สารบัญบทความ

ทำความเข้าใจระหว่าง Visa และสถานะ Status แตกต่างกันอย่างไร


สิ่งหนึ่งที่สำคัญก่อนการไปอยู่หรือศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกาที่จะต้องรู้และต้องมีความเข้าใจคือ ความแตกต่างระหว่างสถานะทางกฎหมายว่าด้วยการเข้าเมืองของสหรัฐฯ โดยมีคำสำคัญอยู่สองประเภทได้แก่คำว่า วีซ่า (Visa) และ สถานะ (Status) ซึ่งหลายคนมักจะสับสนหรือมีการใช้คำทั้งสองนี้สลับกันไปมา แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองคำนี้ก็มีความหมายและการใช้งานที่แตกต่างกันอยู่  ดังนั้น ในบทความนี้จะมาอธิบายให้ผู้ที่สนใจไปยังต่างประเทศไม่ว่าจะเพื่อศึกษาเรียนรู้หรือท่องเที่ยว จะต้องสามารถรักษาสถานะที่ชอบด้วยกฎหมายได้เมื่อต้องไปอยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกา

วีซ่า (Visa) คืออะไร

วีซ่า (Visa) คือเอกสารที่แต่ละประเทศออกให้ชาวต่างชาติเพื่ออนุญาติให้กับบุคคลนั้นๆ สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้ โดยจะมีการระบุข้อมูลส่วนตัวและประเภทของการเดินทางนั้นๆให้ไว้ในหนังสือเดินทาง โดยทั่วไป การขอวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาต้องทำก่อนมีการเดินทางและจำเป็นต้องได้รับการอนุญาติจากสถานกงสุลหรือสถานทูตนอกสหรัฐอเมริกาเสียก่อน เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อถึงยังจุดตรวจคนเข้าเมือง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะให้สถานะเข้าประเทศโดยมีเอกสารยืนยันอีกครั้งหนึ่ง และจะได้รับตราประทับเข้าประเทศต่อไป

ประเภทวีซ่าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ วีซ่าชั่วคราว (Nonimmigrant Visa) และวีซ่าผู้อพยพ (Immigrant Visa) ใช้สำหรับเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ได้รับประกันว่า ผู้ถือวีซ่าจะสามารถเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากรและตรวจคนเข้าเมือง จะให้สถานะอีกครั้งเมื่อเดินทางไปถึงสหรัฐอเมริกาว่าสามารถเดินทางเข้าประเทศได้หรือไม่ โดยจะยืนยันสิทธิ์ในเอกสาร I-94 (Arrival-Departure Record)  ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองสามารถปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศได้ หากคุณแสดงถึงเจตนาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่

1. วีซ่าชั่วคราว (Nonimmigrant Visa) 

เป็นวีซ่าที่มอบให้กับผู้ที่ต้องการเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาเพียงชั่วคราวเพื่อทำงาน ท่องเที่ยว (เยี่ยมเยียน) ศึกษาต่อ หรือใช้ชีวิต ตัวอย่างเช่น วีซ่าท่องเที่ยว (B-1/B-2), วีซ่าทำงาน (H2A/H2B), วีซ่าออแพร์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม (J-1) , วีซ่านักเรียน (F-1) เป็นต้น

2. วีซ่าผู้อพยพ (Immigrant Visa) 

วีซ่าที่มอบให้กับบุคคลซึ่งเป็นผู้รับผลประโยชน์จากการยื่นคำร้องผู้อพยพหรือผู้อยู่อาศัยถาวร หรือผู้ที่ได้รับวีซ่าเสี่ยงโชค ความหลากหลายซึ่งกำลังจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อขอถิ่นที่อยู่ถาวรตามกฎหมายหรือที่หลายคนเรียกว่า “กรีนการ์ด (Green Card)” โดยผู้มีสิทธิ์ขอวีซ่าประเภทนี้ จะต้องได้รับการสนับสนุนจากพลเมืองสหรัฐฯ หรือญาติใกล้ชิดที่พำนักถาวรที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นนายจ้างในสหรัฐฯ และต้องมีคำร้องที่ได้รับอนุมัติก่อนที่จะยื่นขอวีซ่าผู้อพยพ 

โดยทั่วไปแล้ว บุคคลที่มีความประสงค์จะย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องได้รับการอนุมัติคำร้อง (Petition) จากทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (USCIS) ก่อนจึงจะสามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าถาวรได้ โดยญาติผู้มีคุณสมบัติหรือนายจ้างจะเป็นผู้ยื่นคำร้อง (Petition) โดยตรงที่สำนักงาน USCIS ในประเทศสหรัฐฯ ผู้สมัครที่ได้รับการอนุมัติคำร้องและมี Priority date ที่ถึงกำหนดแล้วเท่านั้น (เฉพาะบางกรณี) จึงจะสามารถยื่นขอวีซ่าถาวรหรือวีซ่าคู่หมั้นได้


สถานะ (Status) คืออะไร

สถานะ (Status) คือสิทธิ์ที่ให้ชาวต่างชาติเพื่อพำนักอาศัยอย่างถูกต้องตามกฏหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะได้รับก็ต่อเมื่อเดินทางไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วเท่านั้น โดยสถานะ จะมีรายละเอียดแจ้งในเอกสาร I-94 เพื่อเป็นการระบุระยะเวลาที่แน่นอนของชาวต่างชาติว่าสามารถอาศัยอยู่ภายในดินแดนของสหรัฐฯได้ภายในระยะเวลาเท่าใด โดยจะได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจคนเข้าเมืองเสียก่อน สถานะสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ สถานะชั่วคราว (Nonimmigrant Status), สถานพผู้อพยพ (Immigrant Status) และสถานะแบบไม่มีวีซ่า (Visa Waiver Program)

1.สถานะชั่วคราว (Nonimmigrant Status)

เมื่อชาวต่างชาติเข้าประเทศด้วยวีซ่าชั่วคราว (Nonimmigrant Visa) บุคคลเหล่านั้นก็จะได้รับสถานะการพำนักอาศัยชั่วคราว (Nonimmigrant Status) เช่น บุคคลที่เดินทางมาท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่า B2 จะต้องรักษาสถานะ B2 ซึ่งสถานะจะปรากฏในเอกสาร I-94 (Arrival-Departure Record) ซึ่งจะได้รับการกรอกข้อมูลก่อนเข้าประเทศอย่างชัดเจน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะประทับตราระบุข้อมูลวันหมดอายุของสถานะนั้นๆ ที่สามารถอาศัยอยู่ในประเทศได้ ซึ่งปกติจะได้รับเอกสารติดกับเล่มหนังสือเดินทางก่อนการเข้าประเทศ แต่ปัจจุบันสามารถจัดทำเอกสารได้ในระบบออนไลน์เพื่อความสะดวก

2.สถานะผู้อพยพ (Immigrant Status)

เมื่อชาวต่างชาติเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาโดยใช้วีซ่าผู้อพยพ บุคคลนั้นจะกลายเป็นผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ถาวรโดยชอบด้วยกฎหมาย

3.สถานะแบบไม่มีวีซ่า (Visa Waiver Program)

ชาวต่างชาติบางส่วนไม่จำเป็นต้องมีวีซ่าเพื่อขอรับสถานะเข้าออกสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น ชาวแคนาดาส่วนใหญ่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่าประเภทชั่วคราว (ยกเว้นประเภท K-1, E-1 และ E-2) โดยชาวแคนาดาสามารถยื่นขอสถานะชั่วคราวได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองตามเขตชายแดน


ระยะเวลาวีซ่า (Visa) กับ ระยะเวลาสถานะ (Status) แตกต่างกันอย่างไร?

ระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้ของวีซ่า ไม่เหมือนกับระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้ของสถานะ 

  • ระยะเวลาของวีซ่า (Visa) อาจมีได้ตั้งแต่ 30 วัน หรือไม่เกิน 10 ปี ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา หรือสถานกงสุลสหรัฐฯ
  • ระยะเวลาของสถานะ (Status) จะได้รับเมื่อมีการยื่นเอกสารขอเข้าประเทศสำเร็จ ณ จุดตรวจคนเข้าเมือง โดยจะได้รับการประทับตราและมีวันที่ระบุชัดเจน ซึ่งระยะเวลาพำนักที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติอยู่ภายในดินแดนของสหรัฐอเมริกา จะเป็นไปตามที่ระบุไว้ในแบบฟอร์มการขอเข้าประเทศ I-94 เสมอ มิใช่กำหนดตามวันหมดอายุของวีซ่าในหนังสือเดินทาง

1 คน อาจจะมีวีซ่าหลายรายการก็ได้ เช่น วีซ่านักเรียน และวีซ่าท่องเที่ยวในคราวเดียวกัน แต่สามารถมีสถานะการเข้าเมืองได้เพียงสถานะเดียวในขณะที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ดังนั้นถ้าหากวีซ่าหมดอายุไปแล้ว แต่สถานะการพำนักอาศัยยังมีอยู่ คุณก็ยังสามารถพำนักอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างถูกต้องตามกฏหมาย แต่หากอาศัยเกินกว่าระยะเวลาที่สถานะกำหนด ถึงแม้ว่าวีซ่าจะจะยังคงมีอยู่ แต่ถือว่าคุณอยู่เกินระยะเวลาสถานะ คุณอาจโดนเพิกถอนวีซ่าหรือโดนลงโทษตามกฎหมายขั้นรุนแรง

รู้หรือไม่? หากเดินทางไปอเมริกาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว B-2 สามารถเปลี่ยนเป็นสถานะเป็นนักเรียน F-1 เพื่อเรียนต่อได้ โดยไม่ต้องเดินทางกลับประเทศ
คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะจากนักท่องเที่ยว B-2 เป็นนักเรียน F-1 เพื่อเรียนต่อในอเมริกาได้โดยไม่ต้องกลับมาขอวีซ่าที่ไทย


เมื่อเดินทางไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

โปรดจำไว้เสมอว่า วีซ่าไม่ได้เป็นสิ่งที่รับประกันว่าจะสามารถเดินทางผ่านจุดตรวจเข้าประเทศสหรัฐฯ แต่เป็นเพียงเอกสารที่อนุญาตให้บุคคลต่างชาติเดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อเข้ามาถึงยังด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศสหรัฐฯ และต้องขออนุญาตเข้าประเทศอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแห่งสหรัฐอเมริกา จากสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ U.S. Customs and Border Protection (CBP) ผู้ซึ่งมีอำนาจที่จะอนุญาตหรือปฏิเสธให้เดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯ ตลอดจนพิจารณาถึงระยะเวลาที่เหมาะสมของชาวต่างชาติว่าสามารถอยู่ในประเทศสหรัฐฯ ได้นานเพียงใด หากอาศัยนานกว่าระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต จะถือว่าละเมิดกฏหมายและทางตรวจคนเข้าเมืองมีสิทธิ์ยกเลิกวีซ่าตามกฏหมายทันที

ผู้ที่เดินทางมาสหรัฐอเมริกาด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการพำนักชั่วคราวในสหรัฐอเมริกา Nonimmigrant Visa เช่น นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ นักเรียนและนักศึกษา หรือผู้เดินทางเพื่อวัตถุประสงค์ทางราชการ เมื่อออกจากตรวจคนเข้าเมือง Border ผู้เดินทางทุกคนจะได้รับเอกสาร I-94 (Arrival-Departure Record)  ในอดีตจะได้ในรูปแบบกระดาษและนำไปติดกับหนังสือเดินทาง แต่ในปัจจุบันนี้ถูกปรับให้เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ในเกือบทุกกรณีและจะไม่ได้รับแบบกระดาษอีกต่อไป โดยสามารถดาวน์โหลดเอกสารในแอปพลิเคชั่นบนมือถือ CBP One™ หรือผ่านเว็บไซต์ CBP I-94 เพื่อในการเช็คสถานะการพำนักอาศัยในสหรัฐอเมริกาได้เลย เมื่อถึงจุดด่านตรวจคนเข้าเมืองผู้เดินทางก็จะได้รับการประทับตราเข้าประเทศลงในหนังสือเดินทางแทน ซึ่งจะระบุวันที่เดินทางเข้าประเทศ ประเภทของการเดินทาง และระบุว่าผู้เดินทางสามารถอยู่ในประเทศสหรัฐฯได้จนถึงวันที่เท่าใด

นอกจากนี้ ยังสามารถสมัคร I-94 ล่วงหน้าได้เลยก่อนเดินทางมาถึงสหรัฐอเมริกา ระบบอัตโนมัตินี้ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในกระบวนการเข้าสำหรับนักเดินทาง อำนวยความสะดวกในการรักษาความปลอดภัย และลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางได้ 15.5 ล้านเหรียญต่อปี

ตัวอย่างเอกสาร I-94 เอกสารแสดงสถานะการพักอาศัยอย่างถูกกฏหมายแบบออนไลน์


การยื่นเรื่องขยายระยะเวลาสถานะการพำนักในสหรัฐฯ เมื่อมีเหตุจำเป็น

หากมีเหตุจำเป็นที่ต้องการอยู่ในสหรัฐอเมริกานานกว่าที่ได้ระบุไว้ในตอนแรก คุณสามารถทำเรื่องขอขยายระยะเวลาสถานะการพำนักในสหรัฐอเมริกา เพื่อดำเนินกิจกรรมที่คุณกำลังดำเนินการอยู่ให้เสร็จสิ้น เช่น การเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ หรือมีปัญหาในเรื่องการเดินทางกลับประเทศ โดยแนะนำให้ยื่นเอกสารขอขยายระยะเวลาสถานะอย่างน้อย 45 วัน ก่อนสถานะการพำนักจะหมดอายุ

กรณีที่ประสบปัญหาสถานะใกล้หมดอายุและจำเป็นต้องยื่นเรื่องยืดเวลาสถานะการพำนักในสหรัฐฯ ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ขอแนะนำดังนี้

  1. ตรวจสอบระยะเวลาสถานะที่ได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในสหรัฐฯ จากเอกสาร I-94 (Arrival-Departure Record) (ไม่ใช่ตรวจสอบจากอายุวีซ่าสหรัฐฯ ที่ปรากฏบนหนังสือเดินทาง) ทั้งนี้ ท่านสามารถตรวจสอบได้ที่ — https://i94.cbp.dhs.gov 
  2. ไม่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้ต้องอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาเพื่อขยายสถานะ เช่น ผลประโยชน์ด้านการย้ายถิ่นฐาน หากทางเจ้าหน้า USCIS  ที่เห็นว่าคุณมีเจตนาแอบแฝง อาจพิจารณาให้กลับไปขอวีซ่าใหม่มากกว่าจะขอขยายสถานะ
  3. หากพบว่า ระยะเวลาในการพำนักใกล้จะสิ้นสุดแล้ว หรือยังไม่แน่ใจช่วงเวลาการเดินทางกลับไทย หรือคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการห้ามสายการบินพาณิชย์ทำการบินเข้าไทย ให้แนบ สำเนาการจองบัตรโดยสารเครื่องบิน และประกาศการห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเพื่อประกอบการพิจารณา หรือกรณีมีปัญหาทางการเงิน ก็จะต้องยื่นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล หลักฐานการเลิกจ้าง หลักฐานการไม่มีที่พักอาศัย เพื่อประกอบการพิจารณาด้วยเช่นกัน
  4. แนะนำให้ยื่นเอกสารขอขยายระยะเวลาสถานะอย่างน้อย 45 วัน ก่อนสถานะการพำนักจะหมดอายุ
  5. สำหรับการขอขยายระยะเวลาสถานะการพำนัก หนังสือเดินทางของคุณจะต้องมีอายุตามระยะเวลาที่คุณร้องขอทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกา

ใครบ้างที่สามารถขอขยายระยะเวลาสถานะการพำนักในสหรัฐฯ

หมวดหมู่ตามการจ้างงาน: หากคุณอยู่ในประเภทที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานต่อไปนี้ นายจ้างของคุณควรยื่นแบบฟอร์ม I-129 (Petition for Nonimmigrant Worke) คำร้องสำหรับแรงงานชั่วคราว ก่อนวันที่แบบฟอร์ม I-94 (Arrival-Departure Record) ของคุณจะหมดอายุ:

E-1 or E-2 Treaty Traders, Treaty Investors, and Employees of Treaty Traders and Treaty Investors
E-3 Skilled Professionals from Australia
H-1B, H-2A, H-2B, or H-3 Temporary Skilled or Unskilled Workers and Trainees
L-1A or L-1B Intracompany Transferees
O-1 or O-2 Aliens with Extraordinary Ability and Their Assistants
P-1, P-2, or P-3 Athletes and Entertainers
Q-1 International Cultural Exchange Visitors
TN-1 or TN-2 Canadians and Mexicans under the North American Free Trade Agreement (NAFTA)

หมวดหมู่อื่นๆ: หากคุณอยู่ในประเภทผู้อพยพชั่วคราวต่อไปนี้ คุณควรยื่นแบบฟอร์ม I-539 (Application to Extend/Change Nonimmigrant Status) เพื่อยืดเวลาการเข้าพักของคุณ

A-3 Attendants, Servants, Personal Employees of Diplomatic and Other Government Officials and Immediate Family
B-1 and B-2 Visitors for Business or Pleasure
E-1 and E-2 Dependents of Treaty Traders, Treaty Investors, and Their Employees
E-3 Dependents of Skilled Professionals from Australia
G-5 Attendants, Servants, Personal Employees of Foreign Government Officials and Immediate Family
H-4 Dependents of Temporary Skilled or Unskilled Workers and Trainees
K-3 and K-4 Spouse of U.S. Citizen and Minor Child Accompanying/Following to Join
L-2 Dependents of Intracompany Transferees
M Vocational Students and Dependents
N Parents and Children of Certain People Who Have Been Granted Special Immigrant Status
NATO-7 Attendants, Servants, Personal Employees of NATO Representatives, Officials, Employees and Immediate Family Members
O-3 Dependents of Aliens With Extraordinary Ability and Their Assistants
P-4 Dependents of Athletes and Entertainers
R-2 Dependents of Religious Workers
All “V” categories Certain SecondPreference Beneficiaries
TD Dependents of Canadians and Mexicans under the North American Free Trade Agreement (NAFTA)

ค่าใช้จ่ายสำหรับยื่นขอขยายระยะเวลาสถานะ

รายการ

ค่าใช้จ่าย

I-539

$370.00

Biometrics

$85.00

รวมค่าใช้จ่าย

$455.00

หลังจากที่ดำเนินการยื่นขอขยายสถานะกับ USCIS เรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่ดำเนินการยื่นเอกสาร I-539 พร้อมกับชำระเงินเรียบร้อยแล้วคุณจะได้รับใบเสร็จยืนยันการขอดำเนินการเขยายสถานะกับทาง USCIS พร้อมเอกสารการทำไบโอเมทริกซ์ (Biometric services notice) นอกจากนี้อาจมีเอกสารแจ้งการนัดสัมภาษณ์หากจำเป็น พร้อมการอัพเดทเกี่ยวกับสถานะของคุณอัพเดทโดยตรงจาก USCIS เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล

ผลการพิจารณาการเปลี่ยนสถานะ จะถูกจัดส่งโดย USCIS โดยส่งเป็นแบบฟอร์ม I-797 ซึ่งแบบฟอร์ม I-797 เป็นแบบฟอร์มเพื่อแจ้งการรับหรืออนุมัติคำขอหรือคำร้อง (Notice of Action) ซึ่งแบบฟอร์ม I-797 จะถูกจัดส่งผ่านทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่ได้ระบุไว้ในแบบฟอร์ม I-539 (หากเปลี่ยนที่อยู่การจัดส่ง ทางไปรษณีจะถูกตีกลับ ผู้สมัครจะต้องติดต่อทาง CIE เพื่อขอสำเนาเอกสาร I-797) หากใบขออนุญาตขยายสถานะอนุมัติ จะมีผล ณ วันที่อนุมัติทันที

จะเกิดอะไรขึ้นหากยื่นขอขยายเวลาการพำนักตรงเวลา แต่ USCIS ไม่อนุมัติสถานะใหม่ก่อน I–94 จะหมดอายุ

โดยทั่วไปแล้ว USCIS จะพิจารณาตามดุลพินิจ และตามความเหมาะสมมากที่สุด ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วการยื่นขอขยายเวลาการพำนัก จะตัดสินก่อนที่ I-94 จะหมดอายุ แต่ทั้งนี้ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้ที่ทาง USCIS จะยังไม่อนุมัติจนทำให้ I-94 หมดอายุ ซึ่งหากเกิดสถานการณ์แบบนี้ คุณจะยังสามารถอาศัยอยู่ต่อในสหรัฐอเมริกาได้โดยไม่มีสถานะสูงสุด 240 วัน แต่ในระหว่างที่คุณพำนักอาศัยในสหรัฐอเมริกาโดยไร้สถานะคุณจะต้อง ไม่ปรากฏตัวโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย (Unlawful Presence) ภายใต้มาตรา 212(a)(9)(B) ของพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง (Immigration and Nationality Act) หากคุณละเมิดเงื่อนไขสถานะผู้อยู่อาศัยชั่วคราวคุณอาจจะถูกคุมขัง และส่งตัวกลับประเทศ โดนยกเลิกวีซ่า และไม่สามารถยื่นขอวีซ่าใหม่เป็นระยะเวลา 3 – 10 ปี

แต่ถ้าหาก I-94 หมดอายุไปแล้ว คุณจะไม่สามารถยื่นขอขยายระยะเวลาสถานะการพำนักได้ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม และหากคุณ ปรากฏตัวโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย (Unlawful Presence) คุณอาจโดนยกเลิกวีซ่า ห้ามไม่ให้เข้าประเทศสหรัฐอเมริกา และไม่สามารถยื่นขอวีซ่าใหม่ได้เป็นระยะเวลา 3 – 10 ปี ทั้งนี้ หากคุณมั่นใจว่าเกิดข้อผิดพลาดจึงทำให้ยื่นขอขยายระยะเวลาสถานะล่าช้า จน I-94 หมดอายุ คุณจะต้องติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานโดยตรง

อย่างไรก็ตาม การยื่นขอสถานะใหม่ มีสิทธิ์ถูกปฏิเสธได้เช่นกัน ดังนั้น หากการยื่นขอขยายระยะเวลาสถานะถูกปฏิเสธ และคุณพำนักอาศัยเลยระยะเวลา I-94 คุณจะต้องเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกาทันที และวีซ่าชั่วคราวในหนังสือเดินทางของคุณจะถือว่าเป็นโมฆะ และไม่สามารถยื่นขอวีซ่าใหม่เป็นระยะเวลา 3 – 10 ปี

หลังจากยื่นคำร้องไปแล้ว จะตรวจสอบสถานะได้อย่างไร?

  • การยื่นแบบฟอร์ม I-539 แบบกระดาษ หลังจากที่คุณยื่น ทาง USCIS จะส่งใบเสร็จให้คุณทางไปรษณีย์ ใบเสร็จนี้จะระบุหมายเลขที่กำหนดให้ติดตามการสมัครของคุณ ตลอดจนเวลาดำเนินการโดยประมาณ ใบเสร็จของคุณจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้หมายเลขใบเสร็จนี้เพื่อตรวจสอบสถานะกรณีของคุณบนเว็บไซต์
  • หากคุณยื่นแบบฟอร์ม I-539 ทางออนไลน์ แสดงว่าคุณได้สร้างบัญชีแล้ว คุณสามารถเข้าถึงเคสของคุณทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตรวจสอบการยื่นคำร้องสถานะเคส และอัปเดตโปรไฟล์ของคุณได้

ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม

เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”

บริการของเรามีอะไรบ้าง ?

  • ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
  • เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
  • บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า 
  • บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
  • เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
  • บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, NIB, Allianz, Orbit และอื่นๆ
  • บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
  • บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล

 

 

“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน

 

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.