Last updated มีนาคม 27, 2024 ago by Thebestedu

เรียนต่อเยอรมัน ทำงานระหว่างเรียนได้หรือไม่


ประเทศเยอรมัน หรือ เยอรมนี เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก และใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป อัตราการว่างงานอยู่ในกลุ่มที่ต่ำที่สุดในสหภาพยุโรปโดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.8% หลายๆ เมืองเช่น มิวนิก หรือเบอร์ลิน มีอัตราว่างงานที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาก เนื่องจากบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่ง ตั้งอยู่ในเยอรมนี ประกอบกับระบบการศึกษา ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาต่าชาติ (รวมถึงนักเรียนไทย) ได้เรียนในระดับอุดมศึกษาโดยไม่มีค่าธรรมเนียมการศึกษา หรือมีค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อยประมาณ €250 นอกจากนี้ ระบบสวัสดิการก็เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนอย่างดีเยี่ยม และคุณภาพชีวิตของประเทศเยอรมนีก็ติด 1 ใน 10 ประเทศที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในโลก ประเทศเยอรมนีจึงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้กำลังมองหาโอกาสในการทำงานต่างประเทศ และคุณภาพชีวิตที่ดี

นอกจากนี้นักศึกษาต่างชาติในเยอรมนี จะได้รับโอกาสในการทำงานระหว่างเรียน เพื่อพัฒนาทักษะ ประสบการณ์ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายส่วนตัว ถึงแม้ว่าค่าครองชีพในเยอรมนีถือว่าไม่แพงและสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของประเทศในเครือสหภาพยุโรป แต่อย่างไรก็ตาม การทำงานระหว่างเรียน หรืองานพาร์ทไทม์ เป็นสิ่งที่นักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่เลือกทำซึ่งมีมากมายในประเทศเยอรมนี โดยนักศึกษาต่างชาติ 2 ใน 3 เลือกที่จะทำงานระหว่างเรียน ในบทความนี้ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะขออธิบายเกี่ยวกับข้อกำหนด และเงื่อนไข สำหรับการทำงานระหว่างเรียนที่ประเทศเยอรมนี

ติดต่อ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ หากต้องการวางแผนเรียนภาษา เพื่อการเรียนต่อปริญญาตรี และปริญญาโทในประเทศเยอรมัน

ติดต่อ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ หากต้องการวางแผนเรียนภาษา เพื่อการเรียนต่อปริญญาตรี และปริญญาโทในประเทศเยอรมัน

  1. ติดต่อ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ โดยการกรอกแบบฟร์อมด้านล่าง เพื่อขอคำแนะนำการวางแผนเรียนภาษา เพื่อการเรียนต่อปริญญาตรี และปริญญาโทในประเทศเยอรมัน หลังจากนั้น ทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะติดต่อกลับเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
  2. บริการตรวจเช็คเอกสารให้ฟรี พร้อมแนะนำสถาบันสอนภาษาเยอรมัน และเส้นทางการเข้าเรียนปริญญาตรีที่เยอรมัน ให้เหมาะสมกับผู้เรียนรายบุคคล ตัวอย่างที่ 1 (คลิก) สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเรียนระดับปริญญาตรี ตัวอย่างที่ 2 (คลิก) สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเรียนระดับปริญญาโท
  3. หากตกลงเลือกเส้นทางการเรียนเรียบร้อยแล้ว ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะเริ่มดำเนินการสมัครเรียน ขอเอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี) รวมถึงเตรียมเอกสารดำเนินการเรื่องวีซ่าด้วย
  4. หลังจากสถาบันการศึกษาตอบรับเข้าเรียนแล้ว ทางโรงเรียนจะส่งเอกสารตอบรับ Acceptance Letter ที่ออกโดยสถาบันการศึกษาของเยอรมัน โดยเอกสารตอบรับเข้าเรียน จะชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมด ทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะนำมาสรุปค่าใช้จ่าย และคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินไทย ณ วัน เวลา ที่โอนเงิน 
  5. เมื่อชำระค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้ว ทางสถาบันการศึกษา จะส่งจดหมายตอบรับเข้าเรียน ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะใช้จดหมายนี้ เพื่อนำไปยื่นวีซ่าในขั้นตอนต่อไป
  6. ในระหว่างที่เรียนภาษาที่เยอรมัน ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ และสถาบันสอนภาษาในประเทศเยอรมัน จะประสานงานกัน และให้ความช่วยเหลือผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ในเรื่องการเรียน การใช้ชีวิต รวมถึงการสอบวัดระดับภาษาเยอรมัน (Goethe B2, telc B2, TestDaF หรือ telc C1 Hochschule) เพื่อให้เป็นไปตามแผนการเรียน
  7. เมื่อสำเร็จการศึกษาภาษาเยอรมัน ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ และสถาบันสอนภาษาในเยอรมันจะช่วยเหลือในขั้นตอนการสมัคร Studienkolleg หรือ ช่วยตรวจสอบเอกสารก่อนยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย 

“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่อง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร :090-327 3558088-269 5099
Email : contact@thebest-edu.com
Line :@thebesteduหรือคลิ๊กเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน


นักศึกษาต่างชาติ สามารถทำงานระหว่างเรียนในเยอรมนีได้ไหม?

สามารถทำได้ การทำงานระหว่างเรียน หรืองานพาร์ทไทม์ที่ประเทศเยอรมนี มีความยืดหยุ่นมาก แต่ก็มีเงื่อนไข และกฏที่ต้องปฏิบัติ โดยประเทศเยอรมนี ได้แบ่งนักศึกษาต่างชาติออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนักศึกษาต่างชาติในประเทศสมาชิก EU, EEA และ Switzerland และ กลุ่มนักศึกษาต่างชาตินอกประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป Non-EU Nationals

นักศึกษาต่างชาติในประเทศสมาชิก EU, EEA และ Switzerland

  • นักศึกษาต่างชาติในประเทศสมาชิก EU, EEA และ Switzerland มีสิทธิทำงานระหว่างเรียน 20 ชั่วโมง/สัปดาห์ และมีสิทธิ์ได้ทำเงินสมทบประกันบางประเภทเช่นเดียวกันกับชาวเยอรมัน

นักศึกษาต่างชาตินอกประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป Non-EU Nationals

  • นักศึกษาต่างชาตินอกประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป Non-EU Nationals ได้รับอนุญาตให้ทำงานระหว่างเรียน 120 วันเต็ม (Full Day) หรือ 240 ครึ่งวัน (Half Day) ต่อปี
    • การทำงานเต็มวัน (Full Day) เท่ากับ 8 ชั่วโมงต่อวัน
    • การทำงานครึ่งวัน (Half Day) เท่ากับ 4 ชั่วโมงต่อวัน
  • ไม่มีข้อจำกัดสำหรับการทำงานในมหาวิทยาลัย แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องแจ้งกับสำนักงานทะเบียนของชาวต่างชาติ Foreigers’ Registration Office หากต้องการทำงานเกินตามกฏหมายกำหนด
  • การฝึกงานถือเป็นงานไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นในแต่ละวันที่ใช้ในการฝึกงานจะถูกหักออกจากสูงสุด 120 วันเต็ม (Full Day) หรือ 240 ครึ่งวัน (Half Day) ต่อปี

นักเรียนหลักสูตรภาษา Langauge Courses หรือ Studienkolleg ทำงานระหว่างเรียนได้ไหม?

นักศึกษาต่างชาติที่ลงเรียนหลักสูตรภาษา Language Courses หรือ หลักสูตรเตรียมความพร้อมเข้าเรียนต่อ Studienkolleg สามารถทำงานระหว่างเรียน 20 ชั่วโมง/สัปดาห์ ทั้งนี้จะได้รับอนุญาตให้ทำงานในช่วงที่ไม่มีการบรรยายหรือช่วงที่ไม่มีการเรียนการสอนเท่านั้น และจะต้องได้รับอนุญาตจาก Federal Employment Agency (Agentur für Arbeit) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (Ausländerbehörde)

สามารถขอขยายเวลาการทำงานระหว่างเรียนได้หรือไม่?

สามารถขอขยายเวลาการทำงานระหว่างเรียนได้เฉพาะงานวิชาการ หรืองานผู้ช่วยภายในมหาวิทยาลัยเท่านั้น โดยสามารถส่งคำขอได้ที่ Foreigners Officice และ Federal Employment Agency


นักศึกษาต่างชาติ สามารถทำงานอะไรได้บ้างในเยอรมนี?

มีตำแหน่งงานมากมายให้เลือกทำระหว่างเรียนในเยอรมนี แต่งานทุกตำแหน่ง รวมถึงงานที่ไม่ได้รับค่าตอบแทน เช่น อาสาสมัคร จะถูกนับรวมในชั่วโมงการทำงานแต่ละปีด้วย ดังนั้น จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าปฏิบัติตามกฏที่ถูกต้อง ที่สำคัญคือต้องหางานที่สะดวกทั้งในเรื่องสถานที่ เงินเดือน และตำแหน่งโดยไม่รบกวนการเรียน และผู้เรียนจะต้องตระหนักเสมอว่า การเดินทางมาในประเทศเยอรมนีในครั้งนี้ วัตถุประสงค์เพื่อการเรียนต่อ ดังนั้น การเรียนจะต้องมาก่อนเสมอ

จะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ในฐานะนักศึกษาต่างชาติ?

อัตราค่าตอบแทนขั้นต่ำในปี 2024 อยู่ที่ €12.41 ต่อชั่วโมง โดยค่าจ้างส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับทักษะของผู้ปฏิบัติงานและรูปแบบงานที่ทำ เช่น งานเกี่ยวกับอุตสาหกรรม เฉลี่ยต่อชั่วโมง จะสูงกว่าพนักงานบริการทั่วไป นอกจากนี้ ค่าตอบแทนจะแตกต่างกันในแต่ละเมือง โดยเมืองที่มีค่าตอบแทนสูงที่สุดจะเป็นเมืองที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม และตลาดแรงงานขนาดใหญ่ เช่น มิวนิก และฮัมบูร์ก แต่ค่าครองชีพก็แพงขึ้นด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ในเยอรมนีกำหนดให้ งานพาร์ไทม์ 20 ชั่วโมง/สัปดาห์  ใน 1 ปีจะสามารถหารายได้ประมาณ

  • ต่อสัปดาห์: 12.41 ยูโร/ชั่วโมง x 20 ชั่วโมง/สัปดาห์ = 248.20 ยูโร/สัปดาห์ หรือประมาณ 9,900 บาท/สัปดาห์
  • ต่อเดือน: 248.20 ยูโร/สัปดาห์ x 4.33 สัปดาห์/เดือน = 1,070.77 ยูโร/เดือน หรือประมาณ 42,600 บาท/เดือน
  • ต่อปี: 1,070.77 ยูโร/เดือน x 12 เดือน/ปี = 12,849.24 ยูโร/ปี หรือประมาณ 511,300 บาท/ปี

การหางานในเยอรมนี เริ่มต้นอย่างไร?

โอกาสในการได้งานทำ จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่นประสบการณ์การทำงาน ประเภทของงานที่ต้องการ และทักษะด้านภาษา การได้ภาษาเยอรมัน จะช่วยเพิ่มโอกาสในการหางานได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ หากเป็นไปได้ งานที่ทำควรจะสอดคล้องกับหลักสูตรที่เรียน จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การทำงานและสามารถต่อยอดในการหางานทำหลังเรียนจบที่ประเทศเยอรมนีได้

  • ป้ายประกาศของมหาวิทยาลัย ป้ายประกาศของมหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่ประกาศข่าวสารต่างๆ รวมถึงประกาศรับสมัครงานด้วย โดยงานส่วนใหญ่ จะเป็นงานภายในมหาวิทยาลัย เช่น ผู้ช่วยผู้วิจัย บรรณารักษณ์ห้องสมุด
  • ศูนย์วิชาชีพของมหาวิทยาลัย โดยปกติแล้ว มหาวิทยาลัยทุกแห่ง จะมีศูนย์วิชาชีพ เพื่อฝึกอบรม และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการหางานทำระหว่างเรียน และหลังเรียนจบ โดยศูนย์วิชาชีพของมหาวิทยาลัยจะเป็นพาร์ทเนอร์ และติดต่อร่วมกันกับอุตสาหกรรมและนายจ้างที่หลากหลายอยู่ตลอดเวลา
  • เว็บไซต์จัดหางาน เว็บไซต์จัดหางานเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับนักศึกษาที่ต้องการทำงานระหว่างเรียนในเยอรมนี โดยเว็บไซต์เหล่านี้จะมีข้อเสนองานมากมายให้เลือกตามความสามารถ
  • เพื่อน และศิษย์เก่า การถามเพื่อน หรือศิษย์เก่า หรือคนรู้จักให้ช่วยแนะนำงานเป็นทางเลือกที่ดีและง่ายที่สุดสำหรับการหางานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียน 

ตัวอย่างงานที่นักศึกษาต่างชาติเลือกทำระหว่างเรียนต่อเยอรมนี

  • ผู้ช่วยวิจัยที่มหาวิทยาลัย (Research assistan) งานประเภทนี้ทำให้ได้เปรียบหลายประการเนื่องจากคุณคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและบุคลากรอยู่แล้วและสามารถช่วยคุณในการศึกษาได้ ค่าตอบแทนประมาณ €11 – €12 / ชั่วโมง 
  • ผู้ช่วยสำนักงาน (Office assistant)  งานหลักของคุณคือรับโทรศัพท์ให้ข้อมูลกับลูกค้าหรือคู่ค้าของบริษัท และหน้าที่บริหารอื่นๆ ค่าตอบแทนประมาณ €12 / ชั่วโมง
  • ครูสอนภาษา (Language tutor)  หากคุณมีความเชี่ยวชาญในภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆ คุณสามารถหางานเป็นครูสอนพิเศษที่โรงเรียน ค่าตอบแทนประมาณ €12 – €15 / ชั่วโมง
  • พนักงานเสริฟ / บริกรที่คาเฟ่ / บาร์เทนเดอร์ (Support staff / waiters at cafés / bars) งานประเภทนี้อาจไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับความรู้ภาษาเยอรมันขั้นสูง นอกจากนี้งานเหล่านี้ส่วนใหญ่มีตารางเวลาที่ยืดหยุ่น ส่วนใหญ่จะทำงานช่วงเย็น ค่าตอบแทนประมาณ €7 / ชั่วโมง
  • พนักงานแนะนำสินค้าในร้านค้าปลีก (Retail store shopping assistant) ช่วยเหลือลูกค้าในเรื่องข้อมูลและเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดที่พวกเขากำลังมองหา คุณจะต้องมีทักษะในการสื่อสารที่ดีทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมัน ค่าตอบแทนประมาณ €9 / ชั่วโมง
  • บริการพี่เลี้ยงเด็ก (Babysitting) หากคุณชอบเด็กและมีประสบการณ์ในการทำงานกับเด็ก งานนี้เหมาะอย่างมาก เนื่องจากได้รับค่าตอบแทนสูง ค่าตอบแทนประมาณ €10 – €15 / ชั่วโมง
  • พนักงานคอลเซ็นเตอร์ (Call centre officer) รับโทรศัพท์วิเคราะห์คำขอหรือข้อร้องเรียนของลูกค้าและจัดการ คุณต้องอดทนมีความสามารถในการสื่อสารและมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี จำเป็นต้องมีความรู้ภาษาเยอรมันเป็นอย่างดีและส่วนใหญ่คุณสามารถกำหนดตารางเวลาของคุณเองได้ ค่าตอบแทนประมาณ €15 / ชั่วโมง
  • ผู้สัมภาษณ์ หรือผู้เก็บข้อมูล (Field interviewer) บริษัท หรือองค์กรบางแห่งมักต้องการผู้รวบรวมข้อมูลซึ่งต้องถามลูกค้าเกี่ยวกับความคิดเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการซึ่งจะนำไปสู่การสำรวจในที่สุด ค่าตอบแทนประมาณ €18 – €20 / ชั่วโมง
  • พนักงานเดลิเวอรี่ (Home delivery) ทำงานให้กับ บริษัท ช้อปปิ้งออนไลน์หรือร้านอาหารและส่งสินค้าที่บ้านของผู้คน ค่าตอบแทนประมาณ €11 / ชั่วโมง

มีงานสำหรับคนที่ไม่ได้ทักษะภาษาเยอรมันหรือไม่?

มี โดยปกติแล้ว สามารถหางานพาร์ทไทม์ได้โดยไม่จำเป็นต้องพูดภาษาเยอรมัน และงานบางตำแหน่ง ไม่ได้ใช้ภาษาเยอรมันในการทำงาน แต่การได้ทักษะภาษาเยอรมันด้วย จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานมากกว่าคนอื่นๆ ในตำแหน่ง ดังนั้น หากอยากได้รับโอกาสในการทำงานที่มากขึ้น ควรได้ทักษะภาษาเยอรมันระดับ B1 

นักศึกษาต่างชาติ ที่ทำงานระหว่างเรียนประเทศเยอรมนี จะต้องเสียภาษีไหม?

หากมีรายได้จากการทำงานระหว่างเรียนมากกว่า €450 / เดือน เป็นประจำทุกเดือน จะต้องมีหมายเลขภาษีเงินได้ การหักเงินค่าภาษี จะถูกหักออกจากเงินเดือนโดยอัตโนมัติทุกเดือน แต่สามารถขอคืนเงินภาษีได้ในช่วงปลายปี 

หมายเหตุ: การทำงานระหว่างเรียนเป็นการฝึกประสบการณ์ระหว่างเรียน และเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งเท่านั้น อาจไม่สามารถครอบคลุมค่าครองชีพ หรือค่าใช้จ่ายทั้งหมด ขณะใช้ชีวิตอยู่ในเยอรมนี ดังนั้น หากคุณวางแผนที่จะเรียนต่อประเทศเยอรมนี ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เสียค่าธรรมเนียมการศึกษา คุณก็ต้องเตรียมเงินในส่วนค่าครองชีพรายเดือนตลอดระยะเวลาที่เรียนอยู่ประเทศเยอรมนีด้วย


เมืองไหนในเยอรมนี เหมาะสำหรับเรียนและทำงานระหว่างเรียนมากที่สุด?

เยอรมนีเป็นประเทศแห่งอุตสาหกรรม ทุกพื้นที่ในประเทศเยอรมนีล้วนมีความสำคัญทางเศรษฐกิจทั้งสิ้น และแต่ละเมือง ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดยทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ขอยก 10 เมืองในเยอรมนี ที่เหมาะสำหรับการเรียน และการทำงานระหว่างเรียนมากที่สุด ดังนี้

เมืองในเยอรมัน 10 เมืองแรกที่เหมาะสำหรับกาเรียนและการทำงานระหว่างเรียนมากที่สุด

  1. กรุงเบอร์ลิน (Berlin) – เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรม มีมหาวิทยาลัย 15 แห่ง วิทยาลัยศิลปะและดนตรีอีก 4 แห่ง นับเป็นเมืองที่มีสถาบันอุดมศึกษามากที่สุดในเยอรมนี
  2. แฟรงก์เฟิร์ต ไมน์ (Frankfurt am Main) – เป็นแหล่งการเงินนานาชาติและตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารกลางของยุโรป สำนักงานใหญ่ของธนาคารหลายแห่งอยู่ที่เมืองนี้ รวมทั้งเป็นที่ตั้งของหอสมุดแห่งชาติและงานแสดงหนังสือนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  3. มิวนิค (München) – เป็นที่ตั้งของสำ นักงานใหญ่บริษัทที่มีชื่อเสียง เช่น BMW และซีเมนส์ บริษัทที่ผลิตสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง และสถาบันวิจัยอีกหลายแห่ง 
  4. ฮัมบวร์ก (Hamburg) – เป็นศูนย์กลางการสื่อสารมวลชน การผลิตหนังสือพิมพ์และนิตยสารของเยอรมันที่มียอดจำหน่ายกว่า 1 ล้านฉบับ 
  5. โคโลญจ์ (Köln) – เมืองนี้ประกอบด้วยโบสถ์สวยงามมากมาย และยังเป็นศูนย์กลางศิลปะดนตรีร่วมสมัย 
  6. บอนน์ (Bonn) – อดีตเคยเป็นเมืองหลวงของเยอรมนีตะวันตก แม้ว่าหลังการรวมประเทศเมื่อปี ค.ศ. 1990 เบอร์ลินจะกลายเป็นเมืองหลวงของประเทศ แต่สถานที่ราชการหลายแห่งยังคงอยู่ที่บอนน์ รวมทั้งองค์กร และสถาบันต่าง ๆ เช่น องค์กรแลกเปลี่ยนทางวิชาการ (DAAD – German Academic Exchange Service) และสภาวิจัยของเยอรมัน (DFG)
  7. ไลป์ซิก (Leipzig) – อดีตเคยเป็นเมืองสำคัญสำหรับจัดงานแสดงสินค้ามาหลายร้อยปีแล้ว เมื่อมีการรวมประเทศ เมืองนี้จึงกลับมามีบทบาทสำ คัญทางการค้ากับทั่วโลกมากขึ้น 
  8. ไฮเดลแบร์ก (Heidelberg) – เป็นเมืองเก่าที่คงความสวยงามทางสถาปัตยกรรม และมีทัศนียภาพที่งดงามริมแม่น้ำ เนกคาร์ มหาวิทยาลัยไฮเดลแบร์กเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมนี นอกจากนี้เมืองนี้ยังมีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาถึง 6 แห่ง
  9. ฮันโนเวอร์ (Hannover) ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการแสดงสินค้าอุตสาหกรรม
  10. สตุ๊ทการ์ท (Stuttgart) ซึ่งมีความสำ คัญทางเศรษฐกิจ

โอกาสการทำงานหลังเรียนจบ

นักศึกษาต่างชาติ ที่มาจากประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป Non EU/EEA ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป สามารถอยู่ในเยอรมนีเพื่อหางานทำได้หลังเรียนจบได้ด้วยโดยสามารถยื่นขออยู่ต่อได้สูงสุด 18 เดือน โดยจะต้องขอวีซ่าทำงานชั่วคราวหลังเรียนจบ Aufenthaltserlaubnis (Temporary Residence Permit หรือ Limited Residence Permit) ทันทีหลังสำเร็จการศึกษา โดยแสดงหลักฐานการสำเร็จการศึกษา หลักฐานประกันสุขภาพ และหลักฐานการเงินที่เพียงพอต่อค่าครองชีพ

ทันทีที่ได้งานทำ ก็จะสามารถขอวีซ่าทำงาน หรือ EU-Blue Card ซึ่งเป็นใบอนุญาตทำงานที่รับรองจาก 25 ใน 28 ประเทศของสมาชิกสหภาพยุโรป ที่อนุญาตให้ผู้ถือบัตร EU-Blue Card ทำงานและอาศัยอยู่ในเยอรมนีได้ โดยได้รับเงินเดือนและสวัสดิการทางสังคมเช่นเดียวกันกับคนชาติเยอรมัน

ทำความรู้จักกับวีซ่าหางานระยะสั้น Jobseekers Visa

หากเดินทางกลับประเทศหลังจากเรียนจบโดยไม่ได้ขอวีซ่าทำงานชั่วคราวหลังเรียนจบ และต้องการกลับไปเยอรมนีเพื่อรับโอกาสในการทำงาน จะได้รับสิทธิ์วีซ่าหางานระยะสั้น Jobseekers Visa ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน โดยในช่วงเวลานี้ สามารถเดินทางไปเยอรมนี และหางานทำได้ และหลังจากได้งานทำ ก็มีสิทธิ์ขอวีซ่าทำงาน หรือ EU-Blue Card ได้เช่นเดียวกัน

วีซ่าหางานระยะสั้น Jobseekers Visa ไม่ใช่วีซ่าทำงาน แต่เป็นวีซ่าที่เปิดโอกาสให้หางานในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 6 เดือน และเมื่อได้งานทำเรียบร้อยแล้ว จะต้องทำเรื่องขออนุญาตทำงานแยกต่างหาก ดังนั้น ไม่อนุญาตให้ผู้ถือวีซ่าประเภทนี้ ทำงานทุกกรณี

EU-Blue Card คืออะไร?

EU Blue Card คือใบอนุญาตทำงานที่ประเทศของสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งออกให้สำหรับ ผู้ที่มีความสามารถ ผู้ที่มีทักษะสูงที่มาจากนอกสหภาพยุโรป (Non-EU) สามารถเข้ามาทำงาน และใช้ชีวิตอย่างถูกกฏหมายในสหภาพยุโรป รวมถึงได้รับค่าจ้าง และสวัสดิการในอัตราเดียวกันกับคนในยุโรป เพื่อกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ให้สหภาพยุโรปกลายเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจของโลกที่มีการแข่งขัน ขับเคลื่อน เปลี่ยนแปลงอย่างเป็นพลวัต และทันกับโลกยุคสมัยใหม่ รวมถึงมีการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสวัสดิการทางสังคมให้ดีขึ้น คณะกรรมาธิการยุโรปจึงได้ตั้งข้อเสนอสองข้อ คือ

  • สามารถทำงานและรับเงินเดือนในอัตราเดียวกันกับคนในยุโรป โดยฐานเงินเดือนขั้นต่ำอยู่ที่ €43,056 – €55,200 /ปี (ประมาณ 1,600,000 – 2,000,000 บาท/ปี หรือ เฉลี่ย เดือนละ 133,000 – 166,000 บาท/เดือน)
  • ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งทางเศรษฐกิจและสวัสดิการสังคม เทียบเท่ากับคนชาติเยอรมัน
  • มีโอกาสขอเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร (Permanent Residence) เมื่อทำงานเป็นระยะเวลา 5 ปี

คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ EU Blue Card

เยอรมนี เป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ดีเยี่ยม และเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

ระบบเศรษฐกิจของประเทศเยอรมนี ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีที่ให้ความสำคัญกับมิติด้านสังคม มีการจ้างแรงงานที่มีทักษะสูง และนำเทคโนโลยี นวัตกรรมการผลิตชั้นสูง เพื่อลดต้นทุนการผลิต นอกจากนี้ เยอรมนียังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับสามของโลก และมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป 

อุตสาหกรรมยานยนต์ในเยอรมนี ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการแข่งขันและสร้างสรรค์นวัตกรรมมากที่สุดในโลก และมีการผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ สินค้าส่งออก 10 อันดับแรกของเยอรมนี ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องจักร สินค้าเคมี ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ไฟฟ้า ยา อุปกรณ์การขนส่ง โลหะพื้นฐาน อาหาร ยาง และพลาสติก เยอรมนีเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก บริษัท รายใหญ่ในเยอรมนีมีที่มีชื่อเสียง ได้แก่  Mercedes-Benz, BMW, Volkswagen, Audi, Siemens, Allianz, Adidas, Porsche, Bosch และ Deutsche Telekom

ความพยายามในการวิจัยและพัฒนาเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจเยอรมัน ในปี 2018 เยอรมนีอยู่ในอันดับที่สี่ของโลกในแง่ของจำนวนงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่ตีพิมพ์ สถาบันวิจัยในเยอรมนี ได้แก่ Max Planck Society, Helmholtz Association และ Fraunhofer Society และ Leibniz Association เยอรมนีเป็นผู้สนับสนุนองค์การอวกาศยุโรปรายใหญ่ที่สุด

ตลาดแรงงานในเยอรมนี

ประเทศเยอรมนีมีอัตราการว่างงานต่ำ โดยมีอัตราการว่างงาน 3.9% ในบางพื้นที่ของเยอรมนีตอนใต้ เช่น บาวาเรีย (มิวนิก) อัตราการว่างงานจะต่ำกว่า 3.9% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหนึ่งในสามของประชากรในเยอรมนีจะได้งานทำภายใน 12 เดือน ยิ่งหากคุณมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและมีความรู้พื้นฐานภาษาเยอรมัน ก็ยิ่งมีโอกาสสูงกว่าที่จะหางานในเยอรมนี

เยอรมนีเป็นที่ตั้งของ บริษัท ขนาดใหญ่ระดับโลกหลายแห่งและมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษในภาคยานยนต์ บริษัท ที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งในเยอรมนี ได้แก่ :

  • Volkswagen (automotive)
  • Daimler (automotive)
  • Allianz (finance)
  • BMW (automotive)
  • Siemens (electronics)
  • Bosch (electronics)
  • Deutsche Telekom (telecommunications)

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทขนาดเล็กอีกหลายบริษัท ที่กำลังมองหาแรงงานที่มีฝีมืออยู่มากมาย และบริษัทขนาดเล็กมีอัตราการจ้างงานมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้ ธุรกิจประมาณ 90% ในเยอรมนี เป็นธุรกิจ SME แทบจะทั้งหมด

ตำแหน่งว่างงานในเยอรมนี

ตำแหน่งว่างงานในเยอรมนีอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน แต่ต้องการแรงงานที่มีทักษะสูง เช่น ทักษะด้านวิทยาศาสตร์ ทักษะด้านวิศวกรรมศาสตร์ ทักษะด้านคณิตศาสตร์ และทักษะด้านเทคโนโลยี 

ค่าตอบแทน (รายได้) ขั้นต่ำ ในเยอรมนี

ค่าจ้างขั้นต่ำในเยอรมนีถูกกำหนดในแต่ละปี 2024 อยู่ที่ €12.41 ต่อชั่วโมง (ประมาณ 493.84 บาท) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 5 ของประเทศในสหภาพยุโรป และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนในเยอรมนีอยู่ที่ €4,021  (ประมาณ 148,777 บาท) แต่จะแตกต่างกันไปตามภาคภูมิภาค และสายงาน โดย สายงานด้านแพทย์และทันตแพทย์ เป็นอาชีพที่ได้รับสูงสุดคือ €80,000 ต่อปี (ประมาณ 2,900,000 บาท) รองลงมาคือ อาชีพเกี่ยวกับด้านกฏหมาย ทนายความ และ วิศวกรตามลำดับ

กฎหมายแรงงานและสิทธิแรงงานในเยอรมนี

  • โดยเฉลี่ยในเยอรมนีจะทำงานแบบเต็มเวลา Full-Time อยู่ที่ประมาณ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 
  • สิทธิวันหยุดตามกฎหมายประจำปีขั้นต่ำในเยอรมนีคือ 20 วันต่อปี
  • ได้รับสวัสดิการอื่นๆ เช่น ได้รับค่าจ้างกรณีเจ็บป่วย และค่าคลอดบุตร
  • นายจ้างจะต้องแจ้งลูกจ้างล่วงหน้าอย่างต่ำ 2 สัปดาห์ กรณีเลิกจ้าง
  • กรณีช่วงทดลองงานสัญญามาตรฐานคือ 4 สัปดาห์
  • งานส่วนใหญ่ทั้งเต็มเวลาและนอกเวลาจะถูกควบคุมโดยสัญญาจ้างงาน อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนที่จะลงนาม

เรียนต่อเยอรมันค่าครองชีพแพงไหม ค่าใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่?

โดยทั่วไปทางตอนใต้ของเยอรมนีเป็นพื้นที่ที่แพงที่สุดในการอาศัยอยู่ในเยอรมนี เมืองที่ใหญ่ที่สุดสองแห่งในทางตอนใต้ของประเทศคือ มิวนิก และชตุทท์การ์ท เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในเยอรมนี  การเช่าอพาร์ทเมนต์แบบหนึ่งห้องนอนในสตุ๊ตการ์ท มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย €846 ในขณะที่อพาร์ทเมนต์ที่คล้ายกันในเมืองเบรเมนทางตอนเหนือของเยอรมันมีราคา €560 ต่อเดือน

แต่เมืองหลวงเบอร์ลิน ค่าครองชีพไม่แพงนักเมื่อเทียบกับเมืองหลวงในยุโรปส่วนใหญ่หรือเมืองใหญ่ที่สุดในเยอรมัน ค่าเช่าที่อยู่อาศัย อพาร์ทเมนต์แบบ 1 ห้องนอน ในเบอร์ลิน เฉลี่ยอยู่ที่ €795 ต่อเดือน นอกจากนี้เมืองอื่นๆ รอบเบอร์ลินทางตะวันออกของเยอรมนีส่วนใหญ่ถูกกว่าเมืองทางตอนใต้

คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าครองชีพประเทศเยอรมนี

เรียนต่อเยอรมัน 1 ปี จะต้องแสดงหลักฐานทางการเงินขั้นต่ำเท่าไหร่?

การแสดงเอกสารทางการเงิน สำหรัขอวีซ่าเพื่อเรียนต่อประเทศเยอรมนีระยะยาว (National Visa) แตกต่างจากประเทศอื่นๆ เนื่องจาก จะต้องเปิดบัญชีธนาคาร Blocked Account ทันทีที่คุณได้รับจดหมายตอบรับเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อเป็นที่จะสามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณมีหลักฐานทางการเงินเพียงพออย่างน้อยในช่วงปีแรกของการศึกษาในเยอรมนี โดยจำนวนเงินบังคับที่สถานทูตกำหนดให้ต้องฝากเข้าบัญชีธนาคาร Blocked Account คือ €10,236 (ประมาณ 407,328 บาท) เมื่อนักเรียนเริ่มภาคการศึกษาแรกในเยอรมนี จะสามารถถอนได้จำนวน €853 (ประมาณ 31,561 บาท) ต่อเดือน ซึ่งถือว่าแสดงหลักฐานทางการเงินน้อยกว่าประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และแคนาดาอย่างมาก

คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชี Blocked Account 


ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม

เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”

บริการของเรามีอะไรบ้าง ?

  • ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
  • เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
  • บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า 
  • บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
  • เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
  • บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, NIB, Allianz, Orbit และอื่นๆ
  • บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
  • บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล

“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.