Last updated มิถุนายน 9, 2022 ago by Thebestedu

ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นจุดหมายปลายทางด้านการศึกษาอันดับ 1 ระบบการศึกษาของอเมริกา เนื่องจากมีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก มีมหาวิทยาลัยเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย หลักสูตรและงานวิจัยที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับโลกมากมาย จึงทำให้นักศึกษาต่างชาติทั่วโลกที่มีความสามารถ สนใจเดินทางมาเรียนต่อเพื่อหาโอกาสและใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา

สำหรับนักเรียนในประเทศไทยที่ต้องการเดินทางไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา หลังจาก ที่ทางสถาบัน หรือมหาวิทยาลัยตอบรับเข้าเรียนแล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อจากนี้คือการยื่นวีซ่า เพื่อขอเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียนต่อ ซึ่ง “การสัมภาษณ์วีซ่า” เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญในการยื่นขอวีซ่า ศูนย์ฯ เดอะเบสท์จึงได้รวบรวมข้อมูลจากประสบการณ์ของเรา เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังเตรียมตัวสัมภาษณ์วีซ่า เทคนิคการเตรียมตัว การตอบคำถามให้มีโอกาสวีซ่าผ่านมากที่สุด โดยสามารถศึกษาต่อได้ในบทความนี้เลยค่ะ

คำแนะนำเกี่ยวกับการสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนอเมริกา


ประเทศสหรัฐอเมริกา หรืออเมริกา (United State of America หรือ USA) เป็นประเทศแห่งเสรีภาพ และโอกาสที่เปิดกว้าง  ทุกๆ ปี มีนักเรียน นักศึกษาต่างชาติเดินทางมาเรียนต่ออเมริกากว่า 4 แสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เลือกเรียนต่อในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท เหตุผลหลักในการเลือกเรียนต่ออเมริกาคือ เพื่อโอกาส และความก้าวหน้าในอนาคต เนื่องจากประเทศอเมริกาเป็นชั้นนำด้านการเรียนต่อ มหาวิทยาลัยระดับโลกหลายแห่ง เช่น MIT, Stanford University, Harvard University มีมาตรฐานทางวิชาการสูง การเรียนการสอนเข้มงวด เน้นวิชาการและงานวิจัย มีหลักสูตรการศึกษาทุกหลักสูตร 

นักเรียนต่างชาติ ที่เดินทางมาเรียนที่อเมริกามักจะถือวีซ่านักเรียน F เป็นหลัก ซึ่ง เงื่อนไขของวีซ่า F คือ อนุญาตให้ชาวต่างชาติ ซึ่งไม่ใช่พลเมืองของอเมริกา หรือสัญชาติอเมริกา สามารถเดินทาง และศึกษาในอเมริกาได้ และหลังเรียนจบเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีวีซ่านักเรียนประเภทอื่นๆ เช่น M และ J ซึ่งแต่ละประเภท มีเงื่อนไขแตกต่างกัน ดังนี้

ประเภทของวีซ่านักเรียนอเมริกา

วีซ่านักเรียนอเมริกา แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ F M และ J

  • วีซ่าประเภท F วีซ่าประเภทนี้เป็นวีซ่าหลักที่ออกให้แก่นักเรียนส่วนใหญ่ ในกรณีที่ต้องการเข้าเรียนในสหรัฐอเมริกาตามสถานศึกษาที่ผ่านการรับรองแล้วเช่น วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่ผ่านการรับรอง โรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษา หรือโปรแกรมสอนภาษาอังกฤษที่ผ่านการอนุมัติ ผู้สมัครต้องมีวีซ่าประเภท F-1 รวมไปถึงผู้ที่ต้องการเข้าเรียนในหลักสูตรอื่นๆที่มากกว่า 18 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็ต้องใช้วีซ่าประเภท F-1 เช่นกัน
  • วีซ่าประเภท M ในกรณีที่มีความประสงค์จะเข้ารับการศึกษาในด้านวิชาชีพ หรือด้านอื่นๆที่นอกเหนือจากด้านวิชาการ หรือเข้าฝึกอบรมใดๆที่จัดโดยสถาบันในสหรัฐอเมริกา ผู้สมัครจะต้องมีวีซ่าประเภท M-1
  • วีซ่าประเภท J เป็นวีซ่าที่ออกให้ผู้ได้รับทุนสนับสนุนจากองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษา มีภาระผูกพันที่จะต้องเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด เช่น นักเรียนโครงการแลกเปลี่ยน และรวมถึง ผู้ที่เข้าร่วมโครงการ Work and Travel หรือ Au-Pair
ประเภทและระดับการศึกษา ประเภทของวีซ่า
University or College มหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย F
High School โรงเรียนมัธยม
Private elementary school โรงเรียนประถมศึกษาเอกชน
Seminary โรงเรียนสอนศาสนา
Conservatory โรงเรียนสอนดนตรี
Another academic institution, including a language training program สถาบันการศึกษาประเภทอื่นรวมถึงโปรแกรมสอนภาษา
Vocational or other recognized nonacademic institution, other than a language training program สถาบันสอนวิชาชีพหรือสถาบันสอนอื่นๆที่ไม่ใช่วิชาการรวมทั้งสถาบันอื่นที่ไม่ใช่โปรแกรมสอนภาษา M

Exchange Visitor Programs ผู้ได้รับทุนสนับสนุนจากองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษา มีภาระผูกพันที่จะต้องเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด

J

ขั้นตอนในการยื่นคำร้องขอวีซ่านักเรียน

ต่อไปนี้คือขั้นตอนในการยื่นขอวีซ่านักเรียนสหรัฐอเมริกาที่ผู้สมัครทุกคนจะต้องเตรียมตัวและปฏิบัติตาม หากต้องการทำให้การสมัครเรียนและยื่นวีซ่าเป็นเรื่องง่าย สามารถติดต่อเดอะเบสท์ เพื่อขอคำแนะนำปรึกษาเพิ่มเติมได้เลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 กรอกใบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว DS-160 
ขั้นตอนที่ 2 ชำระค่าธรรมเนียมในการยื่นคำร้องขอวีซ่า จำนวน 160 เหรียญสหรัฐ
ขั้นตอนที่ 3

ทำการนัดสัมภาษณ์วีซ่าผ่านเว็บไซต์ คุณจะต้องใช้ข้อมูลต่อไปนี้ในการทำนัดสัมภาษณ์

  • หมายเลขหนังสือเดินทางของคุณ
  • หมายเลขใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า
  • หมายเลขบาร์โค้ดสิบ (10) หลักที่ระบุไว้บนหน้ายืนยันแบบฟอร์ม DS-160
ขั้นตอนที่ 4

เดินทางไปทีสถานทูตสหรัฐฯและสถานกงสุลในประเทศไทย ตามวันและเวลาที่คุณมีนัดสัมภาษณ์ คุณต้องนำใบยืนยันนัดสัมภาษณ์ ใบยืนยัน DS-160 ของคุณ รูปถ่ายที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือนหนึ่งใบ หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันและเล่มเก่าทั้งหมด และใบเสร็จการชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าตัวจริงมาด้วย คำร้องที่ไม่มีเอกสารทั้งหมดข้างต้นจะไม่ได้รับการพิจารณา

สถานทูตอเมริกา กรุงเทพฯ ประเทศไทย แผนกกงสุล

  • ที่อยู่: 95 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 ประเทศไทย
  • แฟกซ์: +66 2 254 1171
  • เว็บไซต์: http://th.usembassy.gov/
  • อีเมล: visasbkkiv@state.gov

สถานกงสุล จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย

ขั้นตอนการเดินทางยื่นขอวีซ่ากับสถานทูตสหรัฐฯ และสถานกงสุลในประเทศไทย

ขั้นตอนที่ 1 เดินทางไปถึงสถานทูตสหรัฐฯ หรือสถานกลสุลก่อนเวลานัดหมายอย่างน้อย 30 นาที (ไม่จำเป็นต้องมาก่อนเวลานานเกินไป) เวลาที่แสดงบนจดหมายนัดคือเวลาที่ควรมาถึงหน้าสถานทูตฯ มิใช่เวลาที่จะได้รับการสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุล
ขั้นตอนที่ 2

ตรวจสอบความเรียบร้อยและความปลอดภัย

  • ผู้สมัครจะต้องผ่านการตรวจสอบความเรียบร้อยและความปลอดภัย ได้แก่ นำสัมภาระติดตัวผ่านเครื่องสแกน เดินผ่านเครื่องสแกนวัตถุโลหะ ผู้สมัครควรนำแค่สิ่งของที่จำเป็นติดตัวมาในวันที่สัมภาษณ์
  • ผู้สมัครสามารถนำโทรศัพท์มาได้เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น โดยจะต้องฝากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไว้ ทางสถานทูตฯ และพนักงานรักษาความปลอดภัยจะไม่รับผิดชอบหากเกิดการสูญหายหรือเกิดความเสียหายใดๆ กับโทรศัพท์มือถือของท่านในขณะที่ฝากไว้กับพนักงานรักษาความปลอดภัย
ขั้นตอนที่ 3

นั่งรอเรียกตามเวลานัดสัมภาษณ์ด้านหน้าบูธ 

  • ยื่นหนังสือเดินทางให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำบูธ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและคืนหนังสือเดินทางมาพร้อมกับหมายเลขการจัดส่ง (แทร็กกิ้ง) ของไปรษณีย์ไทย
ขั้นตอนที่ 4

ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลและเอกสารที่หน้าต่าง 15

  • หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่ประจำบูธแล้ว ให้ผู้สมัครเข้าไปยังห้องรับรองการสัมภาษณ์ จากนั้นไปต่อแถวรอติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลและเอกสารที่หน้าต่าง 11-15
  • พิมพ์ลายนิ้วมือทั้งสองข้าง (4 นิ้วมือ ข้างซ้ายและขวา และ 2 นิ้วโป้ง)  ทั้งนี้ผู้สมัครบางรายอาจจะไม่ต้องทำการบันทึกลายนิ้วมือ ซึ่งได้แก่:
    • ผู้สมัครที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจราชการของรัฐบาล ยกเว้นผู้สมัครวีซ่าประเภท A-3 และ G-5 ไม่ต้องทำการพิมพ์ลายนิ้มมือ
    • ผู้สมัครที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี หรืออายุเกิน 79 ปี ไม่ต้องทำการพิมพ์ลายนิ้มมือ
ขั้นตอนที่ 5

ยืนยันลายนิ้วมือ

  • ติดต่อที่หน้าต่าง 10 เพื่อยืนยันลายนิ้วมือ
  • หลังจากยืนยันลายนิ้วมือเรียบร้อย ให้ผู้สมัครไปต่อแถวรอสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่กงสุล

ตัวอย่าง VDO ขั้นตอนการสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีขั้นตอนเหมือนกับสัมภาษณ์วีซ่านักเรียน

5 ข้อ ที่ต้องเตรียมตัวสัมภาษณ์วีซ่านักเรียน

เมื่อผู้สมัครวีซ่า F กรอกเอกสารทั้งหมดสำหรับการยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปในการพิจารณาคุณสมบัติคือ “การสัมภาษณ์วีซ่านักเรียน” ในการสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนแต่ละครั้ง ผู้สมัครจะมีเวลาเข้าสัมภาษณ์เพียงแค่ 3 – 5 นาที โดยเนื้อหาสัมภาษณ์จะเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของผู้สมัครวีซ่า (บางกรณีไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์หากนักเรียนอายุต่ำกว่า 13 ปี หรืออายุมากกว่า 80 ปี) โดยทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ได้สรุปการเตรียมตัวสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนอเมริกา ดังนี้

1. การเตรียมตัวด้านภาษาอังกฤษ

การสัมภาษณ์วีซ่า F1 ทั้งหมดจะดำเนินการเป็นภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นควรเตรียมความพร้อมด้านการแนะนำตัวและตอบคำถามภาษาอังกฤษก่อนการสัมภาษณ์ให้เชี่ยวชาญ การฝึกฝนกับเจ้าของภาษาจะช่วยสร้างความมั่นใจได้มากที่สุด แต่ในกรณีที่ผู้สมัครขอวีซ่าเพื่อมาเรียนภาษาอังกฤษที่สหรัฐอเมริกาแบบเข้มข้น จะต้องสามารถอธิบายได้ว่าภาษาอังกฤษจะมีประโยชน์อย่างไรสำหรับผู้สมัครในประเทศบ้านเกิดของตนเอง

ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะสามารถสื่อสารภาษาไทย แต่ผู้สมัครควรพยายามที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษเนื่องจากจะแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะสื่อสาร สามารถตอบคำถามได้ตราบเท่าที่เจ้าหน้าที่เข้าใจ โดยไม่จำเป็นต้องออกเสียง สำเนียงคล่องแคล่ว เพียงแค่สามารถสื่อสารและตอบคำถามได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่ายทั้งสองฝ่าย

2. การเตรียมตัวด้านข้อมูลสำหรับตอบคำถาม

ผู้สมัครวีซ่าจะต้องศึกษาข้อมูลด้านการเรียนอย่างละเอียด เช่น สถาบันการศึกษาที่ลงเรียนตั้งอยู่ที่ไหน หลักสูตรที่ได้ลงทะเบียนไว้หลักสูตรอะไร วัน และเวลาเปิดเรียน เจ้าหน้าที่อาจถามข้อมูลเกี่ยวกับที่พัก และการใช้ชีวิตที่อเมริกา หรือ ข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายหลังสำเร็จการศึกษา ซึ่งควรตอบให้สอดคล้องกับแบบฟอร์ม DS-160 ที่ได้ทำการกรอกข้อมูลลงไป เพราะเนื่องจากเป็นแบบฟอร์มที่เป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาวีซ่า และจะถูกนำมาพิจารณาร่วมกับการสัมภาษณ์

ผู้สมัครวีซ่า ควรจำให้ได้ว่าได้กรอกข้อมูลอะไรลงไปในแบบฟอร์ม DS-160 ยกตัวอย่างเช่น ที่อยู่ อาชีพปัจจุบัน รายได้ต่อเดือน ประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ข้อมูลการศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาดังที่กล่าวไปข้างต้น หากในแบบฟอร์มระบุว่ามีผู้ติดต่อที่อาศัยในสหรัฐอเมริกา จะต้องทราบที่อยู่ของผู้ติดต่อด้วย

3. การเตรียมตัวด้านการแต่งกาย

เมื่อเข้าไปถึงยังสถานที่สัมภาษณ์วีซ่า “ความประทับใจแรก” หรือ “First Impression” มีความสำคัญมากเนื่องจากจะเป็นการตอบคำถามเชิงอวัจนภาษาทันทีที่เจ้าหน้าที่เห็น เพราะฉะนั้นควรแต่งกายด้วยชุดสุภาพและเหมาะสมกับสภาพอากาศ สะอาด ใช้เครื่องประดับน้อยชิ้น และไม่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ติดตัว

เครื่องแต่งกายที่ถือว่าเป็นทางการคืออะไร?

  • เครื่องแต่งกายที่เป็นทางการสำหรับผู้ชายในสหรัฐฯประกอบด้วยเสื้อเชิ้ตกระดุมและกางเกงสแล็ค
  • เครื่องแต่งกายที่เป็นทางการสำหรับผู้หญิงในสหรัฐฯ ได้แก่ เสื้อเบลาส์และกางเกงสแล็คหรือเครื่องแต่งกายแบบทางการของอินเดีย

แต่งตัวให้เข้ากับสภาพอากาศและฤดูกาล

  • อย่าลืมสวมเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศเสื้อผ้าในสหรัฐฯมีสีตามฤดูกาล
  • สีพาสเทลเป็นงานในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนและสีเข้มจะสวมใส่ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว

เครื่องประดับให้น้อยชิ้นที่สุด

  • สำหรับผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ห้อยโหนหรือทำให้เสียสมาธิมากที่สุด
  • สำหรับผู้ชายควรหลีกเลี่ยงเครื่องประดับให้มากที่สุด
  • หากเป็นเครื่องประดับทางศาสนา ให้ใส่น้อยชิ้นที่สุดเท่าที่จะอนุญาต

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเสื้อผ้าของคุณสะอาดและเรียบร้อย

  • ควรรีดเสื้อผ้าเพื่อไม่ให้เกิดรอยยับ
  • ช่วงการรอการสัมภาษณ์อาจเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน ดังนั้น จึงแนะนำให้สวมเสื้อผ้าที่ปราศจากริ้วรอยหรือป้องกันรอยยับ
  • ควรระวังเวลานั่งพยายามอย่าพิงพนักพิงเพราะอาจทำให้เกิดรอยยับ

ทำให้ตัวเองดูสะอาด

  • หากใช้น้ำหอม แนะนำให้ใช้กลิ่นที่ดูสะอาด ไม่เข้มข้น หรือฉุนจนเกินไป

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้สมัครดูใกล้เคียงกับรูปถ่ายหนังสือเดินทางมากที่สุด

  • หากคุณสวมแว่นตาในรูปถ่ายหนังสือเดินทางให้สวมแว่นตาในการสัมภาษณ์
  • ไม่แนะนำให้ตัดผมที่แตกต่างจากรูปในหนังสือเดินทางของคุณอย่างมาก

ตัวอย่างการแต่งกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ชาย

ตัวอย่างการแต่งกายที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิง

4. การเตรียมตัวด้านการตอบคำถาม

ในการสัมภาษณ์วีซ่าแต่ละครั้ง อาจใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ดังนั้น ต้องเตรียมคำตอบให้ “สั้น กระชับ ได้ใจความ” มากที่สุดเพื่อที่จะได้มีเวลาตอบคำถามทั้งหมด เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่อาจจะตัดสินใจผลของการสมัครวีซ่าตั้งแต่นาทีหรือสองนาทีแรกของการสัมภาษณ์ ดังนั้นสิ่งที่ผู้สมัครพูดหรือความประทับใจครั้งแรกที่สร้างขึ้นจะมีความสำคัญต่อความสำเร็จของผู้สมัครอย่างมาก

5. การเตรียมตัวด้านบุคลิกภาพ เพิ่มมั่นใจในตนเองตอนสัมภาษณ์วีซ่า

  • บุคลิกภาพที่ดี จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้สมัคร การไปเรียนต่ออเมริกาคือความฝันและโอกาสที่ดี เพราะฉะนั้นควรมั่นใจ ไม่เครียด และมีความสุขกับตนเอง และสบตากับเจ้าหน้าที่ขณะให้สัมภาษณ์ มีการทักทายเล็กน้อย ทำให้เจ้าหน้าที่รับรู้ถึงความตั้งใจจริงของผู้สมัคร และมั่นใจว่าการอนุญาตให้ผู้สมัครไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาคือสิ่งที่สมควร
  • ควรตอบคำถามด้วยความรักและเคารพในตนเอง แสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นและโน้มน้าวให้ได้ว่าการเรียนต่อในครั้งนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้สมัคร และผู้สมัครจะเดินทางกลับหลังจากเรียนจบแน่นอน สิ่งสำคัญอีกอย่างคือผู้สมัครจะต้องรู้จักตนเองอย่างดี เมื่อเจ้าหน้าที่ต้องการทราบข้อมูลประวัติส่วนตัว การเรียน การทำงาน และการเงิน ผู้สมัครจะต้องสามารถให้ข้อมูลได้อย่างจริงและชัดเจน
  • หลักเลี่ยงใช้คำเชื่อมเดิมๆ เช่น “Like” หรือ “Umm” เวลาตอบคำถาม เนื่องจากทำให้แสดงถึงความไม่มั่นใจในคำตอบ และดูไม่เป็นทางการเท่าที่ควร วิธีการฝึกซ้อมที่ดีที่สุด ควรให้เพื่อนช่วยเป็นคู่ซ้อมสัมภาษณ์ให้ และให้เพื่อนนับความถี่ของการใช้คำเชื่อมเพื่อปรับปรุงการตอบคำถามให้ดีขึ้น
  • ในการสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนไม่จำเป็นต้องพาผู้ปกครองหรือสมาชิกในครอบครัวไปด้วย เจ้าหน้าที่จะสัมภาษณ์เพียงแค่ผู้สมัครเท่านั้น ไม่สัมภาษณ์สมาชิกในครอบครัว ยกเว้นในกรณีที่ผู้สมัครเป็นเยาวชนและสมัครเรียนระดับมัธยมศึกษา และได้รับการร้องขอให้ผู้ปกครองเข้าร่วมการสัมภาษณ์ด้วย เพื่อสอบถามเพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนทางการเงิน ผู้ปกครองถึงจะสามารถรอในห้อง Waiting Room ได้

ผู้สมัครต้องมีทัศนคติที่เป็นบวกแม้วีซ่าได้รับการปฏิเสธ

พยายามคิดบวกให้มากที่สุดตลอดการสัมภาษณ์เพื่อให้ดูสุภาพสงบและผ่อนคลาย ถึงแม้วีซ่าที่ได้รับจะห้ามผู้สมัครโต้แย้งกับเจ้าหน้าที่หากวีซ่าของตนได้รับการปฏิเสธ ทั้งนี้ การยื่นวีซ่านักเรียนอเมริกา สามารถยื่นใหม่ได้ ดังนั้น ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ แนะนำให้เตรียมความพร้อมตั้งแต่ครั้งแรกที่ยื่น หากต้องการคำปรึกษา หรือใช้บริการยื่นวีซ่าอเมริกา สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเดอะเบสท์ได้เลย

ตัวอย่างคำถามสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนสหรัฐอเมริกา

ในระหว่างการสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่วีซ่าจะพิจารณาว่าผู้สมัครมาที่สหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาต่อจริงหรือไม่ พวกเขาจึงต้องทำการสัมภาษณ์ผู้สมัครเพื่อพิสูจน์เจตนารมณ์ โดยการสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนแต่ละครั้ง มีความแตกต่างกัน และผู้สมัครหลายท่านจะได้รับประสบการณ์การสัมภาษณ์ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์ โดยเจ้าหน้าที่บางท่านอาจจะมีความเป็นทางการมาก ในขณะที่เจ้าหน้าที่บางท่านอาจจะทำให้ผู้สัมภาษณ์รู้สึกผ่อนคลาย โดยคำถามหลักจะเกี่ยวข้องกับหัวข้อ ดังนี้

1. คำถามเกี่ยวกับการเรียน สถาบันที่เรียน หลักสูตรที่เรียน และเป้าหมายในอนาคต

เจ้าหน้าที่จะถามคำถามเกี่ยวกับสถาบันที่กำลังศึกษา หลักสูตรที่วางแผนจะศึกษา เนื่องจากเป็นวัตถุประสงค์หลักในการขอวีซ่า ดังนั้น ควรเตรียมข้อมูลอย่างดีเกี่ยวกับหัวข้อการศึกษา นอกจากนี้ อาจรวมไปถึงอาชีพการงาน หรือเป้าหมายทางการศึกษาในอนาคตอีกด้วย หากไม่สามารถระบุเหตุผลที่จะเข้าศึกษาในสหรัฐอเมริกาได้อาจส่งผลให้วีซ่าถูกปฏิเสธ โดยทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ได้รวบรวมตัวอย่างคำถาม ที่จะช่วยให้เตรียมพร้อมดังนี้

ตัวอย่างคำถาม

  • What is the name of the college or university you are planning on going to and why did you choose to go to this specific university or college?
  • How many universities did you apply to and why?
  • What are the names of the universities you have applied to?
  • Did you get accepted by all of them?
  • What are the names of the universities you got accepted to?
  • What is the name of the university where you completed your undergraduate or graduated degree, and where is it?
  • Do you know your undergraduate Academic GPA or Percentage?
  • Let us know more about your university: Where is it, which degree did you study, or which degree are you planning on studying?
  • Tell us the name of the professors you are in contact with from the US university.
  • In what year did you get your Bachelor’s degree and from which university?
  • What are the reasons for you coming to study in the United States?
  • How long are you planning to stay in the United States?
  • Why did you apply to this university and not to another one? And how do you know about this university?
  • Tell us more about your academic background.
  • Are you also planning to study for a Master’s degree in the US after having completed your Bachelor’s degree?
  • The major which you are taking is also available at other universities, why did you decide to go to this university and not to one of the others?

2. คำถามเกี่ยวกับการเงิน ผู้สนับสนุนทางการเงิน และการใช้จ่ายเมื่ออาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา

ในส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญมาก และต้องเตรียมพร้อมให้ดี โดยเจ้าหน้าที่อาจต้องการทราบว่า ในระหว่างที่เรียนและอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา คุณจะใช้เงินจากไหน เป็นเงินส่วนตัว หรือมีผู้สนับสนุน และความสัมพันธ์ระหว่างผู้สมัครและผู้สนับสนุนเป็นอย่างไร เนื่องจาก การศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกามีค่าใช้จ่ายที่สูง นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายด้านการเรียน ยังมีค่าใช้จ่ายด้านค่าครองชีพด้วย โดยทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ได้รวบรวมตัวอย่างคำถาม ที่จะช่วยให้เตรียมพร้อมดังนี้

ตัวอย่างคำถาม

  • Who is paying for your education?
  • How are they able to pay for it? What is their professional background?
  • Tell us more about your father’s/mother’s job and income and how long they have been working for the company.
  • What is the monthly income of the person who is going to sponsor your studies?
  • Apart from that, tell us more about your sponsor’s annual income?
  • How much does your university cost for a year?
  • Does your sponsor pay for all of it or did you also get a loan?
  • Please show us your current bank statement.
  • If you are planning to stay for two or three years, how will you finance your education and your living?
  • On your bank statement, we can see large portions which only have been deposited recently. Please explain!

3. คำถามเกี่ยวกับการทำงาน

เจ้าหน้าที่มีสิทธิ์ถามเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา และโอกาสในอนาคตหากสำเร็จการศึกษาที่สหรัฐอเมริกา เช่น แผนการทำงานในอนาคต แผนการลงทุน ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ผู้สมัครต้องสามารถอธิบายแผนการกลับบ้านได้อย่างชัดเจนเมื่อเรียนจบจากสหรัฐอเมริกาแล้ว หากคู่สมรสของผู้สมัครยื่นขอวีซ่า F-2 ควบคู่ไปด้วย โปรดทราบว่าผู้อยู่ในการอุปการะหรือผู้ติดตามที่ถือวีซ่า F-2 นั้น จะไม่สามารถทำงานในสหรัฐอเมริกาได้ ไม่ว่ากรณีใดๆ หากถูกถามโปรดเตรียมคำตอบถึงสิ่งที่คู่สมรสของผู้สมัครตั้งใจจะทำในช่วงเวลาที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาให้ดี กิจกรรมที่อนุญาตให้คู่สมรสทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ได้แก่ การทำงานอาสาสมัครและเข้าร่วมกิจกรรมนอกเวลาหรือพาร์ทไทม์ของโรงเรียนเท่านั้น 

ตัวอย่างคำถาม

  • If you work, why do you plan to leave your current job in order to go abroad to study?
  • Please show us your CV or any other paper which shows your work experiences.
  • What is your salary at the moment?
  • Do you also have savings?
  • Once you have finished your studies, do you plan to stay in the United States to work?
  • Do you plan on working while studying?

4. คำถามเกี่ยวกับสถานะ และความสัมพันธ์ในครอบครัว 

สำหรับส่วนนี้ของการสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนคุณต้องจำคำตอบที่คุณให้ไว้ในแบบฟอร์ม DS160 ตัวอย่างเช่นหากคุณมีญาติอยู่ในสหรัฐอเมริกาให้บอกพวกเขาว่าคุณมีญาติอยู่ที่นั่น หากคู่สมรสและบุตรของผู้สมัครยังคงอยู่ในประเทศของตนเองอยู่ ให้เตรียมคำตอบด้วยว่าพวกเขาจะดูแลตนเองอย่างไรในช่วงระหว่างที่ผู้สมัครไม่อยู่ด้วย นี่อาจเป็นคำถามที่ยุ่งยากในกรณีที่ผู้สมัครเป็นผู้หารายได้หลักให้กับครอบครัว

หากเจ้าหน้าที่มีความรู้สึกว่าสมาชิกในครอบครัวต้องการให้ผู้สมัครส่งเงินจากสหรัฐอเมริกามาให้ เพื่อเลี้ยงดูพวกเขา แน่นอนว่าใบสมัครของผู้สมัครมีโอกาสสูงมากที่จะถูกตัดสินให้ได้รับการปฏิเสธวีซ่า ในกรณีที่ครอบครัวของผู้สมัครต้องการจะไปอยู่สหรัฐอเมริกากับผู้สมัครด้วยในภายหลัง จะต้องสมัครวีซ่าพร้อมกับผู้สมัครตั้งแต่ครั้งแรกจะดีที่สุด การโกหกมีแต่จะทำให้สิ่งต่างๆ แย่ลง และอาจทำให้มีปัญหามากมายสำหรับคำถามต่อไป โดยทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ได้รวบรวมตัวอย่างคำถาม ที่จะช่วยให้เตรียมพร้อมดังนี้

ตัวอย่างคำถาม

  • Do you have brothers and sisters? If yes, how many?
  • Are any of them living in the United States or do you have any other relatives who live in the United States?
  • Does your mother/father work? If they don’t, what do they do for a living?
  • Why does your brother/ sister live in the United States? What do they do here, do they work or study here?
  • What is your brother/sister doing in the United States and where? Would you also like to stay in the US to work?
  • Did your parents/brother/sister complete any studies? Which ones?
  • In which country and in which city do your parents live?
  • As we can see you have brothers and sisters, will your parents be able to afford your education abroad in the United States?
  • Do you have any relatives studying at the same university you are planning to go to?
  • Are you in a relationship?

5. คำถามเกี่ยวกับโอกาสหลังสำเร็จการศึกษา

ภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา ผู้สมัครวีซ่าแบบไม่ย้ายถิ่นฐาน (Non-Immigrant Visas) เมื่อโปรแกรมการศึกษาสิ้นสุดลง ผู้สมัครวีซ่าจะต้องวางแผนที่จะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดทันที โดยเจ้าหน้าที่สถานทูตจะพยายามตรวจสอบให้แน่ใจว่า ผู้สมัครไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะอพยพและอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร โดยการตอบคำถามจะต้องชี้แจงอย่างชัดเจนว่าไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ในสหรัฐอเมริกาหลังเรียนจบ เพราะไม่เช่นนั้น จะทำให้ขาดคุณสมบัติวีซ่านักเรียน และถูกปฏิเสธวีซ่าอย่างแน่นอน

โดยผู้สมัครสามารถใช้ “ความสัมพันธ์” กับประเทศบ้านเกิดของตนเอง เช่น งาน ครอบครัว โอกาสทางการเงินที่ผู้สมัครเป็นเจ้าของหรือจะได้รับมรดก หรือมีการลงทุน ในการชี้แจงกับเจ้าหน้าที่สถานทูต ถ้าผู้สมัครเป็นผู้ที่มีโอกาสวีซ่าผ่านสูงในมุมมองของเจ้าหน้าที่ ผู้สมัครอาจได้รับคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับความตั้งใจเฉพาะส่วนบุคคล เช่น สัญญาเกี่ยวกับการจ้างงานในอนาคต ครอบครัวหรือความสัมพันธ์อื่นๆ แผนระยะยาวและโอกาสในการทำงานกับประเทศบ้านเกิดของตนเอง ซึ่งสถานการณ์ของแต่ละคนจะแตกต่างกัน

ตัวอย่างคำถาม

  • I think you want to immigrate to the United States, or are you planning on going back home?
  • What are your plans after having completed your studies in the US?
  • How can you prove to us that you won’t stay in the US after the completion of your studies?
  • What are your career goals back home after your studies? Or are you planning on going somewhere else?
  • What are your expectations after having completed your studies and returning to your country?

6. คำถามอื่นๆ ที่สถานทูตมีสิทธิ์ถาม

ผู้สัมภาษณ์อาจพบคำถามหลากหลายประเภทนอกเหนือจากที่กล่าวมา โดยทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ได้รวบรวมตัวอย่างคำถาม ที่จะช่วยให้เตรียมพร้อมดังนี้

  • What are your reasons to study in the United States, why didn’t you choose to go to Canada or another country?
  • Tell me some positive things about the United States, why do you like the United States as a country?
  • Why do you want to do a Master’s or Ph.D. degree?
  • Can you tell me why your GRE/TOEFL scores are so low?
  • Tell us everything you know about the education and the education system in the US.
  • Why did you apply for a summer semester and not for the fall semester too?
  • Is it your first time in the US or have you visited before?
  • As you choose this specific university, do you happen to know anyone who studies there?
  • What are your plans if your student visa is not approved?
  • Are you planning to go home during your summer vacation?
  • We can see you got a scholarship, why do you think they gave it to you?
  • Why don’t you want to study in your home country?
  • Can you explain to us why you changed your field or career?
  • Why should we give you the possibility to study in the United States?
  • Do you think you deserve to get an F1 visa?

หลังจากเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์วีซ่า

หลังจากเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์วีซ่ากับทางเจ้าหน้าที่สถานทูต เรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครวีซ่าจะทราบผลวีซ่าทันที

หากวีซ่าผ่าน

เจ้าหน้าที่สถานทูตจะเก็บหน้าสือเดินทางเพื่อไปติดตราประทับวีซ่า พร้อมส่งคืนให้ทางไปรษณีย์ภายใน 3 – 7 วันทำการ โดยจะทำการจัดส่งตามที่อยู่ที่ได้เลือกไว้ตอนที่ทำการนัดหมายสัมภาษณ์วีซ่า

  • กรณีที่ไม่มีผู้รับหนังสือเดินทาง ที่ทำการไปรษณีย์จะเก็บหนังสือเดินทางของผู้สมัครไว้ 7 วันเท่านั้น หากไม่มีผู้รับในการจัดส่งครั้งแรก บริษัทไปรษณีย์ไทย จะส่งใบแจ้งรับพัสดุ ให้ผู้สมัครนำใบแจ้งเตือนมารับหนังสือเดินทางภายใน 7 วัน ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ที่ระบุไว้ในใบแจ้งเตือนนั้นก่อนเวลา 16.30 น.
  • หากผู้สมัครไม่มารับหนังสือเดินทางภายใน 7 วัน หนังสือเดินทางจะถูกส่งไปที่ ที่ทำการไปรษณีย์รองเมือง (สำหรับผู้สัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตสหรัฐฯกรุงเทพฯ) หรือ ที่ทำการไปรษณีย์เชียงใหม่ (สำหรับผู้สัมภาษณ์วีซ่าที่สถานกงสุลเชียงใหม่) ในวันจัดส่งที่ 8 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการติดต่อผู้สมัครเป็นครั้งสุดท้าย หากยังไม่มีผู้รับ หนังสือเดินทางจะถูกส่งคืน สถานทูต หรือ สถานกงสุล ที่ผู้สมัครยื่นสมัครวีซ่าในวันจัดส่งที่ 15 ต่อไป

หากวีซ่าไม่ผ่าน

เจ้าหน้าที่จะคืนหนังสือเดินทางให้ และจะไม่คืนค่าบริการยื่นวีซ่าทุกกรณี หากผู้สมัครประสงค์จะยื่นวีซ่าใหม่ จะต้องชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า และทำเรื่องนัดสัมภาษณ์วีซ่าอีกครั้ง


สำหรับผู้ที่ใช้บริการกับทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ในการยื่นวีซ่าอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นวีซ่านักเรียน หรือวีซ่าท่องเที่ยว ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะมีการซ้อมสัมภาษณ์โดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ผู้สมัครคุ้นเคยกับคำถาม และสามารถตอบคำถามได้อย่างหลากหลายสถานการณ์ เพื่อเพิ่มโอกาสวีซ่าผ่านมากที่สุด หากน้องๆ คนไหนที่กำลังวางแผนเรียนต่ออเมริกา อยากได้คำปรึกษาตั้งแต่สมัครเรียน เตรียมเอกสาร ยื่นวีซ่า ซ้อมสัมภาษณ์วีซ่า สามารถสอบถามข้อมูลกับทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ได้เลยค่ะ “เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebesteduหรือคลิ๊กเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน


บทความแนะนำเกี่ยวกับเรียนต่ออเมริกาที่ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ได้สรุปเรียบร้อยแล้ว วางแผนเรียนต่ออเมริกา แนะนำให้อ่าน

เรียนปริญญาตรีที่อเมริกา ไม่แพงอย่างที่คิด ทำความรู้จักกับระบบ 2+2 UNIVERSITY TRANSFER SYSTEM 

หลักสูตร 2 + 2 University Transfer System คือโปรแกรมการเรียนที่เกิดจากความร่วมมือของ Community College กับ University ในสหรัฐอเมริกา โดยที่นักเรียนใช้เวลา 2 ปีแรกเรียนที่ Community College และรับวุฒิ Associate’s Degree จากนั้นโอนหน่วยกิตมาเรียนต่อปีที่ 3 และ 4 ในมหาวิทยาลัยที่อเมริกาและรับวุฒิ Bachelor’s Degree ซึ่งโปรแกรมเรียนนี้จะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการเรียน 4 ปีเต็มที่มหาวิทยาลัย เนื่องจากค่าธรรมเนียมการศึกษาใน Community College จะไม่สูง สมัครเรียนเข้าง่ายกว่า มีโปรแกรมที่ช่วยเหลือนักเรียนด้านทักษะภาษาอังกฤษ มีห้องเรียนที่มีจำนวนผู้เรียนน้อยกว่า และมีการดูแลนักเรียนที่เข้มข้นจริงจัง เพิ่มเกรดเฉลี่ยก่อนเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตร 2+2 University Transfer System

มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกามีกี่ประเภท 

ประเทศสหรัฐอเมริกามีหลักสูตรเปิดสอนมากมาย ทั้งวิชาชีพ อนุปริญญา ปริญญา และเปิดสอนในสถาบันหลายประเภท ทั้งวิทยาลัย วิทยาลัยศิลปศาสตร์ วิทยาลัยศิลปะ วิทยาลัยชุมชน มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยวิจัย มหาวิทยาลัยเฉพาะทาง วิทยาลัย 2 ปีหรือ 4 ปี รวมถึงมีทั้งสถาบันการศึกษาที่เป็นของเอกชนและรัฐบาล คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา

สรุปข้อมูล วีซ่านักเรียนอเมริกา F-1 ทำงานระหว่างเรียนได้หรือไม่

นักเรียนต่างชาติส่วนใหญ่ในอเมริกาที่ถือวีซ่า F-1 อนุญาตให้ทำงานในอเมริกาได้ อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ของวีซ่านักเรียน F-1 คือ อนุญาตให้ผู้ที่ถือวีซ่า มาเรียนและอาศัยอยู่ในอเมริกาได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง การทำงานระหว่างเรียน เป็นเพียงสิทธิ์ที่ผู้ถือวีซ่านักเรียน F-1 สามารถขอได้ และต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนสำหรับวีซ่านักเรียนอเมริกา F-1 ทำงานระหว่างเรียนได้หรือไม่ เงื่อนไขเป็นอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง เรียนภาษาที่อเมริกาทำงานได้ไหม พร้อมโอกาสการทำงานหลังเรียนจบ | บทความนี้มีคำตอบ

ขยายโอกาสทางการศึกษา และโอกาสการทำงานหลังเรียนจบด้วยหลักสูตร STEM

ในสหรัฐอเมริกา วิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับสาขา STEM ถือว่ามีความสำคัญสูงมาก เนื่องจากหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้ประเทศพัฒนา เกี่ยวข้องกับหลักสูตร STEM ทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำระดับโลก ในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่ควรมาเรียนหลักสูตร STEM ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตร STEM คืออะไร เรียนต่อสาขาอะไรดี อาชีพไหนรายได้ดี วางแผนเรียนต่อต้องไม่พลาด

แนะนำทางลัดเรียนจบป.ตรี ก่อนอายุ 20 กับโครงการ INTERNATIONAL HIGH SCHOOL COMPLETION

โครงการที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้เรียนต่อในระดับอุดมศึกษาในอเมริการวดเร็วขึ้น โดยระบบการศึกษาในรัฐวอชิงตัน นักเรียนมัธยมปลายที่มีคุณสมบัติ และมีความรับผิดชอบ สามารถข้ามการเรียนในระดับมัธยมปลาย 2 ปีสุดท้ายใน Grade 10 – 11 (หรือนักเรียนไทยต้องเรียนจบ ม.3 ขึ้นไป) เมื่อเข้าเรียนโปรแกรมนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้เรียนต่อในวุฒิอนุปริญญา หรือที่เรียกว่า Associate Degree (หรือหลักสูตร 2+2 Transfer Program) ในสาขาที่ตนเองต้องการเรียนต่อ โดยในขณะที่เรียนวิชาของ Associate Degree ก็จะได้รับหน่วยกิตของหลักสูตรมัธยมปลายของรัฐวอชิงตันด้วย หรือทำความเข้าใจง่ายๆ คือ เรียน 1 วิชา แต่ได้รับเครดิต 2 วิชา ทำให้เมื่อสำเร็จการศึกษา ผู้เรียนจะได้รับวุฒิการศึกษา 2 วุฒิการศึกษา คือ อนุปริญญา (Associate Degree) ควบคู่ไปกับหลักสูตรมัธยมปลาย (High School Program) ที่ออกให้โดยออกให้โดยรัฐ Washington State ประเทศสหรัฐอเมริกา และสามารถโอนหน่วยกิตเพื่อเรียนต่อสมัครเรียนต่อปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยในอเมริกาอีกแค่ 2 ปี ในปีที่ 3 – 4 ปี ซึ่งจะช่วยให้เรียนจบปริญญาตรีได้ในอายุ 20 ปี คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตร International High School Completion วางแผนเรียนต่อต่างประเทศ อยากประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย เรียนจบเร็ว พร้อมทำงาน ต้องไม่พลาดโครงการนี้

 


ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม

เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”

บริการของเรามีอะไรบ้าง ?

  • ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
  • เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
  • บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า 
  • บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
  • เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
  • บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, NIB, Allianz, Orbit และอื่นๆ
  • บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
  • บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล

 

 

“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน

1 ความเห็น


Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.