สารบัญบทความ
Last updated มิถุนายน 9, 2022 ago by Thebestedu
Seattle Colleges
Seattle Colleges เป็นกลุ่มวิทยาลัยแห่งแรกของเมืองซีแอทเทิล รัฐวอชิงตัน ก่อตั้งเมื่อปี 1966 ประกอบไปด้วย Seattle Central College, North Seattle College และ South Seattle College มีหลักสูตรการศึกษาคุณภาพสูง ทั้งระดับ Associate Degree, Bachelor Degree และ Certificate เป็นส่วนหนึ่งของระบบ Washington State Board for Community (SBCTC) เปิดสอนหลักสูตร International High School Completion ซึ่งเป็นหลักสูตรพิเศษที่สามารถข้ามการเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 – 6 หรือ Grade 11 – 12 ได้เลย ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้เร็วขึ้น 2 ปี และสำเร็จการศึกษาก่อนอายุ 20 ปี และมีเฉพาะในรัฐวอชิงตันเท่านั้น
Seattle Colleges มีหลักสูตรให้เลือกเรียนหลากหลาย โดยแบ่งออกเป็นหลักสูตรปริญญาตรี Bachelor’s Degree 3 หลักสูตร หลักสูตรอนุปริญญา Associate Degree 29 หลักสูตร และประกาศนียบัตรวิชาชีพ Professional Certificate อีก 16 หลักสูตร โดยนักศึกษากว่า 50% กำลังเลือกเรียนหลักสูตร Associate Degree เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเทียบโอนหน่วยกิต Transfer Credit เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย สำหรับนักศึกษาต่างชาติ Seattle Colleges เปิดสอนหลักสูตรปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษด้วย
จุดแข็งของ Seattle Colleges คือเน้นผลลัพธ์ทางวิชาการ Academic Result อาจารย์ผู้สอนเป็นผู้มีชื่อเสียงในระดับประเทศ มีผลงาน รางวัล และประกาศนียบัตรการันตีมากมาย และนักศึกษาเกือบ 100% ประสบความสำเร็จในด้านในการย้ายเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะ University of Washington นอกจากนี้ Seattle Colleges เป็นหนึ่งในวิทยาลัยที่มีความหลากหลายมากที่สุดในรัฐวอชิงตัน
Seattle Colleges ประกอบด้วยวิทยาลัย 3 แห่ง ในเมืองซีแอตเทิล
วิทยาลัยทั้ง 3 แห่ง คือ Seattle Central College, North Seattle College และ South Seattle College และศูนย์วิจัยเฉพาะทางอีก 5 แห่ง โดยในบทความนี้ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะขอแนะนำกลุ่ม Seattle Colleges ทั้ง 3 แห่ง และสำนักงานกลางของวิทยาลัยอีก 1 แห่ง และศูนย์วิจัยเฉพาะทางอีก 5 แห่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้
Seattle Central College 
Seattle Central College ตั้งอยู่ในย่าน Capitol Hill ที่มีชีวิตชีวา มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ลายล้อมรอบด้วยร้านกาแฟ ร้านค้า ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด และสวนสาธารณะ วิทยาลัยห่างจากตัวเมืองซีแอตเทิลเพียงไม่กี่นาที และสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ครบครัน ทั้งรถบัส รถราง และรถไฟฟ้ารางเบา เชื่อต่อสถานี Seattle Central ไปยังตัวเมืองภายในสามนาที เหมาะสำหรับนักศึกษาที่ชื่นชอบใช้ชีวิตท่ามกลางเมืองใหญ่
Location: 1701 Broadway, Seattle, WA 98122
North Seattle College 
North Seattle College ตั้งอยู่ในย่าน Northage / Licton Springs ของซีแอตเทิล เป็นย่านที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานระหว่าง City Life และ Natural ภายในวิทยาเขตมีสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่น่าสนใจ และใกล้ชิดธรรมชาติ มีสวนสาธารณะและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจมากมาย เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการเรียนรู้ ใกล้ชิดชุมชนและมีกิจกรรมบางอย่าง เช่น อาสาสมัคร ที่นักศึกษาสามารถเข้าร่วมได้ ช่วยให้นักศึกษาพัฒนาความสัมพันธ์กับคนในชุมชน เหมาะสำหรับนักศึกษาที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์
Location: 9600 College Way North, Seattle, WA 98103.
South Seattle College 
South Seattle College เป็นวิทยาลัยที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ขนาด 87 เอเคอร์ มีทัศนียภาพที่งดงาม เห็นเส้นขอบฟ้าเมืองและภูเขาโดยรอบ ใกล้ๆ กับวิทยาลัย มีสวนรุกขชาติ ขนาด 6 เอเคอร์ เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและห้องเรียนกลางแจ้งของวิทยาลัย สภาพแวดล้อมของวิทยาลัยผ่อนคลายและเงียบสงบ เหมาะสำหรับนักศึกษาที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์แบบอเมริกันดั้งเดิม
Location: 6000 16th Avenue SW, Seattle, WA 98106
ทำไมต้องเรียนที่ Seattle Colleges
- Seattel College ประกอบด้วย 3 วิทยาลัยด้วยกันคือ Seattle Central College, North Seattle College และ South Seattle College วิทยาลัยแต่ละแห่ง มีสำนักงานที่ดูแลนักศึกษานานาชาติ ซึ่งรวมถึงการรับสมัคร การปฐมนิเทศ การย้ายถิ่นฐานและการให้คำปรึกษาทางวิชาการ กิจกรรมทางสังคม และ การเทียบโอนหน่วยกิต ปัจจุบันมีนักศึกษามากกว่า 45,000 ในแต่ละปี
- หลักสูตร Associate Degree สามารถเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้ทั่วสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่ยอมรับทั่วโลก เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า และประหยัดค่าใช้จ่าย
- หลักสูตร International High School Completion เป็นหลักสูตรที่ได้รับประกาศนียบัตร Associate Degree และมัธยมปลาย High School Diploma ในเวลาเดียวกัน โดยใช้ระยะเวลาเรียนเพียง 2 ปี ซึ่งหลักสูตรนี้เปิดสอนเฉพาะรัฐวอชิงตันเท่านั้น
- เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทโบอิ้ง The Boing Company ผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานและยุทโธปกรณ์ ซึ่งได้ร่วมมือพัฒนาหลักสูตรกับ Seattle College ผ่านโครงการ Learning Together Program
- มีหลักสูตรปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษ Intensive English และ College Bridge เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ในระดับเริ่มต้น ระดับกลาง และระดับสูง
- ทีมคณาจารย์ทุกท่านสำเร็จการศึกษาอย่างน้อยระดับปริญญาโท และบางท่านสอนอยู่ในมหาวิทยาลัยด้วย มั่นใจได้ในคุณภาพการศึกษา และเจ้าหน้าที่มีความสามารถพร้อมช่วยเหลือในทุกขั้นตอน ให้บริการที่หลากหลายแก่นักศึกษาต่างชาติ รวมถึงการรับสมัครและการสนับสนุนด้านที่พักอาศัย การให้คำปรึกษาด้านวิชาการและการย้ายถิ่นฐาน การให้คำปรึกษาส่วนบุคคล และอื่นๆ
- Seattle Colleges เป็นวิทยาลัยที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม รวมถึงคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญก็มาจากหลากหลายประเทศทั่วโลก เข้าใจวัฒนธรรมของนักศึกษาต่างชาติเป็นอย่างดี มีมุมมองที่หลากหลาย และเปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
- ตั้งอยู่ในรัฐวอชิงตันที่สวยงามของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นรัฐที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศ และเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เช่น Amazon, Microsoft, Google และ Starbucks
รางวัล และการยอมรับ
Seattle Colleges (Seattle Central College, North Seattle College, และ South Seattle College) เป็นวิทยาลัยรัฐบาล ได้รับการสนับสนุน และรับรองโดย Northwest Commission on Colleges and Universities (NWCCU) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับรองสถาบันที่รับรองโดยสภาการรับรองระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษา Council for Higher Education Accreditation และกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกา DS Department of Education แสดงให้เห็นว่า วิทยาลัยมีทรัพยากรที่มีคุณภาพ และหลักสูตรเหมาะสม และผลการเรียนของนักศึกษาอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ
เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับบริษัท Boeing Company 
บริษัทโบอิ้ง The Boing Company เป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานและยุทโธปกรณ์ ซึ่งได้ร่วมมือพัฒนาหลักสูตรกับ Seattle College ผ่านโครงการ Learning Together Program ซึ่งเปิดสอนเกี่ยวกับการบิน เทคโนโลยีการบิน ธุรกิจการบิน วิศวกรรมการบิน และหลักสูตรอื่นๆ อีกมากมาย ดังนี้
หลักสูตรที่เปิดสอนที่ Seattle Colleges
Seattle Colleges มีชั้นเรียนเกือบทุกหลักสูตรเพื่อช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้วย 3 วิทยาลัย Seattle Central College, North Seattle College และ South Seattle College จึงมีหลักสูตรเปิดสอนมากมาย และนักศึกษาต่างชาติสามารถเรียนได้เกือบทุกหลักสูตร ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ขออธิบายหลักสูตรโดยรวม ดังนี้
หมายเหตุ: อักษรย่อหลังชื่อหลักสูตร คือสถาบันที่เปิดสอน โดย
- C ย่อมาจาก Seattle Central College
- N ย่อมาจาก North Seattle College
- S ย่อมาจาก South Seattle College
หากสนใจเรียนต่อสถาบัน Seattle Colleges ทั้ง 3 วิทยาเขต หรือต้องการเรียนต่อในหลักสูตรอื่นๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และรายละเอียดค่าใช้จ่ายจากทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ได้เลย “เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่อง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558, 088-269 5099
Email : contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
หลักสูตรอนุปริญญา Associate Degree
Arts, Design, and Graphics
หลักสูตรศิลปะ การออกแบบ และกราฟิกดีไซน์ เช่น การออกแบบภาพ 2 มิติ และ 3 มิติ การออกแบบกราฟิกโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ รวมถึงการสร้างศิลปะทางเสียง เช่น การออกแบบเสียงประกอบ เอฟเฟค รวมถึงการทำเพลงบรรเลง เพื่อให้เกิดอรรถรสในการรับชม
Business and Accounting
หลักสูตรบริหารธุรกิจ และการบัญชี เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารธุรกิจทุกแขนง เช่น ธุรกิจร้านค้าปลีก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การบริหารธุรกิจในระดับนานาชาติ เศรษฐศาสตร์ และอื่นๆ เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดระเบียบ วางแผนการจัดการองค์กร หลักสูตรทางด้าน Business and Accounting ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีทักษะและประสบการณ์ในด้านการสนับสนุนทางธุรกิจ การจัดการ และการบริหารสำนักงาน
Culinary, Hospitality, and Wine
หลักสูตรการทำอาหาร และการบริการ เหมาะสำหรับผู้ที่เปิดร้านอาหาร หรือวางแผนที่จะทำงานในภัตราคาร โรงแรม 5 ดาว โดยหลักสูตรนี้ มีสาขาการทำอาหารโดยตรง เพื่อเป็นเชฟในร้านอาหาร สาขาการบริการการโรงแรม Hospitality Management และสาขาย่อยอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การทำขนมหวาน และขนมปัง รวมถึงหลักสูตรไวน์ศึกษา ที่เรียนรู้วัฒนธรรมการดื่มไว้ทั่วโลก
Education and Human Services
หลักสูตรเกี่ยวกับการศึกษา และการบริการทางสังคม เป็นหลักสูตรที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ การดูแลเด็ก รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ ตั้งแต่การศึกษา สวัสดิการขั้นพื้นฐาน สาธารณะสุข การพัฒนาเด็กและครอบครัว การศึกษาปฐมวัย การศึกษาสำหรับผู้ปกครอง
Health and Medical
หลักสูตรเกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์ เป็นหนึ่งในสาขาที่มีโอกาสในด้านการงาน และเติบโตเร็วที่สุด เน้นไปที่การวินิจฉัยการรักษาโรค การวิจัยวัคซีนใหม่ในห้องแล็บ การดูแลสุขภาพในช่องปาก รวมถึงการพัฒนาสุขภาพ การออกแบบแผนการออกกำลังกาย โภชนาการศาสตร์ และหลักสูตรอื่นๆ อีกมากมาย หลักสูตรนี้มีห้องปฏิบัติการที่สมจริง มีการฝึกงานในคลินิกเพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมให้การดูแลด้านสุขภาพและการแพทย์อย่างถูกต้อง
Science, Technology, Engineering, and Math
หลักสูตร STEM (Science, Technology, Engineering, and Math) เป็นหลักสูตรที่ได้รับโอกาสมากมาย ทั้งระหว่างเรียนและหลังเรียนจบ เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมของโลก มีหลักสูตรที่ท้าทายมากมาย เช่น ชีววิทยาศาสตร์ เคมีศาสตร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์และอวกาศ ภูมิศาสตร์ และหลักสูตรอื่นๆ อีกมากมาย
Skilled Trades and Technical Training
หลักสูตรเกี่ยวกับ Skilled Trade and Technical Training เป็นหลักสูตรที่เน้นสำหรับการพัฒนาทักษะวิชาชีพ เพื่อการทำงานด้านทักษะในอนาคต เช่น ช่างเชื่อม การก่อสร้าง เทคโนโลยียานยนต์ เทคโนโลยีการบิน การผลิตเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องจักรกลหนัก ภูมิทัศน์ การต่อเรือ และหลักสูตรอื่นๆ อีกมากมาย
Social Sciences, Humanities, and Language
หลักสูตรเกี่ยวกับสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และภาษาศาสตร์ เป็นหลักสูตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเป็นนักเรียน นักสังคมสงเคราะห์ นักการเมือง เปิดสอนหลักสูตรที่น่าสนใจมากมาย เช่น ภาษาอังกฤษ การเขียน และการศึกษาวรรณคดี มานุษยวิทยา ประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ปรัชญา จิตวิทยา สังคมโลก และหลักสูตรอื่นๆ
หลักสูตร University Transfer (2+2) Program
หลักสูตร University Transfer (2+2) Program คือโปรแกรมการเรียนที่เกิดจากความร่วมมือของ Community College กับ University ในสหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลา 2 ปีแรกเรียนที่ Community College และรับวุฒิ Associate’s Degree จากนั้นโอนหน่วยกิตมาเรียนต่อปีที่ 3 และ 4 ในมหาวิทยาลัยที่อเมริกาและรับวุฒิ Bachelor’s Degree ซึ่งโปรแกรมเรียนนี้จะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการเรียน 4 ปีเต็มที่มหาวิทยาลัย เนื่องจากค่าธรรมเนียมการศึกษาใน Community College จะไม่สูง สมัครเรียนเข้าง่ายกว่า มีโปรแกรมที่ช่วยเหลือนักเรียนด้านทักษะภาษาอังกฤษ มีห้องเรียนที่มีจำนวนผู้เรียนน้อยกว่า และมีการดูแลนักเรียนที่เข้มข้นจริงจัง เพิ่มเกรดเฉลี่ยก่อนเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้
หลักสูตรปริญญาตรีที่อเมริกา สามารถสำเร็จการศึกษาได้ในระยะเวลา 4 ปี แต่แทนที่จะใช้เวลาทั้งหมด 4 ปี ในมหาวิทยาลัย นักศึกษาสามารถเลือกเรียนหลักสูตร 2+2 University Transfer System เพื่อใช้ระยะเวลา 2 ปีแรก ในวิทยาลัย เพื่อสำเร็จการศึกษาในระดับ Associate Degree หลังจากนั้นเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอีก 2 ปี ที่เหลือ เพื่อสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี Bachelor Degree ซึ่งวิธีนี้จะทำให้นักศึกษามีความพร้อมสำหรับการเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ความคุ้มค่าเมื่อเรียนหลักสูตร 2+2 University Transfer System
ความคุ้มค่าหลักเมื่อเลือกเรียนหลักสูตรนี้คือ ค่าธรรมเนียมไม่สูง ชั้นเรียนขนาดเล็ก และการรับเข้าเรียนที่ยืดหยุ่น ซึ่งในแต่ละปี 45% ของนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาในสหรัฐอเมริกา เลือกเข้าเรียนหลักสูตรนี้ ก่อนที่จะเทียบโอนหน่วยกิตเข้าหรัยนต่อในระดับมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ นักศึกษาต่างชาติกว่า 85,000 ต่อปี เลือกลงเรียนที่ Community College เพื่อเข้าระบบ 2+2 University Transfer System แทนที่จะเลือกเรียนแบบ 4 ปี โดยตรง
หลักสูตร HIGH SCHOOL COMPLETION PROGRAM (จบมัธยมปลายและวิทยาลัยพร้อมกัน)
หลักสูตร High School Completion Program เป็นหลักสูตรสำหรับนักเรียนอายุ 16 ถึง 21 ปี ที่ยังเรียนไม่จบมัธยมปลาย แต่ต้องการเข้าเรียนต่อต่อในระดับอุดมศึกษาในอเมริการวดเร็วขึ้น โดยเมื่อเข้าเรียนโปรแกรมนี้ ผู้เรียนจะได้เรียนต่อในหลักสูตร Associate Degree ในสาขาที่ตนเองต้องการเรียนต่อ ในขณะเดียวกันก็จะได้รับหน่วยกิตของหลักสูตรมัธยมปลายของรัฐวอชิงตันด้วย
High School Completion Plus สามารถข้ามไปหนึ่งหรือสองปีของโรงเรียนมัธยม และสามารถเข้าเรียนหลักสูตร Associate Degree ของทาง Seattle Colleges ได้เลย แต่จะได้รับเครดิตของหลักสูตร High School ด้วย เมื่อสำเร็จการศึกษา จะได้ประกาศนียบัตรอนุปริญญา Associate Degree และประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย High School Diploma
หรือทำความเข้าใจง่ายๆ คือ เรียน 1 วิชา แต่ได้รับเครดิต 2 วิชา ทำให้เมื่อสำเร็จการศึกษา ผู้เรียนจะได้รับวุฒิการศึกษา 2 วุฒิการศึกษา คือ อนุปริญญา (Associate Degree) ควบคู่ไปกับหลักสูตรมัธยมปลาย (High School Program) ที่ออกให้โดยออกให้โดยรัฐ Washington State ประเทศสหรัฐอเมริกา และสามารถโอนหน่วยกิตเพื่อเรียนต่อสมัครเรียนต่อปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยในอเมริกาอีกแค่ 2 ปี ในปีที่ 3 – 4 ปี ซึ่งจะช่วยให้เรียนจบปริญญาตรีได้ในอายุ 20 ปี
สามารถเทียบโอนหน่วยกิต Transfer Pathways เข้าเรียนที่ไหนได้บ้าง
นักศึกษาที่เลือกเรียนหลักสูตร Associate Degree สามารถเทียบโอนหน่วยกิต Transfer Credit เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยอีก 2 ปี เพื่อสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี โดยทาง Seattle College มีมหาวิทยาลัยที่เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกันมากมาย นอกจากนี้ หากต้องการสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ทาง Seattle Colleges มีโปรแกรมการันตีเข้าเรียนมหาวิทยาลัยโดย Transfer Admission Guarantees (TAG) โดยหากสมัครโปรแกรม Associate Degree หรือ High School Completion สามารถเลือกมหาวิทยาลัยที่ได้รับการการันตีได้สูงสุด 2 มหาวิทยาลัย และทางวิทยาลัยนังมีแหล่งข้อมูลมากมายที่จะช่วยในการเตรียมการโอนย้ายรวมถึงการให้คำปรึกษาด้านวิชาการ งานนิทัศการจัดหางาน ที่จัดขึ้นเพื่อแนะแนว ส่งเสริม และรับสมัครนักศึกษาเข้าเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น
เรียนต่อ Seattle Colleges ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายในการเรียน College Bridge and College |
1 เทอมการศึกษา (3 เดือน) | 1 ปีการศึกษา (9 เดือน) |
Tuition / ค่าเทอม | $3,229 | $9,687 |
Approximate Fees / ค่าธรรมเนียม | $185 | $555 |
Medical Insurance / ค่าประกันสุขภาพ | $401.46 | $1,204.38 |
รวม | $3,815.46 | $11,484 |
ค่าใช้จ่ายในการเรียน Intensive English |
1 เทอมการศึกษา (3 เดือน) | 1 ปีการศึกษา (9 เดือน) |
Tuition / ค่าเทอม | $3,150 | $9,450 |
Approximate Fees / ค่าธรรมเนียม | $73.5 | $220.5 |
Medical Insurance / ค่าประกันสุขภาพ | $401.46 | $1,204.38 |
รวม | $3,624.96 | $10,874.88 |
ค่าใช้จ่ายในการเรียน B.A.S. Degree (Year 3 & 4 only) |
1 เทอมการศึกษา (3 เดือน) | 1 ปีการศึกษา (9 เดือน) |
Tuition / ค่าเทอม | $6,262.07 | $18,786.2 |
Approximate Fees / ค่าธรรมเนียม | $185 | $555 |
Medical Insurance / ค่าประกันสุขภาพ | $401.46 | $1,204.38 |
รวม | $6,848.53 | $20,545.58 |
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ โดยประมาณ |
ประมาณต่อ 1 เทอมการศึกษา (3 เดือน) | ประมาณต่อ 1 ปีการศึกษา (9 เดือน) |
Housing and Food / ค่าครองชีพ ค่าที่พักอาศัย | $3,128 | $9,384 |
Books and Supplies / ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียน | $350 | $1,050 |
Transportation / ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง | $125 | $375 |
Miscellaneous / ค่าใช้จ่ายอื่นๆ | $600 | $1,800 |
รวม | $4,203 | $12,609 |
หมายเหตุ:
- ค่าครองชีพและที่พักอาศัย – เป็นการคำนวณค่าใช้จ่ายพักแบบ Host Family การประมาณการค่าอาหารและที่อยู่อาศัยจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทที่พักที่เลือกในการอยู่อาศัยของนักเรียนแต่ละคน อาจจะสูงกว่าหรือประหยัด กว่าก็ได้
- ค่าใช้จ่ายไม่รวมในส่วนของช่วงปิดภาคเรียนประจำปี – หากคุณเลือกอยู่ในอเมริกาในช่วงปิดเทอมต้องเตรียมค่าใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มเติมในช่วงปิดภาคเรียนประจำปีด้วย
หลักสูตรอื่นๆ ที่เปิดสอน
Seattle Colleges เปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีด้วย Bachelor’s Degrees
Seattle Colleges เปิดสอนระดับปริญญาตรีเพื่อสร้างเส้นทางการศึกษาต่อยอดจากปริญญาเทคนิค 2 ปีและขยายโอกาสในการทำงาน โดยหลักสูตรปริญญาตรีที่ Seattle Colleges จะเป็นการเรียนต่อยอดจากหลักสูตร Associate Degree
Seattle Colleges มีศูนย์ภาษาอังกฤษ Seattle Colleges Institute of English (SCIE) เปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษคุณภาพสูง
Seattle Colleges Institute of English (SCIE) เปิดสอนหลักสูตรภาษาอังกฤษคุณภาพสูง มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่มีคุณภาพแก่นักศึกษาต่างชาติที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาในหลักสูตรประกาศนียบัตรหรือปริญญาที่ Seattle Colleges โดยเปิดสอนที่ Seattle Central College
- คณาจารย์มีประสบการณ์ระดับปริญญาโทด้านภาษาอังกฤษหรือการสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง (TESOL)
- ได้รับสิทธิ์ใช้สิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรมและบริการของ Seattle Central อย่างเต็มที่ รวมถึงการให้คำปรึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ
- เมื่อสำเร็จการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษ ได้รับสิทธิ์ในการลงทะเบียนที่ Seattle Colleges ทั้ง 3 แห่ง โดยไม่ต้องทดสอบภาษาอังกฤษเพิ่มเติม
หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น Intensive English
หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบเข้มข้น Intensive English ได้รับการออกแบบมาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ที่ยังไม่มีคะแนนภาษาอังกฤษ คะแนนภาษาอังกฤษไม่ถึงเกณฑ์ หรือต้องการปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับเริ่มต้น เนื้อหาการเรียนการสอน มุ่งเน้นไปที่การใช้ภาษาอังกฤษในทุกด้าน คือ การฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด เสริมด้วยทักษะการโต้ตอบ การสำเสนอ โดยหลักสูตร 20 ชั่วโมง / สัปดาห์ ในเทอม Fall, Winter, Spring และ 25 ชั่วโมง / สัปดาห์ ในเทอม Summer
College Bridge
หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบ College Bridge เป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ที่กำลังวางแผนเข้าเรียนในวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยโดยตรง แต่ยังคงต้องพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษก่อน เหมาะสำหรับผู้ที่มีทักษะภาษาอังกฤษระดับกลางขึ้นไป หรือต่อยอดจากหลักสูตร Intensive English ในขณะที่เรียนภาษา นักศึกษาจะได้เรียนวิชาในระดับวิทยาลัยด้วย โดยในเมื่อระดับภาษาอังกฤษ พัฒนาจนถึง Level 6 นักศึกษาจะเข้าเรียนวิชาในระดับวิทยาลัยเกือบจะทั้งหมด และ ได้เรียบภาษาอังกฤษเพียงเล็กน้อย ซึ่งหลักสูตรนี้ จะค่อยๆ ปรับภาษาอังกฤษให้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ก็จะเก็บเครดิตในระดับวิทยาลัยไปด้วย
สิ่งอำนวยความสะดวกและที่พักของ Seattle Colleges
วิทยาลัยแต่ละแห่งของเรามีบริการที่ครอบคลุมสำหรับนักศึกษาต่างชาติในด้านต่างๆ เช่น การให้คำปรึกษาในด้านการใช้ชีวิตสำหรับนักศึกษาต่างชาติ การให้คำปรึกษาทางวิชาการ บริการสนับสนุนสำหรับผู้ทุพลภาพ และอื่นๆ ดังนี้
สิ่งอำนวยความสะดวก
- บริการสำหรับนักศึกษาต่างชาติ – วิทยาลัยทั้ง 3 แห่ง มีบริการแนะแนว และให้คำปรึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติ รวมถึงการรับเข้าเรียน ให้คำปรึกษาด้านวีซ่าและการย้ายถิ่นฐาน ให้คำปรึกษาด้านวิชาการ กิจกรรมทางสังคม การเดินทาง และการเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
- ศูนย์ให้คำปรึกษาทางวิชาการ – ช่วยเหลือนักศึกษาในการให้คำปรึกษาด้านวิชาการ ให้เหมาะสมกับผู้เรียน และวางแผนการเรยนให้ถึงเป้าหมายที่คาดหวังไว้
- กิจกรรมนอกหลักสูตร – ทางวิทยาลัยมีกิจกรรม และชมรมมากมายทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน มีสโมสรนักศึกษา องค์กรนักศึกษา และชมรมอาสาสมัครมากมายที่จะช่วยให้สัมผัสชีวิตของอเมริกา
- การจ้างงาน – นักศึกษาต่างชาติที่ถือวีซ่านักเรียน F-1 สามารถทำงานระหว่างเรียน On Campus โดยทั้ง 3 วิทยาลัย มีงานรองรับมากมาย แต่นักศึกษาก็ต้องมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ นักศึกษายังสามารถเข้าร่วมสหกิจศึกษาได้ด้วย
- อาหาร & เครื่องดื่ม – มีร้านอาหาร และร้านเครื่องดื่มมากมายในวิทยาเขต ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารเช้า ร้านอาหารกลางวัน ร้านอาหารเย็น ร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ และโรงอาหารประจำวิทยาลัยในราคาประหยัด
- มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาด้านการเทียบโอนหน่วยกิต – เมื่อสำเร็จการสึกษา มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาด้านการเทียบโอนหน่วยกิตเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย และหากนักศึกษาต้องการทำงานหลังเรียนจบ ก็มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาด้านการจัดหางานอย่างเต็มที่ รวมถึงให้คำปรึกษาด้านการย้ายถิ่นฐาน
- บริการสำหรับผู้ทุพพลภาพ – Disability Services (DS) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ Student Success Services ที่ North Seattle College DS ให้การเข้าถึงที่เท่าเทียมกันสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางเอกสารและปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคนพิการของชาวอเมริกัน
ที่พักนักศึกษาของ Seattle Colleges
- ON-CAMPUS HOUSING Seattle Central มีที่พักในมหาวิทยาลัยใน Studios บนถนนบรอดเวย์ อพาร์ทเมนท์แต่ละห้องมีห้องครัวเต็มรูปแบบพื้นที่ใช้สอยห้องน้ำและพื้นที่เก็บของและสามารถรองรับได้ 2 ถึง 4 คน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ $1,100 ต่อเดือน
- OFF-CAMPUS HOUSING นักศึกษาสามารถเลือกที่จะใช้ชีวิตนอกมหาวิทยาลัยได้ ตัวเลือกการแชร์อพาร์ทเมนต์และบ้านขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการและค่าใช้จ่ายอาจอยู่ในช่วงตั้งแต่ $500 ถึง $1,300 หรือมากกว่าต่อเดือน
- HOMESTAY หากต้องการที่จะอยู่กับครอบครัวชาวอเมริกันและสัมผัสกับวัฒนธรรมอเมริกัน Seattle Colleges ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่จัดโฮมสเตย์คุณภาพสูงให้กับนักเรียน ปลอดภัย และโฮสต์ทุกหลัง ดูแลนักศึกษาต่างชาติได้อย่างดีเยี่ยม มีประสบการณ์และเข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่างเป็นอย่างดี คอยชี้แนะ และสอนการใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หากเป็นการเดินทางครั้งแรก เนื่องจากการมีคนท้องถิ่นคอยชี้แนะในการใช้ชีวิต จะช่วยปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมได้ง่ายขึ้น ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยสำหรับที่อยู่อาศัยและอาหารอยู่ที่ประมาณ 850 เหรียญต่อเดือน
เรียนต่อ Seattle Colleges เตรียมตัวอย่างไร?
คุณสมบัติเรียนเบื้องต้น
หลักสูตร Associate Degree
- อายุ 16 ปีขึ้นไป สำหรับหลักสูตร International High School Completion และ 18 ปีขึ้นไป สำหรับหลักสูตร Associate Degree
- สำเร็จการศึกษาอย่างน้อยระดับมัธยมต้น หรือมีวุฒิการศึกษา GED
- คุณสมบัติทางภาษาอังกฤษ ดังนี้
- TOEFL iBT* 64, Writing 17
- หรือ IELTS 6.0, Writing 5.0
- หรือ SAT 510 in Reading and Writing
- หรือ ACT 19 for both English and Reading
- หรือ TOEFL PBT* 507, Writing 4.0
- หรือ U.S. high school graduation with GPA of at least 2.0
- หรือ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายกับสถาบันที่ได้รับการรับรองในออสเตรเลีย แคนาดา หรือประเทศอื่นๆ ที่พูดภาษาอังกฤษ เช่น ไอร์แลนด์ เคนยา นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา หรือซิมบับเว
- มีวีซ่านักเรียนที่ถูกต้องตามกฏหมาย นักศึกษาต่างชาติที่เดินทางมาศึกษาศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา จะต้องถือวีซ่านักเรียน F
- นักศึกษาต่างชาติจะต้องรักษาผลการเรียนเต็มเวลา 12 หน่วยกิต หรือมากกว่าต่อภาคการศึกษาสำหรับภาคการศึกษาฤดูใบไม้ร่วง Fall และฤดูใบไม้ผลิ Spring สำหรับภาคการศึกษาฤดูหนาว Winter และฤดูร้อน Summer ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเรียนครบ 12 หน่วยกิต และการศึกษานอกหลักสูตร เช่น การเรียนพิเศษ หรือหลักสูตรระยะสั้นจะไม่นับหน่วยกิตรวมในการศึกษาหลัก
หลักฐานทางการเงินที่ต้องแสดง
ผู้สมัครจะต้องแสดงหลักฐานทางการเงินว่าเพียงพอสำหรับการเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาเพื่อออกเอกสาร I-20 โดยจะต้องระบุให้ชัดเจนว่า ใครเป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน โดยผู้สมัครสามารถสนับสนุนตนเอง หรือให้บุคคลอื่น เช่น สมาชิกในครอบครัว เพื่อน หัวหน้างาน หน่วยงานของรัฐ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา ในการแสดงหลักฐานทางการเงิน
ผู้สมัครจะต้องแสดงรายการเดินบัญชี (Bank Statement) ย้อนหลัง 6 เดือนนับจากวันที่ส่งใบสมัคร พร้อมหนังสือรับรองบัญชี (Bank Guarantee) ระบุชื่อผู้สนับสนุนและแปลงสกุลเงินเป็นดอลลาสหรัฐ
จำนวนเงินที่ต้องแสดงในหลักฐานทางการเงิน
หลักสูตร |
จำนวนเงินที่ต้องแสดงในหลักฐานทางการเงิน |
||
เรียน 3 เดือน | เรียน 6 เดือน | เรียนมากกว่า 9 เดือน | |
– Intensive English – Advanced English – College Bridge – IP Short-Term Certificate |
$8,170 (ประมาณ 270,000 บาท) |
$16,350 (ประมาณ 530,000 บาท) |
$24,500 (ประมาณ 780,000 บาท) |
– University Transfer (2+2) – High School Completion Plus – Career Training – A.A.S. or Certificate – Career Training – B.A.S. – 1st or 2nd year |
– | – | $24,500 (ประมาณ 780,000 บาท) |
– Aviation Maintenance Technology (AMT) | – | – | $25,000 (ประมาณ 800,000 บาท) |
– Career Training – B.A.S. – 3rd or 4th year | – | – | $33,200 (ประมาณ 1,063,000 บาท) |
หมายเหตุ:
- โดยปกติยอมรับสำเนาเอกสารทางการเงินที่สแกน แต่ Seattle Colleges สงวนสิทธิ์ในการขอสำเนาต้นฉบับ
- ผู้สมัครที่วางแผนจะพาผู้อยู่ในอุปการะ (คู่สมรสหรือบุตร) มาด้วยต้องแสดงให้เห็นว่ามีเงินเพิ่มอีก $3,000 ต่อคน
ช่วงเวลาเปิดรับสมัคร และช่วงเวลาเปิดเรียน
สำหรับการเปิดเรียนของ Seattle Colleges ทั้ง 4 วิทยาเขต เปิดเร็วอยู่ 4 เทอม โดยสามารถเข้าเรียนเทอมไหนก็ได้ แต่ควรวางแผนสมัครเรียนอย่างน้อยล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 3 เดือน เพื่อวางแผนยื่นวีซ่า และการเดินทาง
เทอม WINTER 2021 January 4 – March 24 General Deadline: November 25, 2020 |
เทอม SPRING 2021 April 5 – June 18 General Deadline: February 25 |
เทอม SUMMER 2021 June 28 – August 20 General Deadline: May 25 |
เทอม FALL 2021 September 27 – December 15 General Deadline: August 25 |
5 ขั้นตอน เข้าเรียนต่อ Seattle Colleges
หมายเหตุ: ถ้าหากผู้สมัครคุณสมบัติไม่ตรงเกณฑ์ หรือขาดคุณสมบัติด้านใดด้านหนึ่ง สามารถส่งเอกสารให้ทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพื่อที่ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะให้ทางมหาวิทยาลัยพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ
สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร :090-327 3558, 088-269 5099
Email : contact@thebest-edu.com
Line : @thebesteduหรือคลิ๊กเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
เรียนต่ออเมริกาสถาบัน Seattle Colleges ทำงานระหว่างเรียนได้ไหม?
นักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่ในอเมริกาที่ถือวีซ่า F-1 อนุญาตให้ทำงานในอเมริกาได้ โดยจะต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน DSO (Designated School Officials) ซึ่งหนึ่งในผู้กำกับดูแลนักเรียน นักศึกษาต่างชาติเป็นหลัก รวมถึงนักเรียนแลกเปลี่ยน ทำหน้าที่ในการติดต่อ ประสานงานสำหรับปัญหาต่างๆ เช่น การเสนอชื่อโรงเรียนที่ได้รับการรับรอง SEVP อัปเดทข้อมูลนักเรียน ให้คำแนะนำนักเรียน ภายใต้เงื่อนไขโดย United States Citizenship and Immigration Service (USCIS)
การทำงานระหว่างเรียนด้วยวีซ่านักเรียน F-1 แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- On-Campus คือการทำงานในเขตสถาบันการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัย เป็นงานที่สนับสนุนกิจการภายในมหาวิทยาลัย สามารถทำได้เลยเพียงขออนุญาตจาก DSO และงานที่ทำไม่จำเป็นต้องตรงสายก็ได้ อาจได้รับค่าตอบแทน หรือไม่ได้รับค่าตอบแทนก็ได้
- Off-Campus คือการทำงานนอกเขตสถาบันการศึกษา เปิดโอกาสให้นักศึกษาที่มีปัญหาด้านการเงินขั้นรุนแรง หรือ นักศึกษาที่ต้องการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ในสาขาวิชาที่เรียนเท่านั้น
หลักสูตร ASSOCIATE DEGREE สามารถขอ OPT ได้นานเท่าไหร่?
- หากเรียน Associate Degree สามารถทำงาน On-Campus หรือ Off-Campus ก็ได้
- หากเรียน Associate Degree สามารถขอ CPT หรือ OPT ได้ 12 เดือน
ข้อมูลรายละเอียดของการทำงานในสหรัฐอเมริกาทั้งระหว่างเรียน หลังเรียนจบ ได้สรุปไว้ในบทความข้างล่างนี้แล้ว น้องๆ สามารถคลิกอ่านบทความนี้ได้เลยค่ะ
ทำความรู้จักกับเมือง Seattle, Washington
ซีแอตเทิล Seattle เป็นเมืองท่าบนชายฝั่งทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐวอชิงตัน ตั้งอยู่บนคอคอดระหว่าง Puget Sound (ทางเข้าของมหาสมุทรแปซิฟิก) และ Washington Lake ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกา อยู่ห่างจากชายแดนแคนาดาประมาณ 160 ก.ม. มีประชากรทั้งหมด 3.98 ล้านคน ซีแอตเทิลเป็นประตูการค้าที่สำคัญกับเอเชียตอนเหนือ มีท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ในอเมริกา
ในปีที่ 2016 ซีแอตเทิลได้รับเลือกให้เป็นเมืองที่เจริญเติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีอัตราการเติบโตปีละ 3.1% อุตสาหกรรมป่าไม้ เป็นอุตสาหกรรมหลักของซีแอตเทิล หลังจากนั้นในช่วงยุค Gold Rush ซีแอตเทิลเป็นศูนย์กลางการค้าและการต่อเรือเพื่อเปิดประตูสู่อลาสก้า เป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องบินโบอิ้ง และพัฒนาเรื่อยมาจนถึงปี 1980 บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ได้ก่อตั้งที่นี่ เช่น Microsoft, Amezon ซึ่งนำไปสู่การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ ทำให้ประชากรเมืองเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 40 ปี ที่ผ่านมา
สภาพอากาศเมืองซีแอตเทิล
ซีแอตเทิล มีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน แต่จะมีอากาศที่หนาวเย็นกว่า ฤดูหนาวหนาวจัด และมีความชื้นสูง มีระยะเวลา 3.6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน ถึง 1 มีนาคม ฤดูร้อนค่อนข้างแห้งและอุณหภูมิยังถือว่าค่อนข้างเย็น มีระยะเวลา 2.8 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน ถึง 13 กันยายน บางครั้งอาจเรียกได้ว่าเป็น Modified Mediterranean เนื่องจากมีอากาศที่เย็นกว่า ในอเมริกาทำให้ซีแอตเทิลมีชื่อเสียงในเรื่องฝนตกบ่อย ในแต่ละปีโดยเฉลี่ยปริมาณน้ำฝนอย่างน้อย 0.01 นิ้ว (0.25 มม.) จะตกใน 150 วันมากกว่าเมืองเกือบทั้งหมดของสหรัฐฯทางตะวันออกของเทือกเขาร็อกกี
ช่วงที่อากาศแจ่มใสที่สุดของปีในซีแอตเทิลเริ่มประมาณ 13 มิถุนายน และนาน 3.8 เดือน สิ้นสุดประมาณ 8 ตุลาคม วันที่ 3 สิงหาคม วันที่อากาศแจ่มใสที่สุดของปี ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ปลอดโปร่งเป็นส่วนใหญ่ หรือมีเมฆเป็นบางส่วน 75% ของเวลาทั้งหมด และมีเมฆมากหรือมีเมฆมากเป็นส่วนใหญ่ 25% ของเวลาทั้งหมด ส่วนที่มีเมฆมากขึ้นของปี เริ่มประมาณ 8 ตุลาคม และสิ้นสุดประมาณ 13 มิถุนายน วันที่ 19 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่เมฆมากที่สุดของปี ท้องฟ้าครึ้มหรือมีเมฆมากเป็นส่วนใหญ่ 72% ของเวลา และอากาศปลอดโปร่งเป็นส่วนใหญ่ หรือมีเมฆเป็นบางส่วน 28% ของเวลาทั้งหมด
การศึกษาในเมืองซีแอตเทิล
การศึกษาในซีแอตเทิลเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของชาวซีแอตเทิล ประชากรในเมืองสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปร้อยละ 91.9 (เทียบกับร้อยละ 84.5 ทั่วประเทศ) นอกจากสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพสูง ระบบการศึกษาเมืองซีแอตเทิล และเมืองอื่นๆ ในรัฐวอชิงตันยังมีคุณภาพสูงมาก มีหลักสูตรการศึกษาสำหรับผู้สูงวัย และมีระบบการศึกษาแบบ Homeschooling จึงทำให้เมืองซีแอตเทิล เป็นเมืองที่มีอัตราการรู้หนังสือมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา (จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Central Connecticut State University)
University และ College
ซีแอตเทิลเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา นั่นคือมหาวิทยาลัยวอชิงตัน University of Washington นอกจากคุณภาพการศึกษาที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่งเช่น Seattle University และ Seattle Pacific University
Seattle College เป็นกลุ่มวิทยาลัยชุมชนที่ประกอบด้วย 3 วิทยาลัย คือ Seattle Central College, North Seattle College, และ South Seattle College และมีศูนย์วิจัยเฉพาะทางอีก 5 แห่ง ครอบคลุมทั่วพื้นที่เมืองซีแอตเทิล
ระบบขนส่งสาธารณะในซีแอตเทิล
- BUS King County Metro ให้บริการระบบรถโดยสารประจำทางในเมืองโดยมีการหยุดรถและเส้นทางต่างๆ ทั่วซีแอตเทิลเป็นประจำ ทุกวิทยาเขตสามารถเข้าถึงได้โดยรถบัส
- TRAIN ซีแอตเทิลนำเสนอรถไฟฟ้ารางเบา Link จากสนามบิน Sea-Tac ที่วิ่งผ่านทางใต้ของซีแอตเทิล ตัวเมือง Capitol Hill และจนถึงมหาวิทยาลัยวอชิงตัน
- FERRY เรือข้ามฟากของรัฐวอชิงตันเสนอบริการสัญจรตลอดทั้งวันไปยังเกาะและเมืองต่างๆ รอบ Puget Sound
- BIKE การขี่จักรยานเป็นวิธีการเดินทางยอดนิยมในซีแอตเทิล บริษัทแชร์จักรยานหลายแห่งให้บริการสำหรับผู้ที่ไม่มีจักรยานเป็นของตัวเอง
- TRAM ปัจจุบันซีแอตเทิลมีรถราง (รถราง) สองสาย คนหนึ่งเดินทางผ่านย่าน First Hill และอีกแห่งหนึ่งระหว่าง South Lake Union และตัวเมือง
- WATER TAXI คิงเคาน์ตี้ให้บริการแท็กซี่น้ำ (วอล์คออนเท่านั้น) ระหว่างเวสต์ซีแอตเทิลและตัวเมืองซีแอตเทิล และระหว่างเกาะวาชอนและตัวเมืองซีแอตเทิล
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเมืองซีแอตเทิล
- Space Needle – สร้างขึ้นสำหรับงาน World’s Fair ปี 1962 เป็นหอคอยที่มีความสูง 605 ฟุต ปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
- Seattle Center Monorail – ของที่ระลึกจากงาน World’s Fair อีกชิ้นหนึ่ง ที่เชื่อมโยงระหว่าง Space Needle และสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นอื่นๆ อีกหลายแห่ง เส้นทางประมาณหนึ่งไมล์
- Museum of Pop Culture (MoPOP) – พิพิธภัณฑ์จัดแสดงดนตรี นวนิยาย และวัฒนธรรมป๊อบสุดน่าสนใจ เป็นที่รวบรวม
- Pacific Science Center – ศูนย์วิทยาศาสตร์แปซิฟิค สำรวจกาแลคซี่ทั้งใกล้และไกลในท้องฟ้าจำลอง ใกล้ชิดกับสิ่งมีชีวิตหลากสีสันใน Tropical Butterfly House บังคับลูกบอลหินแกรนิตขนาด 2 ตัน และการทดลองสนุกๆ อีกมากมาย
- Chihuly Garden and Glass – พิพิธภัณฑ์แห่งนี้อุทิศให้กับการทำงานและอาชีพของ Dale Chihuly นักเป่าแก้วที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นคอลเล็กชั่นงานศิลปะที่ครอบคลุมที่สุดจนถึงปัจจุบัน โดยมีแกลเลอรีภายในที่มีผลงานหลากหลายในรูปแบบสื่อ pièce de résistance เป็นเรือนกระจกที่มีประติมากรรมยาว 100 ฟุตสีสันสดใสในเฉดสีแดง สีส้ม และสีเหลืองที่ห้อยลงมาจากเพดาน
- Pike Place Market – เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟสตาร์บัคส์ดั้งเดิมที่มีชื่อเสียง มีร้านค้าบูติกที่มีช่างฝีมือท้องถิ่นกว่า 225 คนที่ขายสินค้าของตน และมีการแสดงเปิดหมวยระหว่างสองข้างถนน
- Seattle Art Museum – พิพิธภัณฑ์ศิลปะซีแอตเทิล เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซึ่งมีอายุย้อนไปถึงช่วงทศวรรษที่ 1930 และจัดแสดงคอลเล็กชันงานศิลปะที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมหลายยุคสมัยและตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ อย่าลืมใช้เวลาเยี่ยมชม Olympic Sculpture Park ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายกลางแจ้งของพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ฟรีที่ริมน้ำประมาณหนึ่งไมล์
- Central Public Library – หอสมุดกลางซีแอตเทิลที่รายล้อมด้วยกระจกมากมาย เมื่อเรียงต่อกัน สามารถครอบคลุมสนามฟุตบอลมากกว่าห้าแห่ง
- Smith Tower – เยี่ยมชมตึกระฟ้าแห่งแรกของเมือง ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1914 และลองขึ้นลิฟต์ที่เก่าแก่ซึ่งเป็นระบบแมนนวล เพื่อไปยังหอดูดาวบนชั้น 35 ซึ่งมีทิวทัศน์แบบ 360 องศา การจัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครที่สร้าง Smith Tower อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ขณะที่บาร์ Temperance ในธีม Prohibition ของหอคอยให้บริการค็อกเทลตามธีม
- Seattle Aquarium – พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซีแอตเทิลที่ท่าเรือ 59 ริมน้ำ เรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับปลาแซลมอน พบกับนากทะเลที่น่ารักสองสามตัว และทักทายสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดในมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งแต่ปลาปักเป้าไปจนถึงหอยขนาดยักษ์ ดูนักดำน้ำให้อาหารปลา จ้องมองฉลามที่แหวกว่ายอยู่เหนือศีรษะในโดมใต้น้ำ และสัมผัสดอกไม้ทะเล
- Washington State Ferries – การโดยสารเรือข้ามฟาก Puget Sound เป็นประสบการณ์ที่สำคัญในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งจากหัวเรือในขณะที่คุณล่องเรือไปยังชุมชนใกล้เคียงของเกาะเบนบริดจ์หรือเบรเมอร์ตัน นี่เป็นหนึ่งในกรณีที่การเดินทางนั้นสนุกพอๆ กับจุดหมายปลายทาง
- Museum of Flight – ผู้ที่ชื่นชอบการบินโปรดทราบ Museum of Flight เป็นพิพิธภัณฑ์การบินเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นอากาศและอวกาศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีสิ่งต่างๆ ให้ดูมากมาย เช่น เครื่องบินสำรวจดวงจันทร์ของโบอิ้งและ Air Force One จากยุคไอเซนฮาวร์ รวมถึงทัวร์การฝึกกระสวยอวกาศของ NASA และโปรแกรมจำลองการบินเสมือนจริง
- Woodinville Wine Country – ด่านเก็บไวน์ของ Western Washington อยู่ใน Woodinville เมืองที่มีเสน่ห์ ขับรถเพียง 30 นาทีจากตัวเมืองซีแอตเทิล มีโรงบ่มไวน์และห้องชิมมากกว่า 100 แห่ง รวมถึง Chateau Ste. Michelle ซึ่งเป็นโรงบ่มไวน์แห่งแรกของรัฐวอชิงตัน
- The Future of Flight Aviation Center & Boeing Tour – เยี่ยมชมโรงงานโบอิ้งที่ทำงานอยู่ ซึ่งเป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามปริมาณ เพื่อดูเครื่องบิน 747s, 777 และ Dreamliners ที่กำลังสร้าง หลังจากสำรวจโรงงานแล้ว เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความก้าวหน้าของเครื่องบิน ตั้งแต่เชื้อเพลิงเจ็ทไปจนถึงระบบความบันเทิงในเที่ยวบินที่ศูนย์การบินแห่งอนาคต
- Pioneer Square – ย่านใจกลางเมืองดั้งเดิมของซีแอตเทิลเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ที่สวยงามในสไตล์ฟื้นฟูโรมาเนสก์ ทัวร์ใต้ดินที่จะพาคุณไปตามท้องถนนเพื่อชมซากอาคารแรกๆ ของเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่ ตลอดจนร้านค้าและร้านอาหารสุดฮิปที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ใช้เวลาช่วงบ่ายหรือมากกว่านั้นเพื่อสำรวจอาคารที่ปกคลุมด้วยไม้เลื้อยของ Pioneer Square และแวะเข้าไปในบาร์ ร้านบูติก และอัญมณีที่ซ่อนอยู่ เช่น Waterfall Garden Park
- Chinatown-International District – ประตูไชน่าทาวน์อันวิจิตรตระการตายินดีต้อนรับ ภายในย่านแห่งนี้มีอาหารเอเชียที่น่าทึ่งตั้งแต่เฝอไปจนถึงซูชิ แวะไปที่พิพิธภัณฑ์ Wing Luke ซึ่งอุทิศให้กับประสบการณ์เอเชียแปซิฟิกอเมริกัน และเลือกซื้อขนมญี่ปุ่นและของขวัญน่ารักที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต Uwajimaya
ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม
เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”
บริการของเรามีอะไรบ้าง ?
- ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
- เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
- บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า
- บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
- เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
- บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, NIB, Allianz, Orbit และอื่นๆ
- บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
- บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล
“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558, 088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.