Last updated มิถุนายน 9, 2022 ago by Thebestedu
หากเดินทางไปอเมริกาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว B-2 สามารถเปลี่ยนเป็นสถานะเป็นนักเรียน F-1 เพื่อเรียนต่อได้หรือไม่?
หากเดินทางมาประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว B-2 และเกิดความสนใจที่อยากจะลงทะเบียนเรียนแบบเต็มเวลา Full-Time ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาภายหลัง คุณสามารถขอเปลี่ยนสถานะจากท่องเที่ยว B-2 เป็นสถานะนักเรียน F-1 ได้ เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาให้สิทธิ์เปลี่ยนสถานะได้ แต่สิ่งสำคัญที่ควรทราบก่อนเดินทางไปสหรัฐอเมริกาคือ ระยะเวลาวีซ่านั้นเป็นเพียงระยะเวลาที่คุณสามารถเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่ระยะเวลาที่สามารถพำนักในสหรัฐอเมริกา โดยเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและป้องกันชายแดน จะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาการพำนักอาศัยที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งก่อนที่จะทราบเงื่อนไข และขั้นตอนการขอเปลี่ยนสถานะจากท่องเที่ยว B-2 เป็นสถานะ B-1 คุณจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “วีซ่า Visa” และ “สถานะ Status” ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
“วีซ่า (Visa)” และ “สถานะ (Status)” แตกต่างกันอย่างไร?
เพื่อรักษาสถานะที่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อคุณอยู่ในสหรัฐอเมริกา สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างเงื่อนไขการเข้าเมืองทั่วไป 2 คำ ได้แก่ “วีซ่า (Visa)” และ “สถานะ (Status)” หลายคนสับสนระหว่างการใช้คำสองคำนี้ ซึ่งมีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างคำสองคำภายใต้กฎหมายคนเข้าเมืองประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนี้
วีซ่า (Visa) คืออะไร?
วีซ่า คือเอกสารการเข้าประเทศที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติขอเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ โดยทั่วไป วีซ่าจะเป็นตราประทับที่หนังสือเดินทาง Passport โดยเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา หรือสถานกงสุลสหรัฐฯ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ วีซ่าชั่วคราว Nonimmigrant Visa และ วีซ่าผู้อพยพ Immigrant Visa ใช้สำหรับเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ได้รับประกันว่า ผู้ถือวีซ่าจะสามารถเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากรและตรวจคนเข้าเมือง จะให้สถานะอีกครั้งเมื่อเดินทางไปถึงสหรัฐอเมริกาว่าสามารถเดินทางเข้าประเทศได้หรือไม่ โดยจะยืนยันสิทธิ์ในเอกสาร I-94 ตามที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองสามารถปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศได้ หากคุณแสดงถึงเจตนาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
สถานะ (Status) คืออะไร?
สถานะ คือสิทธิ์ที่ให้ชาวต่างชาติเพื่อพำนักอาศัยอย่างถูกต้องตามกฏหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะได้รับก็ต่อเมื่อเดินทางไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วเท่านั้น โดยสถานะ จะมีรายละเอียดแจ้งในเอกสาร I-94 โดยเอกสาร I-94 นี้ จะกำหนดสถานะ และวันหมดสถานะของผู้พำนักอาศัย โดยคุณจะต้องเดินทางออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาก่อนที่สถานะการพักอาศัยจะหมด ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับระยะเวลาวีซ่า
ซึ่งวีซ่า Visa ไม่สามารถเปลี่ยนในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ แต่ สถานะ Status สามารถเปลี่ยนในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ยกตัวอย่าง การเปลี่ยนสถานะจากนักท่องเที่ยว B-2 เป็นนักเรียน F-1 ซึ่งจะเป็นหัวข้อหลักของเนื้อหาในบทความนี้
การขอเปลี่ยนสถานะจาก B-2 เป็นสถานะ F-1 มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
หากเดินทางมาถึงประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว B-2 แล้วมีความสนใจที่จะเรียนต่อในสถาบันการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาภายหลัง คุณมีตัวเลือกอยู่ 2 ตัวเลือกคือ 1. เดินทางกลับมาไทยเพื่อขอวีซ่านักเรียน F1 และเดินทางกลับไปเรียนที่อเมริกา หรือ 2. ยื่นขอเปลี่ยนสถานะวีซ่าจากสถานะ B-2 เป็นสถานะ F-1 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้โดยไม่ต้องเดินทางกลับประเทศ
ไม่ใช่ทุกหลักสูตรที่สามารถจะดำเนินการขอเปลี่ยนสถานะได้ อันดับแรกคุณจะต้องทราบก่อนว่า หลักสูตรที่จะเลือกเรียนต่อ เป็นหลักสูตรที่ต้องอยู่ด้วยสถานะวีซ่านักเรียน F-1 หรือไม่ ซึ่งวีซ่าประเภทนี้เป็นวีซ่าหลักที่ออกให้แก่นักเรียนส่วนใหญ่ ในกรณีที่ต้องการเข้าเรียนในสหรัฐอเมริกาตามสถานศึกษาที่ผ่านการรับรองแล้ว เช่น วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่ผ่านการรับรอง โรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษา หรือโปรแกรมสอนภาษาอังกฤษที่ผ่านการอนุมัติ รวมไปถึงหลักสูตรอื่นๆ ที่ชั่วโมงเรียนมากกว่า 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็ต้องใช้วีซ่าประเภท F-1
ตัวเลือกที่ 1 Travel Option เดินทางกลับมาไทยเพื่อขอวีซ่านักเรียน F-1
หากตัดสินใจในการเรียนต่ออเมริกา การเดินทางกลับประเทศแล้วขอวีซ่า F-1 จากสถานทูตสหรัฐฯ และสถานกงสุลสหรัฐฯ ตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกที่รวดเร็วที่สุด แต่คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการเดินทางกลับประเทศ และต้องเดินทางมาประเทศสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง นอกจากนี้คุณจะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ก่อนวันเริ่มเรียน 30 วัน ตามที่ได้รับุไว้ใน I-20
ข้อดี
- โดยปกติแล้วขั้นตอนจะรวดเร็วกว่าการเปลี่ยนสถานะ
- จะได้รับวีซ่านักเรียน F1 ซึ่งให้ความยืดหยุ่ในการเดินทางเข้า/ออกจากสหรัฐอเมริกา
- เป็นตัวเลือกที่ดีหากต้องการวีซ่า F1 อย่างรวดเร็วและแน่นอน ตามวันและเวลาที่กำหนด
ข้อเสีย
- เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
- มีโอกาสที่วีซ่าจะถูกปฏิเสธ
ตัวเลือกที่ 2 Non-Travel Option ดำเนินการขอเปลี่ยนสถานะจากนักท่องเที่ยวเป็นนักเรียน
ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงแม้จะคัดกรองคนเข้าประเทศอย่างเข้มงวด แต่ทางรัฐบาลก็ให้สิทธิ์ผู้เดินทาง เปลี่ยนสถานะวีซ่าได้ โดยผู้คนหลายสิบล้านคน ยื่นขอเปลี่ยนสถานะใหม่ในแต่ละปี ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว ที่ถือสถานะ B-2 และเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกาในเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นจึงเกิดความสนใจในการเรียนต่อจึงขอเปลี่ยนสถานะจาก B-2 เป็น F-1
การเปลี่ยนสถานะ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่รีบร้อน และมีทุนสำหรับอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยตัวเลือกนี้ จะต้องส่งคำร้องขอเปลี่ยนสถานะไปที่ USCIS โดยระยะเวลาการพิจารณาการเปลี่ยนสถานะอาจจะต้องรอเป็นระยะเวลา 3 – 6 เดือน โดยในระหว่างรอสถานะใหม่ ผู้สมัครจะต้องรักษากฏระเบียบ และจะต้องรักษาสถานะเดิม (B-2) ให้ระยะเวลาครอบคลุมกับระยะเวลาการขอสถานะใหม่ โดยในบทความนี้ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะขออธิบายใน Option ที่ 2 คือ Non-Travel Option หรือ การขอเปลี่ยนสถานะเป็นหลัก เพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการจะเรียนต่อในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ต้องการเดินทางกลับประเทศเพื่อยื่นวีซ่าใหม่ สามารถอยู่รอสถานะใหม่ในสหรัฐอเมริกาได้โดยไม่ทำผิดเงื่อนไข
ข้อดี
- สามารถอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาในช่วงระหว่างการพิจารณาได้
- ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
- หลีกเลี่ยงความยุ่งยากในการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่า
ข้อเสีย
- การพิจารณาอาจล่าช้า ผู้สมัครควรเผื่อระยะเวลาไว้ 3 – 6 เดือน โดยระยะเวลาการพิจารณา ผู้สมัครจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหน และเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด และไม่ควรคิดว่าผ่านการพิจารณาแล้วตราบใดที่ยังไม่ได้รับจดหมายแบบฟอร์ม I-797 จากทาง USCIS
- การขอเปลี่ยนสถานะอาจถูกปฏิเสธ ซึ่งจะต้องเดินทางกลับประเทศทันทีที่ระยะเวลาสถานะเดิมหมด
ข้อควรทราบสำหรับการขอเปลี่ยนสถานะ (Change of Status)
- สถานะวีซ่า F1 จะไม่สามารถอนุมัติได้เร็วกว่า 30 วัน ก่อนวันเริ่มเรียนใน I-20
- ต้องรักษาสถานะปัจจุบันไว้จนครอบคลุมวันก่อนวันเริ่มต้นหลักสูตรตามที่เอกสาร I-20 ได้ระบุ หากสถานะปัจจุบันหมดอายุก่อน 30 วันก่อนวันที่เริ่มต้นต้นหลักสูตร คุณจะต้องขอขยายระยะเวลาสถานะปัจจุบันเพื่อให้ครอบคลุมระยะเวลาวันเริ่มต้นหลักสูตรตามที่เอกสาร I-20 ได้ระบุ หากไม่ขอขยายระยะเวลาสถานะการสมัครขอเปลี่ยนสถานะจะถูกปฏิเสธ
- ผู้สมัครขอเปลี่ยนสถานะ จะต้องอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาขณะที่ใบสมัครอยู่ระหว่างการพิจารณา การเดินทางออกนอกประเทศสหรัฐอเมริกาในขณะที่ใบสมัครขอเปลี่ยนสถานะยังอยู่ระหว่างการพิจารณา จะถือว่าใบสมัครถูกยกเลิก
- ผลการพิจารณาการเปลี่ยนสถานะ จะถูกจัดส่งโดย USCIS โดยส่งเป็นแบบฟอร์ม I-797 ซึ่งแบบฟอร์ม I-797 เป็นแบบฟอร์มเพื่อแจ้งการรับหรืออนุมัติคำขอหรือคำร้อง (Notice of Action) ซึ่งแบบฟอร์ม I-797จะถูกจัดส่งผ่านทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่ได้ระบุไว้ในแบบฟอร์ม I-539หากเปลี่ยนที่อยู่การจัดส่ง ทางไปรษณีย์จะถูกตีกลับ ผู้สมัครจะต้องติดต่อทาง CIE เพื่อขอสำเนาเอกสาร I-797
- ผลการพิจารณาการเปลี่ยนสถานะจะไม่ได้ประทับบนหนังสือเดินทางเหมือนวีซ่า ดังนั้น ผู้ที่เดินทางกลับประเทศในระหว่างช่วงปิดเทอม หรือมีเหตุที่ต้องเดินทางกลับประเทศ เมื่อเดินทางกลับมา จะต้องขอวีซ่านักเรียน F1 เพื่อให้ตรงกับสถานะใหม่ เพราะว่า สถานะใหม่ที่คุณขอ ไม่ใช่วีซ่า ดังนั้น จะไม่ได้ถูกประทับลงไปบนหนังสือเดินทางคุณยังคงถือวีซ่าเดิม แต่เพียงแค่เปลี่ยนสถานะการพำนักอาศัย ดังนั้น หากคุณเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกา คุณจะต้องขอวีซ่าใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานะใหม่ที่คุณขอ หากไม่ดำเนินการขอวีซ่าใหม่ และคุณยังเดินทางด้วยวีซ่าเดิม คุณอาจโดนปฏิเสธการเดินทางเข้าประเทศ และอาจถูกยกเลิกวีซ่า
- การขอเปลี่ยนสถานะ ควรจะต้องเป็นการขอเปลี่ยนภายหลังจากเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 90 วันจะต้องไม่มีเจตนาซ่อนเร้นให้แสดงถึงความต้องการอยากเปลี่ยนสถานะเมื่อเดินทางมาถึงประเทศสหรัฐอเมริกาหากทาง USCIS สามารถทราบถึงเจตนาซ่อนเร้น อาจจะถูกยกเลิกสถานะวีซ่าและถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศสหรัฐอเมริกา
กระบวนการเปลี่ยนสถานะสามารถทำได้โดยการส่งแบบฟอร์มขอเปลี่ยนสถานะหรือขยายสถานะ I-539 Extend/Change Nonimmigrant Status เป็นแบบฟอร์มที่เกี่ยวกับรายละเอียดส่วนบุคคลและการเข้าเมือง เมื่อยื่นเรื่องของเปลี่ยนสถานะแล้ว หากได้รับการอนุมัติ สถานะ F-1 จะถูกส่งมาทางไปรษณีตามที่อยู่ ที่ได้กรอกไว้กับฟอร์ม I-539 โดยขั้นตินการขอเปลี่ยนสถานะ มีดังนี้
1. ตรวจสอบคุณสมบัติสำหรับการสมัครขอเปลี่ยนสถานะวีซ่าจาก B-2 เป็นวีซ่า F-1
คุณจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขสำหรับการเปลี่ยนสถานะวีซ่า B2 เป็นวีซ่า F1 อย่างเคร่งครัด ก่อนการจะเปลี่ยนสถานะวีซ่า ผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดพื้นฐานบางประการ ดังนี้
- คุณต้องอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยวีซ่าชั่วคราว Nonimmigrant Visa
- คุณต้องรักษาสถานะการเข้าพักอาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างถูกต้องตามกฏหมายสำหรับวีซ่า B-2
- คุณต้องไม่ละเมิดเงื่อนไขของสถานะวีซ่าที่คุณถือ เช่น
- ไม่ทำงานหรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ก่อให้เกิดรายได้โดยไม่ได้รับอนุญาต
- ไม่เริ่มเรียนหลักสูตรใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต
- คุณต้องไม่มีโทษคดีอาชญากรรม หรือคดีอาญา อันขัดต่อความมั่นคงในประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น
- มีส่วนร่วมในการทรมารหรือกาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
- มีส่วนร่วมในการฆาตกรรมผู้อื่นโดยเจตนา
- มีส่วนร่วมทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา
- มีส่วนร่วมในการล่วงละเมิดทางเพศกับบุคคลใดๆ ที่ไม่ได้รับความยินยอม
นอกจากนี้ ก่อนที่จะเปลี่ยนสถานะจาก B-2 เป็น F-1 ควรปรึกษากับทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพื่อวางแผน และพิจารณาว่าคุ้มค่าหรือไม่สำหรับการขอเปลี่ยนสถานะวีซ่าหรือไม่ รวมถึงประเมินสถานะและความเสี่ยงในการยื่นขอเปลี่ยนสถานะวีซ่าครั้งนี้ เพื่อให้โอกาสได้รับการอนุมัติมากที่สุด
สำหรับขั้นตอนและวิธีการขอเปลี่ยนสถานะจากสถานะ B-2 เป็นสถานะ F-1 มีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร แต่ก็สามารถทำได้หากทำตามขั้นตอนและกระบวนการ ทั้งนี้ หากคุณประสงค์เปลี่ยนสถานะวีซ่า และต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมอย่างละเอียด โปรดติดต่อศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558, 088-269 5099
Email : contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
2. ดำเนินการขอเปลี่ยนสถานะจาก B-2 เป็น F-1
ในการเปลี่ยนสถานะจากวีซ่าท่องเที่ยว B-2 เป็นวีซ่านักเรียน F-1 ผู้สมัครจะต้องยื่นใบสมัครพร้อมค่าธรรมเนียมในแบบฟอร์ม I-539 Extend/Change Nonimmigrant Status โดยในขณะที่การเปลี่ยนสถานะอยู่ระหว่างรอดำเนินการ จะต้องรักษาสถานะวีซ่า B-2 ให้มากกว่า 30 วันวันเริ่มเรียนตามที่ I-20 ได้กำหนด หากทาง USCIS ยังไม่ได้อนุมัติสถานะวีซ่านักเรียน F-1 ผู้ขออาจจะต้องยื่นแบบฟอร์ม I-539 ครั้งที่สอง เพื่อขอขยายสถานะวีซ่า B-2 (Extend Nonimmigrant Status) ให้ครอบคลุมการพิจารณา
นอกจากนี้ หากการพิจารณายืดเยื้อจนใกล้กำหนดวันเริ่มเรียนตาม I-20 คุณจะต้องติดต่อกับทาง DSO เพื่อขอเลื่อนวันเริ่มเรียนไปเทอมถัดไป หากไม่ทำการขอขยายสถานะ B-2 และสถานะ B-2 หมดอายุก่อน 30 วัน ก่อนวันเริ่มเรียนตามที่ I-20 ได้กำหนด ทาง USCIS จะปฏิเสธแบบฟอร์ม I-539 ทันที โดยขั้นตอนการดำเนินการขอเปลี่ยนสถานะจาก B-2 เป็น F-1 มีขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1.ติดต่อศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพื่อวางแผนการเรียน
ก่อนจะเริ่มต้นการขอเปลี่ยนสถานะ คุณจะต้องทราบก่อนว่าคุณจะเรียนหลักสูตรอะไร สถาบันไหน ดังนั้น ควรติดต่อศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพื่อวางแผนการเรียน พร้อมทำเรื่องสมัครเรียน โดยเตรียมเอกสารเบื้องต้น ดังนี้
-
- สำหนังหนังสือเดินทาง (Copy of Passport)
- สำเนาหน้าวีซ่า (Copy of Visa)
- สำเนา I-94 (Copy of I-94)
- เอกสารทางการเงิน เช่น สเตทเม้น (Financial Document)
ขั้นตอนที่ 2. ออกเอกสาร I-20
ทางสถาบันการศึกษาที่คุณลงทะเบียนเรียน จะออกเอกสาร I-20 พร้อมให้เหตุผลในการออก I-20 ว่า “Change Status” ซึ่งเอกสาร I-20 จะต้องเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย เพราะเป็นเอกสารรับรองสิทธิ์ให้เข้าร่วมหลักสูตรกับสถาบันการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงใช้ในการขอรักษาสถานะภาพนักศึกษา การขอใบอนุญาตขับขี่ หรือการขอหมายเลขประกันสังคม
ขั้นตอนที่ 3. ชำระเงินชำระเงินค่าธรรมเนียม SEVIS I-901
หลังจากได้เอกสาร I-20 จะต้องชำระเงินชำระเงินค่าธรรมเนียม SEVIS I-901 เก็บใบเสร็จไว้ให้ดีเนื่องจากจะต้องแสดงหลักฐานการชำระเงินในขั้นตอนการขอเปลี่ยนสถานะกับ USCIS
ขั้นตอนที่ 4. ดำเนินการยื่นขอเปลี่ยนสถานะกับ USCIS
หลังจากชำระเงินค่าธรรมเนียม SEVIS เรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินการยื่นขอเปลี่ยนสถานะกับ USCIS (US Citizenship and Immigration Services) โดยเตรียมเองสาร ดังนี้
-
- แบบฟอร์ม I-539 (Extend/Change Nonimmigrant Status)
- แบบฟอร์ม I-20 (Copy of I-20)
- สำหนังหนังสือเดินทาง (Copy of Passport)
- สำเนาหน้าวีซ่า (Copy of Visa)
- สำเนา I-94 (Copy of I-94)
- เอกสารทางการเงิน เช่น สเตทเม้น (Financial Document)
- จดหมายอธิบายเหตุผลการขอเปลี่ยนสถานะ
ขั้นตอนการขอเปลี่ยนสถานะกับสามารถดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ได้เลย แต่ถ้าหากคุณต้องการส่งเอกสารแบบกระดาษ สามารถทำได้โดยการกรอกเอกสาร I-539 และบรรจุเอกสารทั้งหมดไว้ในซองจดหมายแล้วส่งไปที่ USCIS
ค่าใช้จ่ายสำหรับยื่นเอกสารขอเปลี่ยนสถานะวีซ่า
รายการ |
ค่าใช้จ่าย |
I-539 |
$370.00 |
Biometrics |
$85.00 |
รวมค่าใช้จ่าย |
$455.00 |
หมายเหตุ:หากจำเป็นต้องดำเนินการยื่นขอขยายระยะเวลาสถานะเดิม จะต้องส่งเอกสาร I-539 อีก 1 ฉบับ และจะต้องชำระเงินเพิ่มอีก $455 เพื่อขอขยายระยะเวลาสถานะการพำนักในสหรัฐอเมริกาจนกว่าจะได้รับสถานะใหม่
ขั้นตอนที่ 5. หลังจากที่ดำเนินการยื่นขอเปลี่ยนสถานะกับ USCIS เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ดำเนินการยื่นเอกสาร I-539 พร้อมกับชำระเงินเรียบร้อยแล้วคุณจะได้รับใบเสร็จยืนยันการขอดำเนินการเปลี่ยน/ขยายสถานะกับทาง USCIS พร้อมเอกสารการทำไบโอเมทริกซ์ (Biometric services notice) นอกจากนี้อาจมีเอกสารแจ้งการนัดสัมภาษณ์หากจำเป็น พร้อมการอัพเดทเกี่ยวกับสถานะของคุณอัพเดทโดยตรงจาก USCIS เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล
ขั้นตอนที่ 6. เมื่อสถานะได้รับการอนุมัติ
ผลการพิจารณาการเปลี่ยนสถานะ จะถูกจัดส่งโดย USCIS โดยส่งเป็นแบบฟอร์ม I-797 ซึ่งแบบฟอร์ม I-797 เป็นแบบฟอร์มเพื่อแจ้งการรับหรืออนุมัติคำขอหรือคำร้อง (Notice of Action) ซึ่งแบบฟอร์ม I-797 จะถูกจัดส่งผ่านทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่ได้ระบุไว้ในแบบฟอร์ม I-539 (หากเปลี่ยนที่อยู่การจัดส่ง ทางไปรษณีจะถูกตีกลับ ผู้สมัครจะต้องติดต่อทาง CIE เพื่อขอสำเนาเอกสาร I-797) หากใบขออนุญาตเปลี่ยนสถานะอนุมัติ จะมีผล ณ วันที่อนุมัติทันที แต่ถ้าหากทาง USCIS อนุมัติสถานะก่อนที่จะเริ่มเรียนตาม I-20 ผู้ถือสถานะจะต้องไม่ละเมิดของสถานะ F-1 ก่อนเริ่มต้นการศึกษาด้วยเช่นกัน เช่น ไม่ทำงานพาร์ทไทมแบบ On-Campus
3. ในระหว่างที่รอ USCIS อนุมัติ ผู้ถือวีซ่าท่องเที่ยว B-2 ห้ามทำการละเมิดกฏการเปลี่ยนสถานะวีซ่าจาก B-2 เป็น F-1
หากฝ่าฝืนกฏ หรือละเมิดกฏดังกล่าว USCIS จะปฏิเสธการขอเปลี่ยนสถานะจากวีซ่า B2 เป็น F1 หรือ M1 รวมถึงการขอขยายวีซ่า B2 ก็จะถูกปฏิเสธเช่นเดียวกัน
- ไม่อนุญาตให้เริ่มเรียนจนกว่า USCIS จะอนุมัติการเปลี่ยนสถานะ หากขอเปลี่ยนสถานะจากวีซ่าท่องเที่ยว B-2 เป็นวีซ่านักเรียน F-1 ในระหว่างที่รอการเปลี่ยนสถานะ ไม่อนุญาตให้เริ่มเรียนจนกว่า USCIS จะอนุมัติการเปลี่ยนสถานะ
- อย่าปล่อยให้สถานะเดิม หมดอายุ 30 วัน ก่อน USCIS อนุมัติ ในระหว่างกระบวนการขอเปลี่ยนสถานะ คุณจะต้องจะต้องไม่ปลอยให้วีซ่า B-2 หมดอายุภายใน 30 วัน ก่อนที่ทาง USCIS จะอนุมัติ โดยจะต้องยื่นแบบฟอร์ม I-539 แยกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อขอขยายระยะเวลาสถานะเดิม ให้ครอบคลุมกับระยะเวลาการพิจารณาสถานะใหม่ หากไม่ดำเนินการขอขยายระยะเวลาสถานะเดิม ก่อนหมดอายุก่อน 30 วัน คำขอเปลี่ยนสถานะจะถูกปฏิเสธ โดยการขอขยายสถานะควรทำก็ต่อเมื่อ
- วันเริ่มเรียนใน I-20 เลยระยะเวลาสถานะที่กำลังถืออยู่ ผู้สมัครจะต้องขอขยายระยะเวลาสถานะให้ครอบคลุมถึงวันเริ่มเรียนตามที่เอกสาร I-20 ได้ระบุ
- ผู้สมัครกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาการเปลี่ยนสถานะ F-1 และสถานะท่องเที่ยว B-2 จะหมดอายุภายใน 30 วันก่อนวันเริ่มต้นหลักสูตรตามที่ระบุไว้ในแบบฟอร์ม I-20 จะต้องยื่นขอขยายระยะเวลาสถานะ B-2
- หากทาง USCIS พิจารณานานจนใกล้ถึงกำหนดเปิดเรียนใน I-20 จะต้องติดต่อกับทาง DSO เพื่อเลื่อนวันเริ่มเรียนเป็นเทอมถัดไป และขอออก I-20 ให้ใหม่
- ไม่ควรเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย เนื่องจากผลการขอเปลี่ยนสถานะใหม่ แบบฟอร์ม I-797 จะถูกจัดส่งตามที่อยู่ตามที่ผู้ขอได้กรอกไว้ในเอกสาร I-539 ดังนั้น หากผู้ขอเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย เอกสารจะถูกส่งกลับ และผู้ขอจะต้องติดต่อกับทาง CIE เพื่อขอสำเนาเอกสาร I-797
- ห้ามออกจากสหรัฐอเมริกา หากยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการขอเปลี่ยนสถานะวีซ่า เมื่อยื่นคำร้องขอเปลี่ยนสถานะเรียบร้อยแล้ว ห้ามออกจากประเทศสหรัฐอเมริกานอกจากแคนาดาและเม็กซิโก หากเดินทางออกจากประเทศสหรัฐอเมริกา สถานะที่คุณถืออยู่จะถูกยกเลิกทันที และใบสมัครขอเปลี่ยนสถานะก็จะถูกยกเลิกตามไปด้วย ดังนั้น ในระหว่างที่พักอาศัยด้วยสถานะเดิมห้ามออกนอกสหรัฐอเมริกาเด็ดขาด หรือหากมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศไทย ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ แนะนำให้ทำ Travel Option หรือยื่นวีซ่าใหม่ที่ประเทศไทยจะดีที่สุด
ตัวอย่างเอกสาร I-797 ที่อนุมัติการขอเปลี่ยนสถานะการพำนักอาศัยในสหรัฐอเมริกา
จะทำอย่างไรหากการขอเปลี่ยนสถานะถูกปฏิเสธ
หากคำร้องขอเปลี่ยนสถานะถูกปฏิเสธผู้สมัคร สามารถอยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกา ตามวันและเวลาสถานะเดิมกำหนดเท่านั้น (ตามเวลาที่ I-94 กำหนด) ละจะต้องเดินทางออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาก่อนทีสถานะเดิมจะหมดอายุ และถ้าหากผู้สมัคร มีความตั้งที่จะศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างแท้จริง ผู้สมัครสามารถขอวีซ่านักเรียน F-1 โดยตรงผ่านสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย หรือสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาได้
หากเดินทางกลับไทย สถานะ F-1 จะยังคงดำเนินการอยู่หรือไม่?
หากเดินทางกลับไทย สถานะ F-1 คุณจะต้องดำเนินการขอวีซ่านักเรียน F-1 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานะใหม่ และเมื่อเดินทางกลับเข้าสหรัฐอเมริกา คุณจะได้สถานะ F-1 โดยอัตโนมัติ
แต่ถ้าหากคุณยังคงใช้วีซ่าท่องเที่ยวเดิม B-1 เดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่หลักสูตรการศึกษายังคงดำเนินการอยู่ คุณอาจถูกยกเลิกวีซ่าเนื่องจากคุณเดินทางผิดวัตถุประสงค์ของวีซ่า และอาจต้องเดินทางกลับประเทศในทันที
ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม
เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”
บริการของเรามีอะไรบ้าง ?
- ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
- เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
- บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า
- บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
- เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
- บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, NIB, Allianz, Orbit และอื่นๆ
- บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
- บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล
“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558, 088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
1 ความเห็น
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.