สารบัญบทความ

Last updated มิถุนายน 8, 2022 ago by Thebestedu

Portland Community College


Portland Community College เป็นวิทยาลัยระดับอุดมศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในรัฐโอเรกอน ตั้งอยู่ในเมืองพอร์ทแลนด์ เป็นวิทยาลัยระดับ Top 3 และเป็นวิทยาลัยชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในรัฐออริกอน และเป็นหนึ่งในวิทยาลัยชุมชนชั้นนำ Top 20 แห่งสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1961 เปิดสอนหลักสูตรอfaนุปริญญา Associate Degree (2-Year College) หลักสูตรประกาศนียบัตร Certificate มากมาย เช่น Arts, Design, Business, Health Care, STEM และหลักสูตรปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษเพื่อการเรียนต่อ ESL โดยทุกหลักสูตรมุ่งเน้นการเทียบโอนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เพื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี

Portland Community College มีวิทยาเขตขนาดใหญ่ 4 แห่ง ในเมืองพอร์ตแลนด์ ได้แก่ Cascade Campus, Rock Creek Campus, Southeast Campus และ Sylvania Campus และศูนย์ฝึกงานสำหรับหลักสูตรเฉพาะทางอีกมากมายกระจายทั่วเมือง Portlanยนd


ทำไมต้องมาเรียนต่ออเมริกา?

  • สหรัฐอเมริกามีมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกมากมาย เช่น MIT, Stanford University, Harvard University และ Caltech University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัย TOP 10 ของโลก
  • หลักสูตร STEM พร้อมโอกาสที่เปิดกว้าง หลักสูตร STEM หรือ Science, Technology, Engineering, Math เป็นหลักสูตรที่เปิดโอกาสให้ทำงานหลังเรียนจบ OPT ที่มากกว่า เพื่อฝึกปฏิบัติ และสามารถก้าวสู่การทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น ระบบโอนหน่วยกิต Credit Transfer ช่วยให้การเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกาง่ายขึ้น ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเรียนจบ High School ที่อเมริกา ก็สามารถเรียนต่อ 2-Year College และโอนหน่วยกิตเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ ไม่ต้องสอบ SAT, GMAT, GRE
  • มีหลักสูตรที่ครอบคลุมทุกหลักสูตร มหาวิทยาลัยในอเมริกา เปิดสอนหลักสูตรมากกว่า 2 ล้านหลักสูตร ผ่านมหาวิทยาลัยกว่า 4 พันแห่ง ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญเอก รวมถึงหลักสูตรอนุปริญญา Associate Degree และประกาศนียบัตร Certificate ทุกหลักสูตร มีคุณภาพและอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก
  • เป็นศูนย์วิจัยระดับโลก สหรัฐอเมริกามีชื่อเสียงโด่งดังด้านงานวิจัย และเป็นแนวหน้าในการพัฒนาของโลก ตั้งแต่งานวิจัยวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม สังคม วัฒนธรรม โดยจากข้อมูลของ NSF ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้งานในการวิจัยและนวัตกรรมอยู่ที่ 22 พันล้านดอลลาร์ในปี 2015
  • อเมริกาเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีและเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่อง ได้รู้จักกับความรู้ใหม่ล่าสุดในสาขาวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์และสาขาที่เกี่ยวข้อง ผลลัพธ์ที่ได้คือผู้สำเร็จการศึกษามีทักษะ และพร้อมทำงานโดยใช้เทคโนโลยีล่าสุด
  • ประเทศอเมริกา ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ เหมาะสำหรับผู้อยากเรียนภาษา ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ ภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน ก็โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์น่าฟังอย่างมาก
  • โอกาสในการจ้างงานที่มากกว่า หลังจากสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี นักศึกษากว่า 70% ได้งานทำหลังเรียนจบ โดยอัตราค่าตอบแทนอยู่ที่ $61,000 – $120,700 หรือประมาณ 1.89 – 3.74 ล้านบาทต่อปี
  • มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประเทศอเมริกา เป็นประเทศแห่งเสรีภาพ เปิดรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม เข้าใจและพร้อมซึมซัมวัฒนธรรมใหม่ๆ ตลอดเวลา
  • บริการช่วยเหลือสำหรับนักศึกษาต่างชาติ อเมริกายินดีต้อนรับนักศึกษาต่างชาติสำหรับการศึกษาต่อในอเมริกาและมีระบบสนับสนุนเพื่อช่วยให้นักเรียนปรับตัวเข้ากับชีวิตในอเมริกาได้อย่างสะดวกสบาย

ทำไมควรเลือกเรียน Portland Community College

  • Portland Community College เป็นวิทยาลัยระดับ Top 3 และเป็นวิทยาลัยชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในรัฐออริกอน
  • วิทยาลัยเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท อุตสาหกรรมชั้นนำมากมาย เพื่อนักศึกษามีโอกาสได้ฝึกงาน และโอกาสการทำงานหลังเรียนจบ
  • ชั้นเรียนขนาดเล็ก ได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ผู้สอนอย่างใกล้ชิด
  • ทั้ง 4 วิทยาเขต ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสำหรับการเรียน และการเดินทางสะดวกสบาย เพียบพร้อมด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ชุมชนที่เป็นมิตร และทันสมัย เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตและการศึกษา
  • มีนักศึกษาที่มาจากหลากหลายประเทศกว่า 60 สัญชาติทั่วโลก ได้รับการยอมรับสำหรับหลากหลายวัฒนธรรม ผู้เรียนจะไม่รู้สึกแตกต่าง แต่จะค่อยๆ ซึมซับวัฒนธรรมต่างชาติ
  • มีกิจกรรมนอกหลักสูตรมากมายให้เข้าร่วม นักศึกษาต่างชาติมีโอกาสที่จะได้รู้จักเพื่อนมากมายด้วยสโมสรและกิจกรรมที่หลากหลายที่วิทยาลัย
  • มีศูนย์บริการนักศึกษาต่างชาติ ที่จะช่วยเหลือนักศึกษาต่างชาติ ทุ่มเทเพื่อช่วยให้ค้นพบเส้นทางสู่ความสำเร็จ ทั้งในด้านวิชาการ และในอาชีพ
  • ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก เช่น Best in Oregon for Graduate’s Salaries, Second Nature Climate Leadership Award, LEED Platinum Construction และอื่นๆ อีกมากมาย

รางวัลการันตีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก

Best in Oregon for Graduate’s Salaries วารสารธุรกิจพอร์ตแลนด์ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากสถาบันหลังมัธยมศึกษา 56 แห่งในออริกอน โดยอิงจากดัชนีชี้วัดของวิทยาลัยของกระทรวงศึกษาธิการแห่งสหรัฐอเมริกา PCC ได้รับการจัดอันดับที่ดีที่สุดในแง่ของเงินเดือนของผู้สำเร็จการศึกษาโดยพิจารณาจากค่าเล่าเรียนเฉลี่ยต่อปี นอกจากนี้ยังเป็นสถาบันเดียวในออริกอนที่สร้าง “รายการที่มีเกียรติ” สำหรับเงินเดือนบัณฑิตระดับสูง

Second Nature Climate Leadership Award PCC ได้มอบรางวัล PCC ด้วยรางวัล Second Nature Climate Leadership Award สำหรับวิทยาลัยสองปี เกียรติยศดังกล่าวถือเป็นการยกย่องความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและความก้าวหน้าในด้านความยั่งยืน เนื่องจาก PCC ได้ลดการใช้พลังงานลง 65% ต่อตารางฟุตตั้งแต่ปี 2006

LEED Platinum Construction หรือ Leadership in Energy and Environmental Design เป็นโปรแกรมการรับรองอาคารสีเขียวที่ตระหนักถึงกลยุทธ์ และแนวทางปฏิบัติในการสร้างอาคารที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ได้รับรางวัลจากสภาอาคารสีเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา

Tree Campus USA ความคิดริเริ่ม PCC เป็นผู้รับความภาคภูมิใจของการแต่งตั้ง Arbor Day Foundation Tree Campus USA ซึ่งให้เกียรติวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยที่มีส่วนทำให้ป่าชุมชนมีสุขภาพที่ดี

Bee Campus USA เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2016 โครงการความยั่งยืนของ Rock Creek และ Bee Campus USA ได้ประกาศว่า Portland Community College เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาแห่งที่ 4 ในประเทศที่ได้รับการรับรองว่าเป็นหน่วยงานในเครือของโครงการ Bee Campus USA ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับจุดแข็งด้านการศึกษา วิทยาเขตเพื่อประโยชน์ของแมลงผสมเกสร


สถานที่ตั้งของ Portland Community College

Portland Community College ตั้งอยู่ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่เป็นมิตรและน่าอยู่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ประกอบไปด้วยวิทยาเขตที่สวยงาม 4 แห่ง ตั้งกระจายอยู่ทั่วเมืองพอร์ตแลนด์ ทุกวิทยาเขตมีความสวยงามเฉพาะตัว และเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน

Cascade CampusRock Creek CampusSoutheast CampusSylvania Campusศูนย์ฝึกงานสำหรับหลักสูตรเฉพาะทาง

Cascade Campus

วิทยาเขต Cascade ตั้งอยู่ในใจกลางย่าน North Portland วิทยาเขตเปิดทำการครั้งแรกในปี 1970 และได้กลายเป็นวิทยาเขตสำหรับหลักสูตรด้านศิลปะ 

Rock Creek Campus

อยู่ห่างจากตัวเมืองพอร์ตแลนด์ไปทางตะวันตก 12 ไมล์ วิทยาเขตขนาด 260 เอเคอร์ประกอบด้วยป่าไม้ พื้นที่ชุ่มน้ำ และทุ่งหญ้า สัตว์ในฟาร์มที่หลากหลาย โครงการเทคโนโลยีเพื่ออาชีพ 14 โครงการ และสวนขนาด 3.6 เอเคอร์ 

Southeast Campus

วิทยาเขตตะวันออกเฉียงใต้มีขนาดเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 94,000 เป็น 200,000 ตารางฟุต การผสมผสานที่ลงตัวของวัฒนธรรมสะท้อนให้เห็นในชุมชนที่วิทยาเขตตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับท้องถิ่น

Sylvania Campus

วิทยาเขต Sylvania ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของพอร์ตแลนด์ ระหว่างเมือง Tigard และทะเลสาบ Oswego ในฐานะที่เป็นวิทยาเขต PCC ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุด Sylvania มีคุณสมบัติพิเศษมากมายและโปรแกรมเฉพาะทางมากมาย สถานที่ออกกำลังกายที่น่าประทับใจพร้อมสระว่ายน้ำ โรงละครอันทันสมัย (ศูนย์ศิลปะการแสดง) และ MakerLab ที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับนักเรียนในการสร้างสรรค์ทุกสิ่งที่จิตใจสามารถจินตนาการได้เป็นเพียงสถานที่เพียงไม่กี่แห่งที่น่าไปเยี่ยมชม ขณะอยู่ในมหาวิทยาลัย ซิลเวเนียเป็นสถานที่สำหรับนวัตกรรม การทำงานร่วมกันของชุมชน และการเติบโตส่วนบุคคล


Portland Community College เปิดสอนหลักสูตรอะไรบ้าง?

  • หลักสูตร Associate Degree คือโปรแกรมการเรียนที่เกิดจากความร่วมมือของ Community College กับ University ในสหรัฐอเมริกา โดยที่นักเรียนใช้เวลา 2 ปีแรกเรียนที่ Community College และรับวุฒิ Associate’s Degree จากนั้นโอนหน่วยกิตมาเรียนต่อปีที่ 3 และ 4 ในมหาวิทยาลัยที่อเมริกาและรับวุฒิ Bachelor’s Degree ซึ่งโปรแกรมเรียนนี้จะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการเรียน 4 ปีเต็มที่มหาวิทยาลัย เนื่องจากค่าธรรมเนียมการศึกษาใน Community College จะไม่สูง สมัครเรียนเข้าง่ายกว่า มีโปรแกรมที่ช่วยเหลือนักเรียนด้านทักษะภาษาอังกฤษ มีห้องเรียนที่มีจำนวนผู้เรียนน้อยกว่า และมีการดูแลนักเรียนที่เข้มข้นจริงจัง เพิ่มเกรดเฉลี่ยก่อนเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้
  • หลักสูตร Certificate (1,2-Year) คือหลักสูตรประกาศนียบัตร ระยะเวลาเรียนเ 1 ปี การเรียนการสอนเน้นปฏิบัติ เมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้ประกาศนียบัตร (Certificate) ในสาขาวิชานั้นๆ การเรียนการสอนหลักสูตรนี้จะเน้นการปฏิบัติและทักษะการทำงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำไปสู่การทำงานที่มีความเชี่ยวชาญ 
  • หลักสูตร Less than 1-Year Certificate คือหลักสูตรประกาศนียบัตร ระยะเวลาเรียนไม่เกิน 1 ปี การเรียนการสอนเน้นปฏิบัติ เมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้ประกาศนียบัตร (Certificate) ในสาขาวิชานั้นๆ 
  • หลักสูตร Career Pathway Certificate หลักสูตรวิชาชีพ เน้นทักษะการปฏิบัติงาน เพื่อสำเร็จการศึกษา จะมีทักษะที่เพียบพร้อมต่อการทำงาน และเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในสหรัฐอเมริกา 
  • หลักสูตร University Transfer หลักสูตรที่เน้นเรียนวิชาในระดับชั้นปริญญาตรีปี 1 และ ปี 2 ให้ได้มากที่สุด เพื่อเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนต่อในระดับชั้นปี 3 และ ปี 4 ในมหาวิทยาลัย หลักสูตรนี้หลายคนอาจจะสับสนกับหลักสูตร Associate Degree ข้อแตกต่างคือ หลักสูตร Associate Degree จะได้เรียนในวิชาเฉพาะด้วย แต่หลักสูตร University Transfer จะได้เรียนเฉพาะวิชาพื้นฐาน เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ประวัติศาสตร์ สังคมศึกษา วรรกรรม เป็นต้น

Portland Community College เปิดสอนสาขาอะไรบ้าง?

Arts, Humanities, Communication, and Design

หลักสูตรศิลปะ มนุษยศาสตร์ การสื่อสาร และการออกแบบ เปิดหลักสูตรสอนวิชาศิลปะและการออกแบบหลายแขนงเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้สนใจในด้านศิลปะ การออกแบบ ทั้งสื่อร่วมสมัยและสื่อสมัยใหม่ นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรการออกแบบทางเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองกับตลาดอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในอนาคตอีกด้วย

Business and Entrepreneurship

หลักสูตรบริหารธูรกิจและผู้ประกอบการ เรียนรู้เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ การบริหารธุรกิจ เช่น การตลาด การจัดการ บัญชีและการเงิน เป็นหลักสูตรที่มีความต้องการในตลาดแรงงานตลอดเวลา เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ

Construction, Manufacturing Tech, and Transportation

หลักสูตรเกี่ยวกับช่างเทคนิค เรียนรู้ในสาขาวิชาที่หลากหลาย ที่สามารถเลือกได้ตามความสนใจของผู้เรียน เช่น การก่อสร้าง ช่างไฟฟ้า ช่างในอุตสาหกรรม ช่างยนต์ ช่างไม้ นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรเกี่ยวกับการออกแบบสิ่งแวดล้อมด้วย เป็นสาขาที่ได้รับความสนใจอย่างมากสำหรับนักเรียนต่างชาติ เนื่องจาก สายงานช่าง เป็นสายงานที่ขาดแคลนในประเทศสหรัฐอเมริกา และทั่วโลก

Healthcare and Emergency Professions

สาขาเกี่ยวกับสุขภาพ รวบรวมสาขาเกี่ยวกับสุขภาพหลากหลายสาขา เช่น ทันตกรรม, รังสีวิทยา, พยาบาลศาสตร์, เทคนิคการแพทย์ รวมถึงสาขาเกี่ยวกับการดับเพลิง การกู้ภัยฉุกเฉิน และสาขาเกี่ยวกับสุขศึกษา พละศึกษามากมาย

Public Service, Education, and Social Sciences

สาขาเกี่ยวกับการบริการสังคม เปิดสอนสาขาเช่น การดูแลเด็ก การดูแลผู้สูงอายุ การให้คำปรึกษาทางด้านครอบครัว

Less than 1-Year Certificate

Science, Technology, Engineering, and Math (STEM)

สาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) โดยส่วนใหญ่แล้ว สาขาเหล่านี้จะต่อยอดในการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย สาขาที่เปิดสอนก็จะมีมากมาย ทั้ง ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ดาราศาสตร์ วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมซอฟต์แวร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ เป็นสาขาที่เมื่อสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีแล้ว จะสามารถขอ STEM OPT Extension ซึ่งสามารถขยายระยะเวลา OPT ได้สูงสุด 3 ปี และมีโอกาสขอเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรได้มากกว่า

การเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรี Transfer University

หลังจากสำเร็จการศึกษานักศึกษาสามารถเทียบโอนหน่วยกิตของหลักสูตร Associate Degree หรือ University Transfer Program เข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีอีก 2 ปี หรือที่หลายๆ คนรู้จักในหลักสูตร 2+2 University Transfer Program โดยสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ทั่วสหรัฐอเมริกา สำหรับมหาวิทยาลัยที่นักศึกษา PCC นิยมเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนมากที่สุดคือมหาวิทยาลัย Portland State University สาขาวิศวกรรมศาสตร์

สำหรับนักศึกษาที่เรียนหลักสูตร Heath Care สามารถเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนต่อในสถาบันทางการแพทย์ Oregon Health and Science University ซึ่งเป็นสถาบันทางการแพทย์ Top 5 ของสหรัฐอเมริกา

มหาวิทยาลัยที่ทำข้อตกลงกับ PCC สำหรับการเทียบโอนหน่วยกิต

Portland Community College เปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษ ESL Program ด้วย

สำหรับผู้ที่ยังไม่มีคะแนนภาษาอังกฤษ เช่น IELTS, TOEFL สามารถสอบวัดระดับภาษาอังกฤษกับทางวิทยาลัยก่อนได้ และหากคะแนนภาษาอังกฤษไม่ถึงเกณฑ์การรับเข้าเรียน ทางวิทยาลัยมีหลักสูตร ESL (English as a Second Language) ในวิทยาเขตทั้งสี่แห่ง โปรแกรม ESL มีการสอนภาษาอังกฤษ 8 Level ตั้งแต่ Level 1 สำหรับผู้เริ่มต้น จนถึง Level 8 สำหรับนักเรียนที่กำลังเตรียมลงทะเบียนเรียนในรายวิชาระดับวิทยาลัย ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษในการสมัคร

สิ่งอำนวยความสะดวกใน Portland Community College

สิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬา

  • มียิมสำหรับบาสเก็ตบอล วอลเลย์บอล และกิจกรรมอื่นๆ ที่ CascadeRock Creek, และ Sylvania.
  • มีสตูดิโอสำหรับโยคะ เต้นรำ และกิจกรรมอื่นๆ ที่ CascadeRock CreekSoutheast, และ Sylvania.
  • สนามฟุตบอล
    • มีสนามหญ้าธรรมชาติที่ Sylvania.
    • สนามหญ้าเทียมมีจำหน่ายที่ Rock Creek.
  • ห้องยกน้ำหนักและเครื่องยกน้ำหนัก มีจำหน่ายที่ CascadeRock CreekSoutheast, and Sylvania.
  • มีสระว่ายน้ำขนาด 25 หลาพร้อมสระลึกแยกต่างหากที่ Sylvania.
  • มีลู่วิ่งกว้าง 8 เลน ที่ Sylvania.
  • สนามเทนนิสกลางแจ้งหกคอร์ตให้บริการที่ Rock Creek.

ชมรมที่น่าสนใจ

ที่พักใน Portland

PCC ไม่มีหอพักในมหาวิทยาลัย เป็นความรับผิดชอบของนักเรียนในการค้นหาที่อยู่อาศัยของตนเอง นักศึกษาต่างชาติใหม่จำนวนมากรอหาที่พักจนกว่าจะถึงสัปดาห์ปฐมนิเทศ เพราะห้องว่างในชั้นเรียนสามารถกำหนดได้ว่าวิทยาเขต PCC แห่งใดในสี่แห่งจะเป็นวิทยาเขตหลักของพวกเขา ทางเลือกบางอย่างที่นักศึกษาต่างชาติอาจต้องการพิจารณามีดังต่อไปนี้

ที่พักแบบโฮมสเตย์

PCC ทำงานร่วมกับ ANDEO International Homestays และ American Homestay Network เพื่อจัดหาที่พักประเภทโฮมสเตย์กับนักศึกษาต่างชาติ

ที่พักแบบอพาร์ทเม้นนักศึกษา

College Housing Northwest เป็นองค์กรการเคหะที่ไม่แสวงหาผลกำไรในพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ให้บริการที่อยู่อาศัยประเภทอาคารอพาร์ตเมนต์ 7 แห่ง ทั้งหมดตั้งอยู่ในตัวเมืองพอร์ตแลนด์

ที่พักประเภทอื่นๆ

คำแนะนำสำหรับการหาที่พักอาศัยด้วยตนเองในสหรัฐอเมริกา

  • ขอแนะนำอย่างยิ่งให้อ่านและทำความเข้าใจข้อตกลงสัญญาที่อยู่อาศัยอย่างรอบคอบก่อนที่จะลงนามหรือทำสัญญาอย่างเป็นทางการใดๆ
  • โดยปกติจะต้องวางเงินมัดจำค่าที่พักอาศัย 1 เดือน หรือ 6 สัปดาห์ โดยเงินมัดจำส่วนนี้ จะถูกส่งคืนให้เมื่อย้ายออก หากทรัพย์สินยังคงอยู่ในสภาพเดียวกับเมื่อเริ่มเช่า
  • ค่าสาธารณูปโภค (ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าน้ำ ค่าเคเบิล) มักจะคิดเพิ่มในที่พักส่วนตัว ดังนั้นต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เสมอเมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย
  • ระวังค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น การใช้ที่จอดรถ สถานที่ซักรีด และอพาร์ทเม้นบางแห่งอาจมีค่าเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยด้วย
  • ในฐานะนักเรียนต่างชาติ จะต้องแน่ใจว่าอพาร์ทเม้นที่เช่ามีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เนื่องจากห้องพักบางแห่งไม่มีเฟอร์นิเจอร์ให้ ผู้เช่าต้องสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยตนเอง

เรียนต่อ Portland Community College ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?

ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมของ Portland Community College โดยเฉลี่ยจะถูกกว่ามหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนประมาณ 50% -70% ซึ่งทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก โดย ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ได้สรุปรายการค่าใช้จ่ายขั้นต่ำในการเข้าศึกษาของ Shoreline Community College ดังนี้

ค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน

 

รายการ

ESOL classes

Certificate & Associate Degree
Level 1 – 3 Level 1 – 8

1 ภาคการศึกษา (3 เดือน) 

1 ปีการศึกษา (9 เดือน)

ค่าเล่าเรียน (Tuition)

$2,592
(ประมาณ 88,120 บาท)

$8,424
(ประมาณ 286,400 บาท)

$3,096
(ประมาณ 105,200 บาท)

$9,290
(ประมาณ 315,860 บาท)

หมายเหตุ:

  • ค่าธรรมเนียม หน่วยกิตละ $258 โดย 1 เทอม เรียนทั้งหมด 12 หน่วยกิต
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมนักศึกษาต่างชาติ ค่าธรรมเนียมปรับปรุงอาคารและสถานที่ ค่าธรรมเนียมสนับสนุนเทคโนโลยีที่ใช้ในการศึกษา เป็นต้น
  • ค่าห้องพักและค่าอาหารจะขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายจากหอพักที่นักศึกษาเลือกอยู่ 
  • ค่าใช้จ่ายอื่นโดยประมาณ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ซึ่งค่าใช้จ่ายของนักเรียนแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตประจำวันของนักศึกษา อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากไม่มีบัตรโดยสารขนส่งสาธารณะ แต่นักศึกษา Shoreline Community College มีสิทธิ์ได้รับส่วนลดบัตรโดยสาร

เรียนต่อ Portland Community College เตรียมตัวอย่างไร?

คุณสมบัติทั่วไป

  • สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6
  • มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ในเทอมแรกที่เข้าเรียน PCC แต่ทางวิทยาลัยรับนักศึกษาที่มีอายุระหว่าง 16 ถึง 17 ปี ด้วย หากมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดบางประการ ทีมงานฝ่ายธุรการจะจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็นให้กับผู้สมัครและแจ้งให้พวกเขาทราบถึงแนวทางพิเศษ

คุณสมบัติทางภาษาอังกฤษ

ข้อสอบ

คะแนนที่ต้องการ

TOEFL iBT

 score 61 or higher

IELTS (Academic)

overall score 5.5 or higher (no band below 5.0)

Duolingo

score 95 or higher (no sub-score lower than 75)

GTEC

score 1076 or higher

EIKEN

pre-1 or higher

iTEP (Academic)

score 4.0 or higher

Pearson PTE

score 45 or higher

Cambridge B2 First

score 160 or higher

Cambridge C1 Advanced

score 160 or higher

Cambridge C2 Proficiency

score 160 or higher

IB – International Baccalaureate Language A1 English

earn SL points: 5 or higher
score HL 4 or higher

ACT English

score 18 or higher

SAT evidence-based Reading and Writing

score 480 or higher

US High School Diploma

no limit

ELS Language Centers

pass level 109 or higher

หมายเหตุ: ไม่จำเป็นต้องมีผลคะแนนภาษาอังกฤษในการเข้า PCC โดยสามารถสอบวัดระดับภาษาอังกฤษกับทางวิทยาลัยก่อนได้ หากคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ในการเข้าเรียนต่อ ก็สามารถเรียนหลักสูตรปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ ESL กับทาง PCC ได้

หลักฐานทางการเงินที่ต้องแสดง

ผู้สมัครจะต้องแสดงหลักฐานทางการเงินว่าเพียงพอสำหรับการเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาเพื่อออกเอกสาร I-20 โดยจะต้องระบุให้ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน โดยผู้สมัครสามารถสนับสนุนตนเอง หรือให้บุคคลอื่น เช่น สมาชิกในครอบครัว เพื่อน หัวหน้างาน หน่วยงานของรัฐ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา ในการแสดงหลักฐานทางการเงิน

ผู้สมัครจะต้องแสดงรายการเดินบัญชี (Bank Statement) ย้อนหลัง 6 เดือนนับจากวันที่ส่งใบสมัคร พร้อมหนังสือรับรองบัญชี (Bank Guarantee) ระบุชื่อผู้สนับสนุนและแปลงสกุลเงินเป็นดอลลาสหรัฐ

จำนวนเงินที่ต้องแสดงในหลักฐานทางการเงิน

รายการ

ค่าใช้จ่ายสำหรับ 1 ปีการศึกษา (9 เดือน)

ค่าเทอม

$9,290

ค่ากิจกรรม

$385

ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียน

$550

ค่าประกันสุขภาพนักศึกษาต่างชาติ

$1,395

ค่าที่พักอาศัย

$8,500

ค่าระบบขนส่งสาธารณะ

$450

หลักฐานการเงินที่ต้องแสดง

US$20,570

(ประมาณ 700,000 บาท ขึ้นไป)

ช่วงเวลาเปิดรับสมัคร

ปีการศึกษา นักเรียนนอกอเมริกา

นักเรียนในอเมริกา

เทอม Fall 2021 7 ธันวาคม 2020 – 13 กรกฎาคม 2021

7 ธันวาคม 2020 – 30 สิงหาคม 2021

เทอม Winter 2021 15 มีนาคม 2021 – 13 ตุลาคม 2021

15 มีนาคม 2021 – 29 พฤศจิกายน 2021

เทอม Spring 2022 7 มิถุนายน 2021 – 21 มกราคม 2022

7 มิถุนายน 2021 – 7 มีนาคม 2022

เทอม Summer 2022 รอประกาศ

รอประกาศ

5 ขั้นตอน เข้าเรียนต่อ SHORELINE COMMUNITY COLLEGE

ขั้นตอนที่ 1 ติดต่อ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพื่อวางแผนการศึกษา

ติดต่อ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ กรอกแบบฟอร์มด้านล่าง แจ้งให้ทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ทราบว่าต้องการเรียนต่อ Portland Community College ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้น ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะติดต่อกลับเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ขั้นตอนที่ 2 เตรียมเอกสารการสมัครเรียน

ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะเช็คเอกสารให้ฟรี พร้อมแนะนำเส้นทางการเข้าเรียนปริญญาตรี ว่ามีโอกาสไปในทางไหนได้บ้าง เช่น หากไม่มีคะแนนภาษาอังกฤษ อาจจะต้องลงเรียนภาษาอังกฤษก่อน หรือหากยังเรียนไม่จบในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรืออายุยังไม่ถึง 18 ปี ก็สามารถสมัครได้ โดย ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะเลือกสถาบันที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์กับผู้เรียนให้มากที่สุด

ขั้นตอนที่ 3 ดำเนินการสมัครเรียน

หากเลือกเส้นทางการเรียนได้แล้ว ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะเริ่มดำเนินการสมัครเรียน ขอเอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี) รวมถึงเตรียมเอกสารดำเนินการเรื่องวีซ่าด้วย

ขั้นตอนที่ 4 ชำระค่าใช้จ่าย

หลังจากสถาบันการศึกษาตอบรับเข้าเรียนแล้ว ทางโรงเรียนจะส่งเอกสารตอบรับ Acceptance Letter ที่ออกโดยสถาบันการศึกษาของอเมริกา โดยเอกสารตอบรับเข้าเรียน จะชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมด ทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะนำมาสรุปค่าใช้จ่าย และคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินไทย ณ วัน เวลา ที่โอนเงิน

ขั้นตอนที่ 5 ยื่นวีซ่านักเรียนอเมริกา

เมื่อชำระค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้ว ทางสถาบันการศึกษา จะส่งจดหมายตอบรับเข้าเรียน ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะใช้จดหมายนี้ เพื่อนำไปยื่นวีซ่าในขั้นตอนต่อไป โดยก่อนการยื่นวีซ่า ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะมีการเตรียมตัวการตอบคำถามสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนด้วย

หมายเหตุ: ถ้าหากผู้สมัครคุณสมบัติไม่ตรงเกณฑ์ หรือขาดคุณสมบัติด้านใดด้านหนึ่ง สามารถส่งเอกสารให้ทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพื่อที่ทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะให้ทางมหาวิทยาลัยพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ

สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558088-269 5099
Email : contact@thebest-edu.com
Line : @thebesteduหรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน


เรียนต่ออเมริกาทำงานระหว่างเรียนได้ไหม?

นักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่ในอเมริกาที่ถือวีซ่า F-1 อนุญาตให้ทำงานในอเมริกาได้ โดยจะต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน DSO (Designated School Officials) ซึ่งหนึ่งในผู้กำกับดูแลนักเรียน นักศึกษาต่างชาติเป็นหลัก รวมถึงนักเรียนแลกเปลี่ยน ทำหน้าที่ในการติดต่อ ประสานงานสำหรับปัญหาต่างๆ เช่น การเสนอชื่อโรงเรียนที่ได้รับการรับรอง SEVP อัปเดทข้อมูลนักเรียน ให้คำแนะนำนักเรียน ภายใต้เงื่อนไขโดย United States Citizenship and Immigration Service (USCIS)

การทำงานระหว่างเรียนด้วยวีซ่านักเรียน F-1 แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  1. On-Campus คือการทำงานในเขตสถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัย เป็นงานที่สนับสนุนกิจการภายในมหาวิทยาลัย สามารถทำได้เลยเพียงขออนุญาตจาก DSO และงานที่ทำไม่จำเป็นต้องตรงสายก็ได้ อาจได้รับค่าตอบแทน หรือไม่ได้รับค่าตอบแทนก็ได้
  2. Off-Campus คือการทำงานนอกเขตสถาบันการศึกษา เปิดโอกาสให้นักศึกษาที่มีปัญหาด้านการเงินขั้นรุนแรง หรือ นักศึกษาที่ต้องการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ในสาขาวิชาที่เรียนเท่านั้น

หลักสูตร ASSOCIATE DEGREE สามารถขอ OPT ได้นานเท่าไหร่?

  • หากเรียน Associate Degree สามารถทำงาน On-Campus หรือ Off-Campus ก็ได้
  • หากเรียน Associate Degree สามารถขอ CPT หรือ OPT ได้ 12 เดือน

ข้อมูลรายละเอียดของการทำงานในสหรัฐอเมริกาทั้งระหว่างเรียน หลังเรียนจบ ได้สรุปไว้ในบทความข้างล่างนี้แล้ว น้องๆ สามารถคลิกอ่านบทความนี้ได้เลยค่ะ

เรียนต่ออเมริกา | สรุปข้อมูล วีซ่านักเรียนอเมริกา F1 ทำงานระหว่างเรียนได้หรือไม่ เงื่อนไขเป็นอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง เรียนภาษาที่อเมริกาทำงานได้ไหม พร้อมโอกาสการทำงานหลังเรียนจบ | บทความนี้มีคำตอบ


ทำความรู้จักกับ Portland, Oregon

Portland พอร์ตแลนด์เเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับหกบนชายฝั่งตะวันตก และเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ รองจากซีแอตเทิล อยู่ห่างจากมหาสมุทรแปซิฟิกไปทางตะวันออก 97 กม. ตัวเมืองพอร์ตแลนด์คร่อมริมฝั่งแม่น้ำวิลลาแมทท์ ซึ่งไหลไปทางเหนือผ่านใจกลางเมืองและแยกย่านตะวันออกและตะวันตกของเมืองออกจากกัน ไหลลงสู่แม่น้ำโคลัมเบีย ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งแบ่งโอเรกอนออกจากรัฐวอชิงตัน

แม้ว่าใจกลางเมืองพอร์ตแลนด์ส่วนใหญ่จะค่อนข้างราบเรียบ แต่เชิงเขาของเทือกเขาทูลาทิน ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า “เนินเวสต์” ซึ่งเจาะทะลุผ่านถึงทิศตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง Council Crest Park มักถูกยกให้เป็นจุดสูงสุดในพอร์ตแลนด์ อย่างไรก็ตาม จุดที่สูงที่สุดในพอร์ตแลนด์อยู่ในส่วนของ NW Skyline Blvd ทางเหนือของแหล่งมรดก Willamette Stone จุดที่สูงที่สุดทางตะวันออกของแม่น้ำคือ Mt. Tabor เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว

สภาพอากาศเมืองพอร์ทแลนด์

พอร์ตแลนด์มีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ภูมิอากาศนี้มีลักษณะพิเศษคือมีเมฆมาก และมีความชื้นสูง  พอร์ตแลนด์มีอุณหภูมิเฉลี่ยที่อบอุ่นที่สุด จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดดมากที่สุด จากสามเมืองใหญ่ในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ มีปริมาณน้ำฝนและหิมะตกน้อยที่สุด เทียบกับเมืองอื่นๆ ในสหรัฐฯ ที่ละติจูดเดียวกัน

  • ฤดูหนาวอากาศเย็น มีเมฆมาก และมีฝนตกชุก เดือนที่หนาวที่สุดคือเดือนธันวาคม โดยมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยต่อวันที่ 7.9 °C แม้ว่าอุณหภูมิต่ำสุดในชั่วข้ามคืนมักจะสูงกว่าจุดเยือกแข็งไม่กี่องศา อุณหภูมิในตอนเย็นลดลงถึงหรือต่ำกว่าจุดเยือกแข็งโดยเฉลี่ย 32 คืนต่อปี แต่แทบจะไม่ถึงหรือต่ำกว่า −8 °C  
  • ฤดูร้อนในพอร์ตแลนด์อากาศอบอุ่น แห้งแล้ง และมีแดดจัด แม้ว่าอากาศอบอุ่นที่มีแดดจัดจะมีช่วงสั้นๆ ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกันยายน เนื่องจากบริเวณที่อยู่ห่างจากชายฝั่ง 110 กม. ฤดูร้อนของพอร์ตแลนด์จึงไม่ค่อยอ่อนไหวต่ออิทธิพลของมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่ใกล้เคียง ดังนั้น พอร์ตแลนด์จึงประสบกับคลื่นความร้อนในบางโอกาส โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้นถึง 32 °C เป็นเวลาสองสามวัน
  • ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงสามารถทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวน ฝนมักจะตกลงมาแบบละอองฝนโปรยบาง ๆ ติดต่อกันหลาย ๆ วันในแต่ละครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 155 วัน โดยมีปริมาณน้ำฝนที่วัดได้ ≥0.01 นิ้วหรือ 0.25 มม. ต่อปี อุณหภูมิพุ่งขึ้นถึง 32 °C 

ระบบขนส่งสาธารณะเมืองพอร์ตแลนด์

พอร์ตแลนด์มีบริการขนส่งทั่วไปสำหรับเมืองใหญ่ๆ ของสหรัฐ ผู้สัญจรมีทางเลือกที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดีหลายประการ ในปี 2014 นิตยสาร Travel + Leisure ได้จัดอันดับพอร์ตแลนด์ให้เป็นเมืองที่เป็นมิตรกับการเดินทางและคนเดินเท้ามากที่สุดอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา

ในปี 2008 ร้อยละ 12.6% ของการเดินทางทั้งหมดในพอร์ตแลนด์ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ TriMet ให้บริการรถโดยสารส่วนใหญ่ในภูมิภาคและระบบรางเบา MAX (ย่อมาจาก Metropolitan Area Express) ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างเมืองและชานเมือง ระบบ MAX ที่เปิดในปี 1986 ได้ขยายเป็น 5 สาย โดยล่าสุดคือ Orange Line ไปยัง Milwaukie ซึ่งให้บริการเมื่อเดือนกันยายน 2015 WES Commuter Rail เปิดในเดือนกุมภาพันธ์ 2009 ในเขตชานเมืองทางตะวันตกของพอร์ตแลนด์ ซึ่งเชื่อมระหว่าง Beaverton และ Wilsonville

  • สนามบินหลักของพอร์ตแลนด์คือสนามบินนานาชาติพอร์ตแลนด์ ประมาณ 20 นาทีโดยรถยนต์ (40 นาทีโดย MAX) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมือง สนามบินของพอร์ตแลนด์ได้รับเลือกให้เป็นสนามบินที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาเจ็ดปีติดต่อกัน (2013–2019) พอร์ตแลนด์ยังเป็นที่ตั้งของลานจอดเฮลิคอปเตอร์สาธารณะแห่งเดียวในโอเรกอน นั่นคือลานจอดเฮลิคอปเตอร์ในตัวเมืองพอร์ตแลนด์ Amtrak
  • พอร์ตแลนด์เป็นเมืองเดียวในสหรัฐอเมริกาที่เป็นเจ้าของรถจักรไอน้ำสายหลัก โดยทางรถไฟวิ่งผ่าน Spokane, Portland & Seattle 700 และ Southern Pacific 4449 ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
  • ในพอร์ตแลนด์ การปั่นจักรยานเป็นวิธีการขนส่งที่สำคัญ เนื่องจากเมืองนี้สนับสนุนการปั่นจักรยานในเมืองเป็นพิเศษ ตอนนี้จึงติดอันดับเมืองที่เป็นมิตรกับจักรยานมากที่สุดในโลก จักรยานคิดเป็น 6.3% ของการเดินทางในปี 2560 ได้รับการยอมรับจาก League of American Bicyclists และองค์กรการปั่นจักรยานอื่นๆ ในด้านเครือข่ายสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการปั่นจักรยานบนถนน และบริการอื่นๆ 

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเมืองพอร์ตแลนด์

  • Vancouver – จุดเด่นของแวนคูเวอร์คือร้านค้ายอดนิยม เมื่อคุณอยู่ในเมือง อย่าลืมแวะไปที่ Vancouver Mall และ Fort Vancouver National Historic Site
  • Beaverton – อาจต้องใช้เวลาสักระยะในการแวะรับประทานอาหารที่มีให้เลือกมากมายในบีเวอร์ตัน ลองใช้เวลาเยี่ยมชมสถานที่ยอดนิยมอย่าง อุทยานธรรมชาติทูลาทิน ฮิลส์ แล้วนั่งรถไฟใต้ดินที่ สถานีบีเวอร์ตันครีก หรือ สถานีมิลลิแกนเวย์ เพื่อสำรวจพื้นที่รอบๆ
  • Downtown Portland – ขึ้นชื่อในเรื่องวิวแม่น้ำที่สวยงามและร้านค้ายอดนิยม อีกทั้งยังมีอะไรให้สำรวจมากมายใน ลองไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น หอประชุมเคลเลอร์และโรงละครโรสแลนด์ แล้วขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานี Mall-SW 4th Avenue หรือสถานี Pioneer Place-SW 5th Avenue เพื่อสำรวจเมืองเพิ่มเติม
  • Hillsboro – ใช้เวลาเยี่ยมชมสถานที่อย่าง Rood Bridge Park ขณะที่ทำความรู้จักกับฮิลส์โบโร และอย่าลืมแวะไปที่ร้านอาหารที่มีให้เลือกมากมาย คุณสามารถเดินทางโดยรถไฟใต้ดินได้ที่ สถานี Washington-SE 12th Avenue หรือ สถานีโรงพยาบาล Tuality-SE 8th Avenue เพื่อสำรวจพื้นที่เพิ่มเติม
  • Gresham – ลองสำรวจร้านอาหารมากมายใน Gresham หากสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ในรายการ สนามกอล์ฟ Gresham เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ขึ้นรถไฟใต้ดินที่ Gresham Central Transit Center หรือสถานี Cleveland Avenue เพื่อสำรวจพื้นที่เพิ่มเติม
  • Tigard – นักท่องเที่ยวที่มา Tigard ต่างชื่นชมร้านค้ายอดนิยม หากคุณมีเวลาสำรวจเพิ่มเติม อย่าลืมแวะไปที่ Washington Square Mall และ Bridgeport Village

ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม

เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”

บริการของเรามีอะไรบ้าง ?

  • ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
  • เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
  • บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า 
  • บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
  • เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
  • บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, NIB, Allianz, Orbit และอื่นๆ
  • บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
  • บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล

 

 

“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.