญญาแล้ว จึงจะสามารถยื่นเรื่องต่อแพทยสภาเพื่อ สมัครสมาชิกแพทยสภา และ ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ได้อย่างสมบูรณ์
ช่องทางติดต่อและตรวจสอบข้อมูลล่าสุด
- ฝ่ายฝึกอบรมและสอบ สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา: โทรฯ 02-590-1883, 086-0811208
- ตรวจสอบรายชื่อสถาบันรับรองล่าสุด: https://www.tmc.or.th/foreign_med.php
FAQ: คำถามที่พบบ่อย (สำหรับผู้จะไปเรียนแพทย์ต่างประเทศ)
1. ถ้าเรียนจบแพทย์ต่างประเทศแล้วไม่กลับมาทำงานที่ไทย ต้องยื่นเรื่องรับรองกับแพทยสภาหรือไม่?
ตอบ: ไม่จำเป็น หากท่านประสงค์จะประกอบวิชาชีพในประเทศที่ไปศึกษา หรือประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศไทย ท่านไม่จำเป็นต้องยื่นเรื่องกับแพทยสภาไทย แต่ต้องปฏิบัติตามกฎของประเทศปลายทางนั้นๆ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ยื่นเรื่องไว้เพื่อ “ล็อกสิทธิ์” เผื่ออนาคตมีการเปลี่ยนแปลงแผนชีวิต
2. สามารถเรียนแพทย์หลักสูตรออนไลน์ได้หรือไม่?
ตอบ: ไม่ได้เด็ดขาด แพทยสภาไม่รับรองการเรียนการสอนรูปแบบ Online นอกโรงเรียนแพทย์ โดยเฉพาะการเรียนทางคลินิก ต้องเป็นรูปแบบ Face to Face (ดูแลผู้ป่วยจริง) เท่านั้น
3. ควรยื่นเรื่องขอรับรองหลักสูตรตอนไหนดีที่สุด?
ตอบ: ควรยื่นตั้งแต่ ชั้นปีที่ 1 หรือก่อนเดินทางไปศึกษา เพื่อความมั่นใจว่าหลักสูตรที่เรียนได้รับการรับรองแน่นอน และค่าธรรมเนียมจะถูกที่สุด (15,000 บาท) หากรอจนเรียนจบ ค่าธรรมเนียมจะสูงถึง 50,000 บาท และมีความเสี่ยงหากหลักสูตรหมดอายุไประหว่างเรียน
4. ถ้าโรงเรียนแพทย์ที่ไปเรียน “ไม่มีชื่อ” ในประกาศแพทยสภา แปลว่าไม่ได้มาตรฐานใช่ไหม?
ตอบ: ไม่เสมอไป การไม่มีชื่ออาจเกิดจาก อายุการรับรอง 5 ปีหมดลงแล้ว หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาต่ออายุ ดังนั้นนักศึกษาต้องตรวจสอบสถานะปัจจุบันกับแพทยสภาโดยตรง และต้องยื่นคำร้องขอรับรองเป็นรายบุคคลเพื่อความปลอดภัย
5. ถ้าโรงเรียนแพทย์ไม่ส่งข้อมูลกลับมาให้แพทยสภาภายใน 1 ปี จะเกิดอะไรขึ้น?
ตอบ: คำร้องของท่านจะ ถูกจำหน่ายออกจากระบบ (ถือว่าสถาบันไม่ประสงค์ให้ตรวจสอบ) ซึ่งจะทำให้ท่านไม่ได้รับการรับรองหลักสูตร และไม่มีสิทธิ์สอบใบประกอบวิชาชีพในไทย
ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม
เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”
บริการของเรามีอะไรบ้าง ?
- ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
- เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
- บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า
- บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
- เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
[คลิกเพื่อสมัครสอบ IELTS] - บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, Allianz, Bupa, NIB, Orbit และอื่นๆ [คลิกเพื่อซื้อประกัน]
- บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
- บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล
“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558, 088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ