สารบัญบทความ

Last updated มิถุนายน 9, 2022 ago by Thebestedu

ทำความรู้จักกับภาษาเยอรมัน


ภาษาเยอรมัน (German หรือ Deutsch) เป็นภาษากลุ่มเจอร์แมนิกตะวันตก และเป็นภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในสหภาพยุโรป ส่วนใหญ่พูดในประเทศเยอรมนี ออสเตรีย ลิกเตนสไตน์ ส่วนมากของสวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก นอกจากนี้ อาณานิคมเดิมของประเทศเหล่านี้ เช่น นามิเบีย มีประชากรที่พูดภาษาเยอรมันได้พอประมาณ และยังมีชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาเยอรมันในหลายประเทศทางยุโรปตะวันออก จนชาวยุโรปท้องถิ่นหลายคนสับสนว่า ภาษาอังกฤษ คือภาษาเยอรมันสมัยใหม่ Modern German ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปเมื่อ ศตวรรษที่ 6 ภาษาเยอรมันมาจากภาษาอินโด ยูโรเปียน ภายหลังได้มีการแตกแขนงออกเป็น 3 สาขา คือ

  • North Germanic (เป็นรากฐานภาษาเดนมาร์ก, ภาษาสวีเดน, ภาษานอร์เวย์, และภาษาไอซ์แลนด์สืบเชื้อสายมา)
  • East Germanic (ตอนนี้เลิกใช้เรียบร้อยแล้วรวมถึงภาษาโกธิค)
  • West Germanic (เป็นรากฐานภาษาเยอรมัน, ภาษาแอฟริกัน, ภาษาดัช, ภาษาอังกฤษ, ภาษาลักเซมเบิร์ก, และภาษายิดดิช)

ทำไมถึงควรเลือกเรียนภาษาเยอรมัน?

  • เพื่อโอกาสในการศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนี เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเยอรมนีให้โอกาสนักเรียนนานาชาติ ได้สิทธิ์เรียนฟรีในระดับอุดมศึกษา ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องใช้ทักษะภาษาเยอรมันในการเรียน
  • เพื่อความก้าวหน้าทางด้านอาชีพการงาน เนื่องจาก บริษัทนานาชาติใหญ่ๆ ระดับโลก เป็นบริษัทสัญชาติเยอรมัน เช่น BMW, Daimler, Siemens, Lufthansa, SAP, Bosch, Infineon, BASF และอื่น ๆ อีกมากมาย การได้ตำแหน่งงานสูงๆ หรือโอกาสในการทำงานที่ก้าวหน้า ในบริษัทสัญชาติเยอรมัน มักจะให้โอกาสผู้ที่มีทักษะทางด้านภาษาเยอรมันเป็นอันดับแรก
  • ทำให้ใช้ชีวิตในประเทศเยอรมนีได้ง่ายขึ้นด้วย ทั้งการพูดคุยสื่อสารในชีวิตประจำวัน การอ่านข่าว บทความ หนังสือตำราต้นฉบับหลายเล่มก็เป็นภาษาเยอรมัน และที่สำคัญ การได้ทักษะภาษาเยอรมัน ยังเพิ่มโอกาสในการหางานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
  • ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ทั้งเพื่อนชาวเยอรมัน และเพื่อนชาติอื่นๆ 
  • ภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่สำคัญในวงการวิชาการ นักวิชาการที่ได้รับรางวัลจำนวนโนเบลส่วนใหญ่แล้ว เป็นชาวเยอรมัน ดังนั้น ตำราวิชาการส่วนใหญ่ จึงตีพิมพ์เป็นภาษาเยอรมัน ซึ่งมีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากจีน และอังกฤษ
  • การรู้ภาษาเยอรมันช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้เพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านเว็บไซต์ ทั่วโลก

เรียนภาษาเยอรมันยากไหม?

ภาษาเยอรมัน ขึ้นชื่อในเรื่องของกฏและไวยกรณ์ที่หลากหลาย ซับซ้อน มีข้อยกเว้นมากมาย เช่น มี คำนามมีเพศ ภาษาเยอรมันจะมี 3 เพศ เพศชาย (Masculine) เพศหญิง (Feminine) และเพศกลาง (Neuter) และมีกรรมตรง (Akkusativ) กรรมรอง (Dativ) เจ้าของ (Genitiv) รวมถึงคำประสมหลายคำซึ่งยากที่จะเข้าใจหากไม่อ่านจนครบประโยค เช่น “Ohrwurm” หมายถึง “ear-worm” หมายถึงเพลงที่ติดหู หรือ Hundehütte “บ้านสุนัข” มาจาก Hund “สุนัข” ประสมกับ Hütte “บ้าน” แต่ภาษาเยอรมันต่างจากอังกฤษ เพราะไม่มีการเว้นวรรคคั่นระหว่างองค์ประกอบที่มีประสมกัน ทำให้คำเยอรมันมีคำยาวเท่าใดก็ได้ในทางทฤษฎี 

แต่ถึงแม้ภาษาเยอรมันจะมีความซับซ้อน และรูปแบบประโยคที่แปลก แต่หลายๆ คนอาจจะมองว่าง่ายกว่าภาษาอังกฤษ เนื่องจาก ภาษาเยอรมันถึงแม้จะมีกฏเกณฑ์ที่สลับซับซ้อนมากมาย แต่ทุกอย่างตรงตัวและมีแบบแผนมาก หากจำกฏการผันกริยา และเพศ การเรียนภาษาเยอรมันก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก นอกจากนี้ คำศัพท์ภาษาเยอรมันใช้ร่วมกับภาษาอังกฤษมากกว่า 60% อีกด้วย เช่น Apfel (Apple), Banane (Banana), Kaffee (Coffee) และ Milch (Milk)

ในเรื่องของการออกเสียง หากเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาเยอรมันมีการออกเสียงง่ายกว่ามาก ทุกตัวออกเสียงตรงตัว เขียนอย่างไร ก็ออกเสียงอย่างนั้น ออกเสียงทุกตัวอักษร ไม่มีการเล่นคำ ไม่มีการลดรูป ลดเสียง แต่จะมีการผ่อนหนักผ่อนเบาบ้างในบางคำ

ประเทศไหนที่พูดภาษาเยอรมันบ้าง?

แน่นอนว่า ประเทศที่พูดภาษาเยอรมันมากที่สุดคือประเทศเยอรมนี แต่ก็มีประเทศอื่นๆ ในยุโรป ที่ใช้ภาษาเยอรมัน เป็นภาษาราชการ เช่น ออสเตรีย เบลเยียม ลิกเชนสไตน์ ลักเซมเบิร์ก และสวิสเซอร์แลนด์ จนกลายมาเป็นภาษาที่ใช้กันมากที่สุดในทวีปยุโรปรองจากภาษารัสเซีย นอกจากนี้ ยังเป็นภาษาในบางพื้นที่ของหลายๆ ประเทศ เช่น บางเมืองของสาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก ฮังการี สโลวาเกีย และยูเครน และชนกลุ่มน้อยในนามิเบีย แอฟริกาใต้

รู้จักกับเกณฑ์ CEFR มาตรฐานการอธิบายความเชี่ยวชาญทางภาษา ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในยุโรป

เกณฑ์การวัดทักษะทางภาษาเยอรมัน จะใช้เกณฑ์ Common European Framework (CEFR หรือ CEF)  ซึ่งเป็นมาตรฐานการอธิบายความเชี่ยวชาญทางภาษา ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในยุโรป สามารถใช้วัดระดับภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอื่นๆ ได้อย่างแม่นยำ และเป็นมาตรฐานสากล สามารถอธิบายระดับความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาได้ตั้งแต่ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น ถึงระดับเชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นเกณฑ์จำแนกระดับภาษาตั้งแต่ระดับ A1 – C2 ดังนี้

A1 – Beginner User ระดับเริ่มต้น

A1 – Beginner User ระดับเริ่มต้น

สามารถเข้าใจ ใช้สำนวนที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันและวลีพื้นฐาน ที่เน้นการตอบสนองความต้องการที่เป็นรูปธรรม สามารถแนะนำตัวเองและคนอื่น ๆ ถาม-ตอบคำถามง่ายๆ เช่น พวกเขาอยู่ที่ไหน มาจากไหน รู้จักคนแบบไหน และมีลักษณะอย่างไร สามารถสื่อสารด้วยวิธีง่ายๆ ในปัจจุบันและอดีต

A2 – BasicUser ระดับพื้นฐาน

A2 – Basic User ระดับพื้นฐาน

สามารถเข้าใจและใช้สำนวนทั่วไปเฉพาะด้าน เช่น ข้อมูลส่วนตัวและครอบครัว การช็อปปิ้ง การทำงาน สภาพแวดล้อมในท้องถิ่น สามารถสื่อสารในสถานการณ์ประจำวัน ที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เรียบง่าย และตรงประเด็นเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคย สามารถเสนอคำอธิบายง่ายๆ เกี่ยวกับภูมิหลังและการศึกษาของตนเอง และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความต้องการในปัจจุบัน

B1 – Intermediate User ระดับกลาง

B1 – Intermediate User ระดับกลาง

สามารถเข้าใจประเด็นหลักได้หากการสนทนามุ่งเน้นไปที่หัวข้อที่คุ้นเคย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงาน โรงเรียน การพักผ่อน และอื่นๆ สามารถจัดการสถานการณ์ส่วนใหญ่ที่พบเมื่อเดินทางในประเทศที่พูดภาษาเยอรมันได้ สามารถสื่อสารได้อย่างง่ายดายและสอดคล้องกันในหัวข้อที่คุ้นเคยและที่สนใจ สามารถรายงานเหตุการณ์และประสบการณ์ การบรรยายความหวัง ความฝันและเป้าหมาย และให้เหตุผลสั้น ๆ หรือคำอธิบายสำหรับความคิดเห็นและแผนการ

  • บทเรียนจะแบ่งออกเป็นระดับ B1.1 และ B1.2
  • การสอบ Official exams สำหรับผู้ใหญ่ อายุ 16 ปีขึ้นไป: telc Deutsch B1Goethe Zertifikat B1
  • การสอบ Official exams สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 16 ปี: telc Deutsch B1 SchuleGoethe Zertifikat B1
B2 – Independent User ระดับการใช้งาน

B2 – Independent User ระดับการใช้งาน

สามารถเข้าใจเนื้อหาหลักของข้อความที่ซับซ้อนในหัวข้อเฉพาะทางหรือนามธรรมได้ เข้าใจการอภิปรายในความเชี่ยวชาญของตนเอง สามารถสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติและคล่องแคล่ว ทำให้สามารถสนทนากับเจ้าของภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

C1 – Advanced User ระดับสูง

C1 – Advanced User ระดับสูง

สามารถเข้าใจข้อความซับซ้อนและยาวได้ และยังรับรู้ความหมายโดยนัยได้อีกด้วย สามารถแสดงความคิดได้อย่างเป็นธรรมชาติและคล่องแคล่วโดยไม่ต้องคิดค้นหาคำศัพท์ สามารถใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นสำหรับการ การทำงาน การศึกษา และการเข้าสังคม สามารถสร้างข้อความรายละเอียดที่ชัดเจนและมีโครงสร้างที่ดีในหัวข้อที่ซับซ้อนหลายประเภทโดยใช้วิธีการเชื่อมโยงข้อความที่เหมาะสม

  • บทเรียนจะแบ่งออกเป็นระดับ C1.1 และ C1.2
  • การสอบ Official exams สำหรับผู้ใหญ่ อายุ 16 ปีขึ้นไป: telc Deutsch C1telc Deutsch C1 BerufGoethe Zertifikat C1TestDaF
  • ระดับความสามารถภาษาเยอรมันระดับ C1 เป็นข้อกำหนดในการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเยอรมัน (TestDaF และ Telc Hochschule C1)
C2 – Proficient User ระดับเชี่ยวชาญ

C2 – Proficient User ระดับเชี่ยวชาญ

สามารถเข้าใจทุกอย่างที่อ่าน / ได้ยิน สามารถสรุปข้อมูลจากแหล่งที่มาของการพูดและการเขียนที่หลากหลาย พร้อมสรุป จับใจความสำคัญ ให้เหตุผล และอภิปรายได้สมเหตุสมผล สามารถแสดงออกได้อย่างเป็นธรรมชาติคล่องแคล่วและแม่นยำ แยกแยะความหมายที่ละเอียดกว่าแม้ในสถานการณ์ที่ซับซ้อนที่สุด

  • บทเรียนจะแบ่งออกเป็นระดับ C2.1 และ C2.2
  • การสอบ Official exams สำหรับผู้ใหญ่ อายุ 16 ปีขึ้นไป: telc Deutsch C2Goethe Zertifikat C2
  • ระดับความสามารถภาษาเยอรมันที่ได้รับการรับรอง C2 เพื่อสอนในสถาบันเกอเธ่ในต่างประเทศ

เรียนภาษาเยอรมัน เรียนที่ไทย VS เรียนที่เยอรมนี เรียนที่ไหนดี?

การเรียนเยอรมัน นอกจากเรียนในห้องเรียนแล้ว จะต้องฝึกฝนอย่างเป็นประจำ ยิ่งหากได้ใช้กับชาวเยอรมันโดยตรง ก็จะสามารถพัฒนาได้เร็วกว่า หากเปรียบเทียบกับภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาเยอรมันก็ไม่ได้มีความซับซ้อนมากกว่าภาษาอังกฤษ แต่อาจจะมีข้อกำหนดเพิ่มเติมในบางจุด เช่น เพศ ที่มีถึง 3 เพศ และการผันกิริยาที่ต้องผันทุกตัว ถ้าหากจำข้อกำหนดได้ การแต่งประโยค หรือไวยกรณ์ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย หากเรียนที่เมืองไทย ก็อาจจะต้องเรียนรู้ด้วยตนเองมากเป็นพิเศษ แต่ถ้าหากเรียนที่เยอรมนี ก็อาจจะพัฒนาได้เร็วกว่าเนื่องจาก จะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน

สำหรับน้องๆ ที่สนใจไปเรียนต่อเยอรมัน อย่างที่แจ้งไปข้างต้น ผู้เรียนจะต้องมีทักษะภาษาเยอรมันด้วย เช่น A1 B2 C1 หากใครที่ยังไม่มีผลคะแนนภาษาเยอรมัน อาจจะต้องเริ่มเรียนหลักสูตรภาษาเยอรมันก่อน โดยสามารถเลือกเรียนได้ทั้งในประเทศไทย และในประเทศเยอรมนี ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เรียน โดย จะมีข้อแตกต่างระหว่างเรียนภาษาเยอรมันในประเทศไทย และในประเทศเยอรมนีดังนี้

1. เรียนภาษาเยอรมันกับสถาบันสอนภาษาเยอรมันในประเทศไทย

1. เรียนภาษาเยอรมันกับสถาบันสอนภาษาเยอรมันในประเทศไทย

การเรียนภาษาเยอรมันในไทยสามารถเรียนได้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น A0 อาจารย์ผู้สอนส่วนใหญ่เป็นชาวไทย มีบางสถาบันใหญ่ๆ ที่มีครูชาวเยอรมัน แต่ค่าเรียนก็สูงขึ้นตามด้วย แต่ข้อเสียของการเรียนภาษาเยอรมันที่ไทยคือผู้เรียนจะได้ใช้ภาษาเยอรมันแค่ในห้องเรียนเท่านั้น เมื่อออกจากห้องเรียนแล้ว ก็ไม่มีโอกาสได้ฝึกพูด ฝึกสื่อสารนอกจากว่ามีคนรู้จักเป็นชาวเยอรมัน

ที่สำคัญ โรงเรียนสอนภาษาเยอรมันในประเทศไทย มีทั้งแบบถูก และแบบแพงเทียบเท่ากับเรียนที่ประเทศเยอรมนี ขึ้นอยู่กับคุณภาพการศึกษา และการรับรอง เช่น โรงเรียนที่ได้รับรองจากสถานทูตเยอรมัน ก็จะมีค่าใช้จ่ายในการเรียนที่แพงกว่า ดังนั้น ผู้เรียนควรคำนวณงบประมาณให้ดี นอกจากนี้ หากเลือกเรียนในเมืองใหญ่อย่างเช่น กรุงเทพฯ อาจจะต้องบวกค่าใช้จ่ายประจำวันเพิ่มเติมด้วย เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าโดยสารสาธารณะ ซึ่งโดยรวมแล้วอาจไม่แตกต่างกันมากนัก

  • ค่าใช้จ่ายในการเรียนภาษาเยอรมันในไทย: ค่าใช้จ่ายเรียนภาษาเยอรมันในไทยตั้งแต่ระดับเริ่มต้น A0 ถึง ระดับ B2 มีค่าใช้จ่ายประมาณ 130,000 – 150,000 บาท
2. เรียนภาษาเยอรมันกับสถาบันสอนภาษาเยอรมันในประเทศเยอรมนี

2. เรียนภาษาเยอรมันกับสถาบันสอนภาษาเยอรมันในประเทศเยอรมนี

การเรียนภาษาเยอรมันในประเทศเยอรมัน มีข้อดีคือได้เรียนกับครูเยอรมันโดยตรง ซึ่งจะได้สำเนียง และการออกเสียงที่ถูกต้อง ในบริบทที่แตกต่างกัน มีหลักสูตรให้เลือกเรียนหลากหลาย และตอบโจทย์มากกว่า โดยผู้เรียนสามารถเลือกความเข้มข้น และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ ยังได้ใช้ภาษาเยอรมันในการสื่อสารพูดคุยในชีวิตประจำวัน ในหลากหลายสถานการณ์ ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารได้อย่างดีเยี่ยม

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมให้ทำหลังเลิกเรียน และได้มีโอกาสท่องเที่ยวในต่างประเทศ ทั้งประเทศเยอรมนี และประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ออสเตรีย ฝรั่งเศส โปแลนด์ เนเธอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่แพงเลย และที่สำคัญ ไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวเพิ่ม สามารถใช้วีซ่านักเรียนเยอรมันเดินทางได้เลย

ด้านการสนับสนุนนักศึกษาต่างชาติ หากเรียนภาษาเยอรมันที่ประเทศเยอรมนี ผู้เรียนยังได้รับคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่โดยตรง ทั้งคำแนะนำด้านการเรียน การใช้ชีวิตในเยอรมนี นอกจากนี้ โรงเรียนสอนภาษาเยอรมัน ในประเทศเยอรมนี มีบริการสนับสนุนนักเรียนนานชาติอย่างดีมาก มีหลักสูตรช่วยติวเพิ่มเติม มีกิจกรรมเสริมพัฒนาทักษะภาษา และที่สำคัญ ยังมีหลักสูตรช่วยติวสอบ Studienkolleg ให้กับนักเรียนด้วย ซึ่งทำให้การเรียนต่อมหาวิทยาลัยในเยอรมนี เป็นเรื่องง่ายมาก ซึ่งบริการเหล่านี้ อาจจะหาไม่ได้จากสถาบันสอนภาษาในเมืองไทย

  • ค่าใช้จ่ายในการเรียนภาษาเยอรมันในประเทศเยอรมนี:
    • หากพื้นฐานภาษาเยอรมันอยู่ในระดับเริ่มต้น (A1) จะต้องเตรียมเงินประมาณ 250,000 บาท – 300,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนภาษาเยอรมันระยะเวลา 1 ปี เพื่อให้บรรลุเป้าเหมายไปสู่ระดับ A1 – C1 ขึ้นไป
    • หากมีพื้นฐานภาษาเยอรมันบ้างแล้ว (A2 – B1) จะต้องเตรียมเงินประมาณ 70,000 – 150,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนภาษาเยอรมันระยะเวลา 4 – 9 เดือน เพื่อให้บรรลุเป้าเหมายไปสู่ระดับ B2 – C1 ขึ้นไป

หมายเหตุ:

  • การเรียนภาษาเยอรมัน ในประเทศเยอรมนี ผู้เรียนจะต้องแสดงหลักฐานแสดงระดับความรู้ภาษาเยอรมัน เช่น หนังสือรับรองการเข้าชั้นเรียนภาษาจากสถาบันสอนภาษาในประเทศไทย หรือประกาศนียบัตรด้านภาษา อย่างน้อยระดับ A1 (ระดับเบื้องต้น) จึงจะสามารถขอ”วีซ่าเพื่อไปเรียนภาษาเยอรมัน”ที่ประเทศเยอรมนีได้ หากผู้ขอวีซ่าไม่มีหลักฐานแสดงระดับความรู้ภาษาเยอรมันระดับ A1 วีซ่าของจะถูกปฎิเสธ เนื่องจากไม่แสดงหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีความรู้ภาษาเยอะมันตามที่สถานทูตต้องการ โดยสามารถสอบวัดผลภาษาเยอรมันได้ที่ สถาบันเกอเธ่ Goethe Institute กรุงเทพฯ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ แนะนำให้เรียนภาษาเยอรมันในประเทศไทย ให้ได้อย่างน้อย A1 – A2 และไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมนี จะดีที่สุด
  • การเรียนระดับปริญญาตรี และปริญญาโทในประเทศเยอรมนี มีหลักสูตรการเรียนนานาชาติที่เปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งหากไปเรียนหลักสูตรเหล่านี้ ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องยื่นเอกสารผลสอบภาษาเยอรมันแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตาม ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ แนะนำให้มีทักษะอย่างน้อยระดับ A1 สำหรับการใช้ชีวิตทั่วไป  แต่ถ้าหากต้องการได้รับโอกาสในการทำงานที่มากกว่า และหลากหลายควรได้รับทักษะภาษาเยอรมันตั้งแต่ B2 เป็นต้นไป

จะต้องเรียนภาษาเยอรมันนานเท่าไหร่ จึงจะบรรลุเป้าหมาย ?

โดยเฉลี่ยนักเรียนจะใช้เวลาประมาณ 9 สัปดาห์ต่อการเรียน 1 ระดับ หากวางแผนเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศเยอรมนี จะใช้ระยะเวลาเรียนตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี ตามความเข้มข้นของหลักสูตร และพื้นฐานภาษาของผู้เรียน ถ้าหากผู้เรียนต่อการประสบความสำเร็จในระดับ B2 จะใช้ระยะเวลาเรียนดังนี้

  • หากอยู่ในระดับภาษาเยอรมันที่ A1 ต้องการพัฒนาทักษะภาษาเยอรมันถึงระดับ B2 จะต้องระยะเวลาเรียนประมาณ 36 สัปดาห์
  • หากอยู่ในระดับภาษาเยอรมันที่ A2 ต้องการพัฒนาทักษะภาษาเยอรมันถึงระดับ B2 จะต้องระยะเวลาเรียนประมาณ 27 สัปดาห์
  • หากอยู่ในระดับภาษาเยอรมันที่ B1 ต้องการพัฒนาทักษะภาษาเยอรมันถึงระดับ B2 จะต้องระยะเวลาเรียนประมาณ 18 สัปดาห์

ประเทศเยอรมันเรียนฟรี แต่ต้องเตรียมภาษาให้พร้อมด้วยนะ

ประเทศเยอรมนี เชื่อว่า การศึกษาไม่ควรเป็นผลิตภัณฑ์ หรือผลผลิตทางการค้า และการเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษา จะเป็นการสร้างรากฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศได้ ในอดีตที่ผ่านมา กฏหมายได้กำหนดให้มหาวิทยาลัยของรัฐเรียกเก็บค่าเล่าเรียนในระดับที่ต่ำมาก ประมาณ €1,000 ต่อปี แต่ภายหลังได้ยกเลิกการเก็บค่าเล่าเรียนเกือบทั้งหมดของมหาวิทยาลัยรัฐบาล

ภาษาเยอรมัน เป็นภาษาที่ใช้กันมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในทวีปยุโรป ประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาราชการคือ ประเทศเยอรมนี ประเทศออสเตรีย ประเทศสวิตเซรอ์แลนด์ ประเทศลิกเตนชไตน์ โดยทั่วไปภาษาที่ใช้สอนที่มหาวิทยาลัยจะเป็นภาษาเยอรมัน ดังนั้น หากต้องการเรียนต่อที่ประเทศเยอรมนี สิ่งที่จะต้องเตรียมพร้อมก่อนอันดับแรกคือ ภาษาเยอรมัน นอกจากนี้ การใช้ชีวิตในเยอรมนีจะง่ายขึ้นหากสามารถพูดภาษาเยอรมันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัดสินใจที่จะทำงานต่อในเยอรมนี การได้ภาษาเยอรมันจะทำให้คุณได้เปรียบในตลาดงานอีกด้วย

นอกจากนี้ ภาษาเยอรมัน ไม่ได้ใช้แค่เรียนเฉพาะในประเทศเยอรมัน แต่ยังสามารถใช้เรียนต่อในประเทศอื่นๆ ที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาพูดได้ด้วย เช่น ประเทศออสเตรีย ประเทศเบลเยียม ประเทศลิกเตนสไตน์ ประเทศลักเซมเบิร์ก และประเทศสวิสเซอร์แลนด์ 

อยากเรียนฟรีที่เยอรมนีต้องทำอย่างไร 12 เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจเรียนต่อเยอรมัน คลิกเลย

ข้อกำหนดด้านภาษาเยอรมัน สำหรับเข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย ต้องได้ทักษะระดับไหน?

การเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา กรณีเรียนเป็นหลักสูตรภาษาเยอรมัน จะต้องได้ทักษะภาษาเยอรมันระดับ C1 ขึ้นไป หรือ DSH II ถึงจะสามารถยื่นเข้าเรียนตรง Direct Entry กับทางมหาวิทยาลัยรัฐบาลในเยอรมนีได้ หากผู้สมัครมีทักษะภาษาเยอรมันไม่ถึงระดับเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องเรียน Studienkolleg ก่อน ส่วนใหญ่ จะรับสมัครผู้ที่มีทักษะภาษาเยอรมันในระดับกลาง B2 (หรือระดับ B1 ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบัน) ทั้งนี้ผู้เรียนสามารถเรียนสมัครเรียนปริญญาตรีได้เลยหามีความรู้ภาษาเยอร์มันตั้งแต่ระดับ A1 เป็นต้นไป แต่จะต้องเรียนภาษาเยอรมันเพิ่มเติมก่อน

การเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา กรณีเรียนเป็นหลักสูตรภาษาเยอรมัน จะต้องได้ทักษะภาษาเยอรมันระดับ C1 ขึ้นไป หรือ DSH II ถึงจะสามารถยื่นเข้าเรียนตรง Direct Entry กับทางมหาวิทยาลัยรัฐบาลในเยอรมนีได้ อย่างไรก็ตาม นักเรียนไทย ที่เรียนจบหลักสูตรเทียบเท่าระดับมัธยมปลาย (มัธยมศึกษาปีที่ 6) ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรภาษาไทย หลักสูตร Bilingual และต้องการเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศเยอรมนี จะยังไม่สามารถเข้าเรียนแบบ Direct Entry ได้ เนื่องจาก คุณวุฒิในไทย ยังไม่เทียบเท่าประกาศนียบัตรมัธยมปลายของประเทศเยอรมนี (Abitur) ดังนั้น จะต้องเรียนหลักสูตรปูพื้นฐานซึ่งเรียกว่า Studienkolleg ก่อน (คล้ายๆ กับโปรแกรม International Foundation Year ของประเทศอังกฤษ) โดยส่วนใหญ่โปรแกรม Studienkolleg จะรับสมัครผู้ที่มีทักษะภาษาเยอรมันในระดับกลาง B2 (หรือระดับ B1 ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบัน) หากวางแผนเรียนปริญญาตรีที่ประเทศเยอรมันด้วยแนะนำให้ศึกษาข้อมูล Studienkolleg ที่ทางเดอะเบสท์ได้สรุปไว้อย่างละเอียดเพิ่มเติม

ทักษะภาษาเยอรมันสำหรับการศึกษาระดับปริญญาตรี

ระดับภาษาเยอรมันสำหรับการศึกษาในระดับปริญญาตรี กำหนดว่า จะต้องแสดงทักษะภาษาเยอรมันระดับ C1 หรือ DSH II ถึงจะสามารถยื่นเข้าเรียนตรง Direct Entry กับทางมหาวิทยาลัยรัฐบาลในเยอรมนีได้ หากผู้สมัคร มีทักษะภาษาเยอรมันไม่ถึงระดับเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องเรียน Studienkolleg ส่วนใหญ่ จะรับสมัครผู้ที่มีทักษะภาษาเยอรมันในระดับกลาง B2 (หรือระดับ B1 ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบัน)

คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตร Studienkolleg

ทักษะภาษาเยอรมันสำหรับการศึกษาระดับปริญญาโท

ระดับภาษาเยอรมันสำหรับการศึกษาในระดับปริญญาโท กำหนดว่า จะต้องแสดงทักษะภาษาเยอรมันระดับ C1 และผ่าน TestDaF หรือ telc C1 Hochschule หรือ DSH II ขึ้นอยู่กับหลักสูตร และมหาวิทยาลัยที่เลือกเรียน หากผู้สมัครไม่มีผลคะแนนภาษาเยอรมันตรงตามเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนด จะต้องเรียนภาษาเยอรมันเพิ่มเติมก่อน

ทักษะภาษาเยอรมันสำหรับการศึกษาระดับปริญญาเอก

สำหรับหลักสูตรปริญญาเอก ไม่มีข้อกำหนดด้านภาษาเยอรมันชัดเจน แต่จะขึ้นอยู่กับหลักสูตร และมหาวิทยาลัยที่เลือกเรียน

DSH Test คืออะไร?

DSH Test

แบบทดสอบ DSH Test ย่อมาจาก (Deutsche Sprachprüfung für den Hochschulzugang) เป็นการสอบวัดระดับภาษาเยอรมัน ที่เป็นมาตรฐาน เป็นใบรับรองที่ได้รับการยอมรับสูงสุดจากสถาบันอุดมศึกษาของเยอรมนี เพื่อเป็นหลักฐานแสดงความสามารถทางภาษาเยอรมันสำหรับการเข้าศึกษา

การสอบ DSH ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ

  • การสอบปากเปล่า (30%)
  • การสอบข้อเขียน (70%)

ข้อสอบ DSH รับรองความสามารถทางภาษาเยอรมันในระดับดังนี้

  • DSH-I เทียบเท่าระดับ Intermediate German (B2)
  • DSH-II เทียบเท่าระดับ Advanced German (C1)
  • DSH-III เทียบเท่าระดับ Advanced German (C2)

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: The Official Webpage of the DSH Test (คลิก)

TestDaF คืออะไร?

TestDaF

“TestDaF” เป็นการสอบที่ใช้ประเมินความสามารถในการใช้ภาษาเยอรมันของชาวต่างชาติ ที่สมัครเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษาในเยอรมนี TestDaF ก่อตั้งและดูแลโดย“ TestDaF Institute” ในเมือง Hagen ประเทศเยอรมนี และมี 80 สาขาในต่างประเทศ

การสอบ TestDaF ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ

  • การสอบอ่าน Reading exam
  • การสอบเขียน Writing exam
  • การสอบฟัง Listening exam
  • การสอบพูด Speaking exam

ข้อสอบ TestDaF รับรองความสามารถทางภาษาเยอรมันในระดับดังนี้

  • TDN 3 เทียบเท่าระดับ B2.1 – B2.2
  • TDN 4 เทียบเท่าระดับ B2.2 – C1.1
  • TDN 5 เทียบเท่าระดับ C1.1 – C1.2

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: The Official Webpage of the TestDaF

Großes Deutsches Sprachdiplom (GDS) Test คืออะไร?

Großes Deutsches Sprachdiplom (GDS) Test

Goethe-Zertifikat C2: Großes Deutsches Sprachdiplom (GDS) เป็นการสอบภาษาเยอรมันที่รับรองว่าผู้สมัครมีทักษะทางภาษาขั้นสูงมาก และสอดคล้องกับระดับที่ 6 (C2) ตามเกณฑ์ Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) สามารถทำการทดสอบ GDS ได้ที่ศูนย์เกอเธ่ทุกแห่งในต่างประเทศ

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: The Official Webpage of The Goethe-Institute

Deutsches Sprachdiplom der Kultusministerkonferenz (DSD) Test คืออะไร?

Deutsches Sprachdiplom der Kultusministerkonferenz (DSD) Test

Deutsches Sprachdiplom der Kultusministerkonferenz (DSD) Test เป็นประกาศนียบัตรที่รับรองทักษะภาษาเยอรมันโดยสถาบันการศึกษาในเยอรมนี โดยผู้สอบจะต้องมีส่วนร่วมในการศึกษา หลักสูตรภาษาเยอรมัน ที่ประเทศเยอรมนีก่อน และการสอบ DSD จะสามารถสอบได้ก็ต่อเมื่อมีทักษะภาษาเยอรมันอย่างน้อยระดับ EQF A2

การสอบ DSD ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ

  • การสอบเขียนWriting
  • การสอบอ่าน Reading
  • การสอบฟัง Listening
  • การสอบพูด Speaking

ข้อสอบ DSD รับรองความสามารถทางภาษาเยอรมันในระดับดังนี้

  • DSD I เป็นใบรับรองที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหลักฐานแสดงความสามารถทางภาษาเยอรมันเทียบเท่ากับระดับ B2 / C1 CEFR สำหรับการเข้าศึกษาใน“ Studienkolleg” ในเยอรมนี
  • DSD II เป็นใบรับรองที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของเยอรมันว่าเป็นหลักฐานแสดงทักษะภาษาเยอรมันขั้นสูงเทียบเท่ากับ CEFR ระดับ C2

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: The Webpage of the Conference of Education Ministers

telc Test คืออะไร?

Telc Test

telc Test เป็นการสอบตามมาตรฐาน CEFR ของ telc gGmbH ที่เสนอการตรวจสอบและรับรองทักษะภาษาเยอรมันสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาแรก  ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ทักษะภาษาเยอรมันที่เพียงพอสำหรับการศึกษาเชิงวิชาการในประเทศเยอรมนี ข้อสอบจะแตกต่างกันไปในแต่ละระดับของ CEFR

การสอบ Telc Test ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ

  • การสอบปากเปล่า
  • การสอบข้อเขียน

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: The Telc Language Tests Webpage

UNIcert® Test คืออะไร?

UNIcert® Test

UNIcert® Test เป็นการสอบตาม CEFR ภาษาเยอรมันที่ดำเนินการโดย Association of Language Centres (AKS) สถาบันสอนภาษาและสถาบันภาษาต่างประเทศ จะประเมินทักษะภาษาเยอรมันเพื่อการศึกษาของผู้พูดภาษาเยอรมันที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา

ข้อสอบ UNIcert® Test รับรองความสามารถทางภาษาเยอรมันในระดับดังนี้

  • UNIcert® Basis (A2)
  • UNIcert® I (B1)
  • UNIcert® II (B2)
  • UNIcert® III (C1)
  • UNIcert® IV (C2)

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: The Official Webpage of The UNIcert®

โอกาสในการทำงานในอนาคต หากได้ภาษาเยอรมัน?

ประเทศเยอรมนี เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่มาก มี GDP สูงเป็นอันดับ 4 จของโลก รองจาก สหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น และมี GDP สูงที่สุดในสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ภาษาเยอรมัน ยังเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกันมากที่สุดในทวีปยุโรปอีกด้วยจนได้รับการขนานนามว่าเป็น “Money Language” ดังนั้น การเรียนภาษาเยอรมมนี จะมอบโอกาสในการทำงานในยุโรปมากมาย ไม่ใช่แค่ประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ ยังเป็นภาษาที่ใช้เขียนในวรรณคดี และประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ก็ยังเฟื่องฟูอีกด้วย

เยอรมนี เป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ดีเยี่ยม และเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

เยอรมนีเป็นประเทศแห่งอุตสาหกรรม เยอรมนีได้ลงทุนในมหาวิทยาลัยด้านวิศวกรรมเป็นจำนวนมาก และปัจจุบันโปรแกรมวิศวกรรมได้รับการยกย่องเป็นพิเศษในมหาวิทยาลัยในเยอรมัน อย่างไรก็ตามมีโปรแกรมการศึกษามากมายที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัยเหล่านี้และในบางแห่งก็เป็นผู้นำระดับโลก เช่น การแพทย์และเภสัชศาสตร์

ระบบเศรษฐกิจของประเทศเยอรมนี ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม มีการจ้างแรงงานที่มีทักษะสูง และนำเทคโนโลยี นวัตกรรมการผลิตชั้นสูง เพื่อลดต้นทุนการผลิต นอกจากนี้ เยอรมนียังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับสามของโลก และมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป 

อุตสาหกรรมยานยนต์ในเยอรมนี ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการแข่งขันและสร้างสรรค์นวัตกรรมมากที่สุดในโลก และมีการผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ สินค้าส่งออก 10 อันดับแรกของเยอรมนี ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องจักร สินค้าเคมี ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ไฟฟ้า ยา อุปกรณ์การขนส่ง โลหะพื้นฐาน อาหาร ยาง และพลาสติก เยอรมนีเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก บริษัท รายใหญ่ในเยอรมนีมีที่มีชื่อเสียง ได้แก่  Mercedes-Benz, BMW, Volkswagen, Audi, Siemens, Allianz, Adidas, Porsche, Bosch และ Deutsche Telekom

ความพยายามในการวิจัยและพัฒนาเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจเยอรมัน ในปี 2018 เยอรมนีอยู่ในอันดับที่สี่ของโลกในแง่ของจำนวนงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่ตีพิมพ์ สถาบันวิจัยในเยอรมนี ได้แก่ Max Planck Society, Helmholtz Association และ Fraunhofer Society และ Leibniz Association เยอรมนีเป็นผู้สนับสนุนองค์การอวกาศยุโรปรายใหญ่ที่สุด

ตลาดแรงงานในเยอรมนี

ประเทศเยอรมนีมีอัตราการว่างงานต่ำ โดยมีอัตราการว่างงาน 3.9% ในบางพื้นที่ของเยอรมนีตอนใต้ เช่น บาวาเรีย (มิวนิก) อัตราการว่างงานจะต่ำกว่า 3.9% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหนึ่งในสามของประชากรในเยอรมนีจะได้งานทำภายใน 12 เดือน ยิ่งหากคุณมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและมีความรู้พื้นฐานภาษาเยอรมัน ก็ยิ่งมีโอกาสสูงกว่าที่จะหางานในเยอรมนี

เยอรมนีเป็นที่ตั้งของ บริษัท ขนาดใหญ่ระดับโลกหลายแห่งและมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษในภาคยานยนต์ บริษัท ที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งในเยอรมนี ได้แก่ :

  • Volkswagen (automotive)
  • Daimler (automotive)
  • Allianz (finance)
  • BMW (automotive)
  • Siemens (electronics)
  • Bosch (electronics)
  • Deutsche Telekom (telecommunications)

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทขนาดเล็กอีกหลายบริษัท ที่กำลังมองหาแรงงานที่มีฝีมืออยู่มากมาย และบริษัทขนาดเล็กมีอัตราการจ้างงานมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้ ธุรกิจประมาณ 90% ในเยอรมนี เป็นธุรกิจ SME แทบจะทั้งหมด

ตำแหน่งว่างงานในเยอรมนี

ตำแหน่งว่างงานในเยอรมนีอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน แต่ต้องการแรงงานที่มีทักษะสูง เช่น ทักษะด้านวิทยาศาสตร์ ทักษะด้านวิศวกรรมศาสตร์ ทักษะด้านคณิตศาสตร์ และทักษะด้านเทคโนโลยี แต่ก็มีอาชีพอื่นๆ ที่เป็นที่ต้องการจำนวนมากขึ้น เช่น

บัญชี / การจัดการ / การตลาด / การเงิน / นักแปล / สื่อสิ่งพิมพ์ / การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ / การท่องเที่ยว / ล่าม และการแปล / การพิสูจน์อักษร / การสอนภาษาเยอรมัน / การสอนภาษาอื่น เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ให้ชาวเยอรมัน / นักเขียนบทความ / ผู้เชี่ยวชาญพิพิธภัณฑ์ / ผู้บริการบนเครื่องบิน / ผู้จัดการโรงแรม

ค่าตอบแทน (รายได้) ขั้นต่ำ ในเยอรมนี

ค่าจ้างขั้นต่ำในเยอรมนีถูกกำหนดในแต่ละปี ณ เดือนมกราคม 2020 อยู่ที่ €9.35 ต่อชั่วโมง (ประมาณ 345.95 บาท) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 5 ของประเทศในสหภาพยุโรป และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนในเยอรมนีอยู่ที่ €4,021  (ประมาณ 148,777 บาท) แต่จะแตกต่างกันไปตามภาคภูมิภาค และสายงาน โดย สายงานด้านแพทย์และทันตแพทย์ เป็นอาชีพที่ได้รับสูงสุดคือ €80,000 ต่อปี (ประมาณ 2,900,000 บาท) รองลงมาคือ อาชีพเกี่ยวกับด้านกฏหมาย ทนายความ และ วิศวกรตามลำดับ

โอกาสในการทำงานในประเทศอื่นๆ 

หากได้ทักษะภาษาเยอรมัน ไม่เพียงแต่จะได้โอกาสในการทำงานในประเทศเยอรมนี แต่จะได้โอกาสในการทำงานในประเทศอื่นๆ ที่ใช้ภาษาเยอรมันในการสื่อสารด้วย เช่น ประเทศออสเตรีย ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประเทศเบลเยียม ประเทศลิกเตนสไตน์ ประเทศลักเซมเบิร์ก และประเทศอื่นๆ ที่ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาพูดด้วย

นอกจากนี้ หากเรียนต่อที่เยอรมนีในระดับปริญญาตรี เมื่อสำเร็จการศึกษา สามารถอยู่ทำงานต่อในประเทศเยอรมนีหลังเรียนจบได้อีก 18 เดือน และได้สิทธ์ขอ EU Blue Card ได้ด้วย คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ EU Blue Card


เรียนภาษาเยอรมัน ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ สถาบันไหนดี เดอะเบสท์คัดมาให้แล้ว

สำหรับน้องๆ คนไหนที่กำลังวางแผนจะไปเรียนภาษาที่ประเทศเยอรมนี ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ได้แนะนำสถาบันสอนภาษาเยอรมันคุณภาพสูง 3 สถาบัน คือ Alpadia Language School, GLS German Language School Berlin และ Sprachcaffe Lanauge Plus ซึ่งทั้ง 3 สถาบันนี้

  • เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียง
  • ออกแบบมาเพื่อนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ
  • เป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ
  • ได้รับรางวัลการันตี และการรับรองจากหน่วยงานการศึกษามากมาย
  • มีหลักสูตรภาษาเยอรมันที่หลากหลาย ตั้งแต่พื้นฐาน จนถึงระดับสูง มีหลักสูตรทั้งเด็ก และผู้ใหญ่
  • อัตราส่วนนักเรียนต่อครูไม่เกิน 10 – 15 คน
  • ครูผู้สอนมีประสบการณ์การสอนนักเรียนต่างชาติเป็นอย่างดี
  • มีบริการช่วยสมัครเรียน และติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือหลักสูตร Studienkolleg ให้ด้วย 

ตัดสินใจวางแผนเรียนภาษาเยอรมัน ติดต่อศูนย์ เดอะเบสท์ได้เลย

น้องๆ ที่สนใจเรียนภาษาที่ประเทศเยอรมัน ศูน์ยฯ เดอะเบสท์แนะนำให้สมัครเรียนก่อนล่วงหน้าได้เลย เพราะสมัครเรียนฟรี สามารถเริ่มภายในปีหน้าได้ ข้อดีของการสมัครเรียนก่อนคือ น้องๆ จะได้เรียนในราคาโปรโมชั่นปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากน้องๆ สมัครเรียนภายหลังค่าใช้จ่ายอาจจะสูงขึ้นด้วย หากต้องการคำแนะนำอย่างละเอียด เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ค่าที่พัก ค่าครองชีม และการเดินทาง กรุณาสอบถามข้อมูลกับศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพิ่มเติม เรายินดีให้คำปรึกษาฟรี ไม่มีค่าบริการ

สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร
 : 
090-327 3558088-269 5099

Email : contact@thebest-edu.com
Line : @thebesteduหรือคลิ๊กเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน

หมายเหตุ:

  • ในบทความนี้คำนวนอัตราแลกเปลี่ยน 1 EUR = 37 บาท
  • นอกจากสถาบันสอนภาษาเยอรมันในประเทศเยอรมนี บางประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน เป็นภาษาราชการ ยังเปิดสอนด้วย เช่น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย เบลเยียม หากต้องการข้อมูล สามารถสอบถามกับ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ ได้เลย
  • หากสถาบันที่น้องๆ ต้องการเรียน ไม่ได้อยู่ในรายชื่อ 3 สถาบันนี้ หรือต้องการเรียนที่เมืองอื่น สามารถติดต่อ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพื่อสอบถามข้อมูลสถาบันอื่นๆ ได้เลย

1. ALPADIA Language Schools

Alpadia Language Schools เป็นโรงเรียนสอนภาษาภายใตของสถาบัน Kaplan International Languages ให้บริการสอนภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี อังกฤษ สำหรับประเทศเยอรมนี Alpadia Language Schools ตั้งอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศเยอรมัน และอีกวิทยาเขตตั้งอยู่ที่เมือง Freiburg เปิดสอนหลักสูตรภาษาเยอรมันที่หลากหลาย และเจาะจง ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น จนถึงระดับสูง นอกจากนี้ สถาบัน Apladia Language Schools ยังเป็นศูนย์สอบอย่างเป็นทางการสำหรับการสอบ telc อีกด้วย

ข้อมูลสถาบันค่าใช้จ่ายหลักสูตรที่เปิดสอนสิ่งอำนวยความสะดวกและที่พักภาพบรรยากาศสถาบัน

จุดเด่นของสถาบัน

  • การรับรองจากต่างประเทศ เรียนภาษาเยอรมันที่ Alpadia พร้อมกับใบรับรองที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลตามมาตรฐาน CEFR
  • เปิดสอนหลักสูตร University Placement Program สำหรับผู้ที่ต้องการเรียนที่มหาวิทยาลัยที่เยอรมัน พร้อมให้คำปรึกษาและเสนอตัวเลือกที่ดีที่สุด
  • มีกิจกรรมหลากหลายที่น่าตื่นเต้นทุกสัปดาห์ ทัศนศึกษาเพื่อสำรวจเมืองรวมทั้งการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ การชมภาพยนตร์นอกอาคารที่ Kreuzberg หรือ Stammtisch  สภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายและเป็นมิตรส่งเสริมการสนทนาและมิตรภาพใหม่ๆ การใช้ภาษาในบริบททางสังคมเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม
  • คุณภาพบริการที่ยอดเยี่ยม ของรับการยอมรับจากองค์กรต่างๆ ของเยอรมัน และนานาชาติ
  • กรุงเบอร์ลินเป็นเมืองที่มีความเป็นสากลและมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และน่าหลงไหล
  • นักเรียนที่ Alpadia มีการแบ่งสัดส่วนอย่างลงตัว ทั้งยุโรปอเมริกาเอเชียและตะวันออกกลาง นี่เป็นโอกาสพิเศษในการพบปะกับนักเรียนจากหลากหลายเชื้อชาติและแบ่งปันมุมมองที่แตกต่างกัน

สถานที่ตั้งของสถาบัน

Alpadia Berlin

โรงเรียน Alpadia วิทยาเขต Berlin ตั้งอยู่ในเขต Schöneberg ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองหลวง เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เข้าเรียนหลักสูตรภาษาเยอรมันในพื้นที่ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง คาเฟ่ บาร์ และร้านอาหารหลายแห่งตั้งอยู่บนถนนที่มีชีวิตชีวาของย่านใจกลางแห่งนี้ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายด้วยระบบขนส่งสาธารณะ นอกจากห้องเรียนขนาดใหญ่และสว่างสดใสพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกการเรียนรู้ชั้นหนึ่งแล้วโรงเรียนยังมีห้องประชุมอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และเลานจ์ที่กว้างขวางซึ่งนักเรียนสามารถพบปะกันในช่วงพักและซื้อเครื่องดื่ม

Alpadia Freiburg

Alpadia วิทยาเขต Freiburg ตั้งอยู่ในย่านที่สวยงามสไตล์นีโอคลาสสิกที่หรูหรา ใจกลางเมือง มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียน ปลอดภัย เงียบสงบ และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความโรแมนติกของเยอรมัน โรงเรียน

Alpadia Language School เปิดสอนหลักสูตรภาษาเยอรมันที่หลากหลายและน่าสนใจ เพื่อพัฒนาทักษะทุกความต้องการ ทั้งการเรียนต่อ การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยหลักสูตรทุกหลักสูตร อิงจามรูปแบบ Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) และมีการทดสอบวัดระดับ เพื่อดูพัฒนาการภาษาเยอรมันตลอดทุกสัปดาห์

  • Standard 20 (20 บทเรียน / สัปดาห์) หลักสูตรภาษาเยอรมันทั่วไป หลักสูตรนี้เน้นเรียนภาษาในตอนเช้า และทำกิจกรรมนอกหลักสูตรในช่วงบ่าย เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาเยอรมัน เพื่อใช้ชีวิตในประเทศเยอรมัน หรือผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาเยอมันในช่วงปิดเทอม ระยะเวลาลงเรียนขั้นต่ำคือ 2 สัปดาห์ สามารถเริ่มเรียนได้ตั้งแต่ระดับ A1
  • Intensive 25 (25 บทเรียน / สัปดาห์) หลักสูตรภาษาเยอรมันแบบเข้มข้น พัฒนาทักษะภาษาเยอรมันด้วยวิธีการสอนแบบไดนามิก พร้อมบทเรียนเสริมอีก 5 บทเรียน เช่น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนภาษาเยอรมันเพื่อการเรียนต่อ หรือพัฒนาสายงานอาชีพในอนาคต ระยะเวลาเรียนขั้นต่ำคือ 2 สัปดาห์ สามารถเริ่มเรียนได้ตั้งแต่ระดับ A1
  • Premium 30 (30 บทเรียน / สัปดาห์) หลักสูตรภาษาเยอรมันแบบเร่งรัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะภาษาเยอรมันอย่างเร่งด่วน รวดเร็ว และเข้มข้น โดยมุ่งเน้นทักษะการเขียนโดยเฉพาะ ระยะเวลาเรียนขั้นต่ำคือ 2 สัปดาห์ สามารถเรียนได้ตั้งแต่ระดับ A1 
  • Private (ความเข้มข้นตามความต้องการของผู้เรียน) หลักสูตรภาษาเยอรมันแบบตัวต่อตัว ช่วยพัฒนาทักษะภาษาเยอรมันตามความต้องการ สามารถออกแบบหลักสูตรเอง ตามความสนใจได้
  • Combi 5 & 10 courses (25 หรือ 30 บทเรียน / สัปดาห์) หลักสูตรนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับภาษาเยอรมันเน้นทักษะการพูดและการเขียนโดยผสมผสานทั้งชั้นเรียนทั่งตัวต่อตัว และแบบกลุ่ม ระยะเวลาขั้นต่ำสำหรับผู้เริ่มต้นอย่างแท้จริง ระยะเวลาเรียนขั้นต่ำคือ 2 สัปดาห์ สามารถเริ่มเรียนได้ตั้งแต่ระดับ A1
  • Exam Prep 30 (30 บทเรียน / สัปดาห์) ออกแบบมาสำหรับนักเรียนที่เตรียมสอบ TELC, TestDaF หรือ Goethe 

Alpadia Berlin and Freiburg มีที่พักมากมายรายล้อมรอบสถาบัน เดินทางสะดวก และปลอดภัย นอกจากนี้ ผู้เรียนยังสามารถเลือกพักอาศัยกับโฮสต์แฟมิลี่ หรือครอบครัวอุปถัมภ์ได้ 

  • Host Family โฮสต์แฟมิลี่ หรือครอบครัวอุปถัมภ์ ที่เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับสถาบันมีมากมาย และกว้างขวาง ตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกภาษาเยอรมัน เน้นสนทนา อย่างจริงจัง นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสได้เรียนรู้วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชาวเยอรมันอีกด้วย มีห้องนอนเดี่ยว พร้อมอาหาร 2 – 3 มื้อ ต่อวัน
  • Residence ห้องพักของทางโรงเรียน ประกอบด้วยห้องเดี่ยวที่ได้รับการตกแต่งครบครัน พร้อมพื้นที่เก็บของกว้างขวาง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทำงาน พร้อมห้องน้ำส่วนตัว ทำเลอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยว
  • Self-catering homestay ที่พักประเภทนี้ให้บริการเฉพาะวิทยาเขตเบอร์ลิน เป็นห้องพักประเภทเดียวกันกับโฮสต์แฟมิลี่ แต่ที่พักประเภทนี้จะเหมาะสำหรับผู้ใหญ่มากกว่า เนื่องจากจะต้องบริการทุกอย่างด้วยตนเอง
  • Student apartment อพาร์ทเม้นนักศึกษาที่คัดสรรมาอย่างดี ตั้งอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยม ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง มีตัวเลือกมากมายทั้งห้องเดี่ยว ห้องคู่ พร้อมส่วนกลาง และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

2. GLS German language School Berlin

The GLS German Language School สถาบันสอนภาษาเยอรมันคุณภาพสูงในกรุงเบอร์ลิน ก่อตั้งเมื่อปี 1983 ได้รับรางวัลการันตีจาก Star School Germany Award ถึง 5 สมัย มีหลักสูตรภาษาเยอรมันหลากหลาย เช่น หลักสูตรภาษาเยอรมันทั่วไป General German หลักสูตรภาษาเยอรมันสำหรับการทำงาน German for Work หลักสูตรเตรียมสอบ TESTDAF, TELC, GOETHE รวมถึงหลักสูตรเยอรมันเพื่อการเรียนต่อมหาวิทยาลัย University Pathway นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์สอบ TestDaF อีกด้วย

สถาบัน GLS German Language School ตั้งอยู่ในย่านที่มีความเพียบพร้อมในสิ่งอำนวยความสะดวก วิทยาเขตกว้างขวาง หรูหรา มีสวนสาธารณะให้พักผ่อนหย่อนใจใกล้ๆ กับสถาบัน และมีที่พักในสถาบัน นักเรียนจะได้เรียนในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย และเหมาะสมสำหรับการเรียนภาษาเยอรมัน

ข้อมูลสถาบันค่าใช้จ่ายหลักสูตรที่เปิดสอนสิ่งอำนวยความสะดวกและที่พักภาพบรรยากาศสถาบัน

จุดเด่นของสถาบัน

  • ได้รับรางวัล Star School Germany 5 สมัย การันตีถึงคุณภาพการเรียนการสอน
  • จำนวนนักเรียนมากกว่า 5,000 คน จาก 18 ประเทศทั่วโลก
  • มีหลักสูตรสอนภาษาเยอรมันที่หลากหลาย และตอบโจทย์ทุกความต้องการ ยืดหยุ่น สามารถเริ่มเรียนได้ทุกวันจันทร์
  • ชั้นเรียนขนาดเล็ก ห้องเรียนที่ทันสมัย
  • ครูผู้สอนทุกท่าน มีความเชี่ยวชาญในการสอนภาษาเยอรมันเป็นอย่างดี
  • เป็นศูนย์สอบ TestDaF และ telc อย่างเป็นทางการ
  • อยู่ในกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศเยอรมัน นักเรียนจะได้ฝึกฝน และใช้ภาษาเยอรมัน กับเจ้าของภาษา ซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนภาษาเยอรมันให้เร็วที่สุด 
  • วิทยาเขตทันสมัยกว้างขวางกว่า 16.000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเบอร์ลิน สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมด้วยที่พักแบบพรีเมียม ระดับ 5 ดาว

สถานที่ตั้งของสถาบัน

GLS German Language School ตั้งอยู่ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเบอร์ลินใน “Prenzlauer Berg” อันทันสมัย มีปัญญาชนและศิลปินมากมายอาศัยอยู่ที่นี่ หลังจากการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน ย่านนี้ก็ได้เติบโตขึ้นและกลายเป็นย่านยอดนิยมในกรุงเบอร์ลิน การเดินทางสะดวกสบาย สามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น Bahnhof Zoo, Hauptbahnhof หรือ Ostbahnhof

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้กับสถาบัน GLS

  • Dock 11 สตูดิโอสำหรับการแสดงโยคะและการเต้นรำ อยู่ติดกับสถาบัน
  • Lichtblick โรงภาพยนตร์ มีภาพยนตร์ทั่วไป และภาพยนตร์อาร์ตฉายเป็นประจำ อยู่ห่างจากสถาบันไป 2 ช่วงตึก
  • Thatchers ร้านเสื้อฟ้าแฟชั่นยอดนิยม อยู่ฝั่งตรงข้ามของสถาบัน
  • Volksbühne โรงละคร ห่างจากสถาบันโดยการเดินเพียง 15 นาที

German Courses

  • STANDARD 20 lessons/week เน้นการทักษะการสื่อสาร การพูด การเขียน การอ่าน และการฟังอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวัน สามารถเริ่มเรียนได้ตั้งแต่ระดับ A1 | เริ่มเรียนได้ทุกวันจันทร์ | 20 บทเรียน/สัปดาห์ | 9:00 – 12.30 น.
  • Intensive 30 lessons/week เน้นการทักษะการสื่อสาร การพูด การเขียน การอ่าน และการฟังแบบเข้มข้น มีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาทักษะภาษาเยอรมันอย่างรวดเร็ว | เริ่มเรียนได้ทุกวันจันทร์ | 30 บทเรียน/สัปดาห์ | 9:00 – 14.45 น.
  • CRASH 30 lessons/week หลักสูตรที่ผสมผสานระหว่างบทเรียนมาตรฐาน Standard และบทเรียนเดี่ยวแบบตัวต่อตัว เน้นการสื่อสาร การอ่าน การเขียน และการฟัง เสริมด้วยบทเรียนพิเศษในแต่ละหัวข้อ เช่น การเมือง เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ | 30 บทเรียน/สัปดาห์ | 9:00 – 14.45 น.
  • ONE-TO-ONE ชั้นเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัว ผู้เรียนสามารถออกแบบหลักสูตรได้ตามความต้องการ เริ่มเรียนได้ทุกวัน ทุกเวลา ตั้งแต่ 9:00 น. ถึง 22:00 น  
  • PRIVATE MINI-GROUP ชั้นเรียนภาษาเยอรมันแบบส่วนตัวกลุ่มเล็ก สามารถจับกลุ่มกับเพื่อน 2 – 5 คน และหารค่าใช้จ่ายกับเพื่อนได้ ประหยัด เหมาะอย่างยิ่งกับนักเรียนที่ต้องการเรียนภาษาเยอรมันระยะสั้น ช่วงปิดเทอม และเรียนกันเป็นกลุ่มเล็กแบบส่วนตัว เริ่มเรียนได้ทุกวัน ทุกเวลา ตั้งแต่ 9:00 น. ถึง 22:00 น

German Business Class

  • German for Success Regardless in which field you work, whether in architecture, design, engineering or management – this course is for you, if you need German in your workplace. This course will help you to communicate professionally in German: on the phone, by mail, in meetings, while presenting, reporting or negotiating. The focus is not on a specific profession and its terminology, but on the German, every professional needs in order to be successful in Germany or with German business partners.
  • Legal German The course German for lawyers, law students & legal professionals focuses on the German that is used in the field of law. You learn how to read, to understand and formulate juridical phrases in German and will gain confidence in their usage. The context of the course will be German and European law. On request meetings with German lawyers in Berlin can be arranged.
  • German for Teacgers This course German for teachers reviews and discusses latest developments in teaching German as a foreign language. You can fine-tune your German and update yourself on recently published specialized literature and a variety of materials designed for teaching German. Visits to educational institutions in Berlin can be arranged.
  • Teacher Training (IH Certificate) GLS is certified by IH International House and prepares for the IH Certificate for Teaching German as a Foreign Language (IHC German). The certificate is equivalent to the CELTA certificate in teaching English and enables those holding it to teach German as a foreign language in the private sector in Germany and abroad. Prep courses for the certificate last 4 weeks and are bookable for applicants who speak German on a native-speaker level (i.e. advanced C2). Find more info here
  • Erasmus+ GLS offers German courses that are funded by the EU – for professionals working in educational institutions (teachers and administrative staff).
  • For Journalists Germany’s print media, the most important radio and TV stations as well as multimedia groups will be introduced. The course German for journalists backs up German skills like telephoning, information gathering, skim-reading, drafting short exposes and manuscripts as well as interviewing. If requested visits to editorial offices in Berlin can be arranged.
  • Medical German The minimum requirement for this course is level B1+. The German course for doctors Deutsch für Mediziner is aimed at foreign doctors, who already practise or who would like to practise their profession in Germany. It prepares medical doctors for everyday situations in the hospital and improves their ability to communicate in German, so that they can communicate better with their patients and colleagues in their everyday work. The main focus of the German course for doctors is on communication with patients. Other topics are:  

Exam Preparation

  • TestDaF We’ll get you ready for TestDaF! You can join daytime or evening classes – just pick the one that works best for you
  • TELC A1, A2, B1, B2, C1 We are a test center for telc German certificates in Berlin. And we’ll get you ready for each one of them! You can join daytime or evening classes – just pick the one that works best for you
  • Goethe B1, B2, C1, C2 For many years we have been getting students ready for the certificates of the Goethe Insitut. We offer prep courses in different formats …
  • Studienkolleg Duration of the prep course: 4 weeks | Content: German & Maths | 20 lessons à 45 minutes per week | MON – FRI, 9 AM – 12.30 PM | small groups with max. 12 students | Level you need to enroll: B2 – test your level online

German courses online

  • General German
  • Business German
  • TestDaF
  • TELC A1, A2, B1, B2, C1
  • Goethe B1, B2, C1, C2

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • ห้องเรียนทั้งหมด 60 ห้องมีสมาร์ทบอร์ดหรือหน้าจอสัมผัส
  • โรงอาหารพร้อมสวนเปิดทุกวัน เวลา 7.30 – 15.30 น. 
  • อพาร์ทเมนท์ 50 ห้องในสวนด้านหลังโรงเรียนสอนภาษาพร้อมห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ครบครันและอ่างอาบน้ำ
  • ห้องพักของโรงแรม 72 ห้อง
  • สระว่ายน้ำในสถาบัน Hotel Oderberger เปิดให้บริการในราคาพิเศษสำหรับนักเรียน GLS

ที่พัก

หากคุณต้องการที่พักในขณะเรียนภาษาเยอรมันที่เบอร์ลินเรายินดีที่จะช่วยเหลือคุณ! นี่คือตัวเลือกของคุณหากคุณเรียนหลักสูตรภาษาเยอรมันที่ GLS German Language School หากคุณต้องการเรายินดีที่จะจัดหาที่พักให้คุณในเบอร์ลินทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ราคาโปรดดูด้านล่าง

ที่พักของสถาบัน

ค่าใช้จ่ายที่พักแบบ ACCOMMODATION ON CAMPUS
Apartments 1 week 2 weeks 3 weeks 4 weeks > 5 weeks
single 498 € 988 € 1520 € 2052 € 497 €/week
shared * 312 € 572 € 880 € 1188 € 294 €/week
Hotel Oderberger 1 week 2 weeks 3 weeks 4 weeks > 5 weeks
classic room from  840 €*        
tower studio 594 € 1157 € 1780 € 2403 € 588 €/week
rooftop maisonette 390 € 715 € 1100 € 1485 € 350 €/week

ที่พักภายนอกสถาบัน

  • โฮมสเตย์และแฟลตแชร์ ห้องเดี่ยวในบ้านของชาวครอบครัวชาวเยอรมัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน หรือแชร์แฟลตกับคนชาติอื่น โดยจะมีห้องนอนส่วนตัว แต่มีส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน เช่น ห้องโถง ห้องน้ำ และห้องครัว
  • อพาร์ทเมนท์นักศึกษาราคาประหยัดอพาร์ทเมนท์ (พักคนเดียว) พร้อมห้องครัวอ่างอาบน้ำ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยในเบอร์ลิน GLS ร่วมมือกับหอพักนักเรียนสองแห่ง
ค่าใช้จ่ายที่พักแบบ ACCOMMODATION OFF CAMPUS
Single room with: 1 week 2 weeks 3 weeks 4 weeks > 5 weeks
Self catering 258 € 429 € 660 € 891 € 210 €/week
Breakfast 288 € 494 € 760 € 1026 € 252 €/week
Half board 348 € 624 € 960 € 1296 € 322 €/week
Residence Distance to GLS Stay Price per month
THS The Student Hotel 10 minutes min 3 months from 850 €
House of Nations 30 minutes min 1 month from 600 €

3. Sprachcaffe Language Plus

Sprachcaffe Langauge Plus ก่อตั้งเมื่อปี 1983 มีประสบการณ์การสอนภาษายาวนานกว่า 35 ปี เปิดสอนในหลากหลายประเทศ ด้วยวิทยาเขตที่มีมากกว่า 30 วิทยาเขตทั่วโลก เปิดสอนหลักสูตรภาษาคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน อิตาเลียน จีน หรือ อารบิค ทุกวิทยาเขตตั้งอยู่ในสถานที่ยอดเยี่ยม ในเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เปิดสอนตั้งแต่เด็ก บุคคลทั่วไป และผู้ใหญ่อายุ 35+ โดยมีวิธีการสอนที่ช่วยพัฒนาการสื่อสารให้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการฝึกทักษะภาษาเเละพัฒนาตัวเอง

ข้อมูลสถาบันค่าใช้จ่ายหลักสูตรที่เปิดสอนสิ่งอำนวยความสะดวกและที่พักภาพบรรยากาศสถาบัน

จุดเด่นของสถาบัน

  • สถาบันภาษา Sprachcaffe Language Plus มีหลักสูตรให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรแบบมาตรฐาน, หลักสูตรแบบเข้ม, หลักสูตรตัวต่อตัว
  • อาจารย์ผู้สอนระดับมืออาชีพ และมีแรงจูงใจสูงในการสอนภาษา และนอกจากในห้องเรียนแล้ว ยังคอยให้คำแนะนำในด้านการใช้ชีวิตด้วย
  • วิธีการสอนที่มีประสิทธิภาพ และเข้าใจง่ายแม้เป็นผู้เริ่มเรียน
  • หลักสูตรการสอนที่ออกแบบโดยทาง สถาบัน มีจำนวนระยะเวลาเรียนที่เหมาะสม ทั้งหลักสูตรและอุปกรณ์การเรียนมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยอยู่เสมอ
  • เปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้ไม่มีความตึงเครียด ให้ประสบการณ์การเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์
  • มีความยืดหยุ่นในการเรียนการสอน เพื่อช่วยให้นักเรียนมีทักษะทางภาษาที่คืบหน้ามากที่สุด และในเวลาที่สั้นที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้

สถานที่ตั้งของสถาบัน

Sprachcaffe Langauge Plus (Frankfurt)

สถาบันตั้งอยู่ในเขตย่านใจกลางเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ห่างออกไปไม่ไกลนักก็จะพบกับร้านอาหารผับ รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจตั้งอยู่ สถาบันยังห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Schweizer Platz เพียง 2 นาที และจากสถานียังสามารถไปใจกลางเมืองโดยใช้เวลาเดินทางเพียง 5 นาทีเช่นกัน สถาบันประกอบด้วย 12 ห้องเรียน พร้อมห้องครัวขนาดเล็ก และห้องสมุด และสถาบันยังเตรียมมุมเครื่องดิ่มสำหรับนักเรียนได้พักดื่มกาแฟระหว่างช่วง พักของชั้นเรียนเช่นกัน

กิจกรรมพิเศษ

มีทริปเดินทางไปยังเมืองใกล้ ๆ อย่าง Heidelberg และ Cologne รวมทั้งเล่นฟุตบอล, เที่ยว Main Tower เที่ยวสวนสัตว์, ฮ๊อกกี้, พิพิธภัณฑ์เกอเธ่, The Palmengarten, ฟังเพลงแจ๊ซ, ล่องเรือ ฯลฯ

Location: Gartenstraße 6, 60594 Frankfurt am Main, เยอรมนี

Sprachcaffe Langauge Plus (Munich)

โรงเรียนที่มิวนิคเป็นตึกที่สวยงามสไตล์บาร็อคใหม่ ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1900 เเละได้รับการปรับปรุงให้เป็นอาคาร 4 ชั้นและมีห้องเรียนมากขึ้นเเละมีการเปิดอาคารใหม่อีกด้วยรวมเป็นเจ็ดห้องเรียนเเละมีสี่ชั้นซึ่งตั้งอยู่ย่านที่ชื่อที่ฟรานซ์โจเซฟ Straße 48 และสามที่Bauerstraße 2

โรงเรียนของเราตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองอยู่ไม่ห่างจากรถไฟฟ้า Schwabing-West อยู่ในย่านร้านอาหารกว่า 50 ร้านนักเรียนสามารถเดินไปบาร์เเละโรงหนังได้ โรงเรียนตั้งอยู่หัวมุมถนน Elisabethplatz ซึ่งที่นี่เคยเป็นตลาดที่โด่งดังมากว่าหนึ่งร้อยปี เเละมีสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลกคุณสามารถเดินทางสะดวกทุกสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า

  • รถไฟฟ้า U-Bahn: U3 – U6 (Stop : Giselastraße)
  • รถไฟฟ้า Straßenbahn: 27 -28 (Stop : Elisabethplatz)

Location: Karl-Theodor-Straße 93, 80796 München, เยอรมนี

Sprachcaffe Langauge Plus (Frankfurt)

ในวันแรกของหลักสูตร นักเรียนจะทำการการทดสอบภาษาก่อน จากนั้นจะถูกจัดชั้นเรียนในระดับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคน หลักสูตรภาษาจะมีขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เมื่อจบหลักสูตรนักเรียนแต่ละคนจะได้รับใบรับรอง ระบุจำนวนบทเรียน และระดับภาษาที่เรียน

  Lessons per Week* Minimum Duration Group Size
Standard Course 20 2 weeks 12
Intensive Course 30 1 week 12
One to One Course 10, 20 or 30 1 week 1
Exam Prep and Academic Term 20 or 30 8 weeks 12
**Standard Course / TestDAF Exam Prep 20 8 weeks 14
***University Pathways 20 9 weeks 14
Elective Course 10 1 weeks 10

หมายเหตุ:

  • *1 บทเรียน = 45 นาที
  • **ยังไม่รวมค่าสอบ
  • ***Placement Fee +€240
  • อายุขั้นต่ำ: 18 ปี; อายุ 16-17 ปี จำเป็นต้องมีใบอนุญาติจากผู้ปกครอง

Sprachcaffe Langauge Plus (Munich)

ที่มิวนิคมีเป้าหมายที่เปิดกว้างในการดรียนการสอนที่จะทำให้นักเรียนได้สื่อสารเเละเรียนรู้จากครูผู้สอนเจ้าของภาษา ที่มีประสบการณ์ มีความคิดสร้างสรรค์ เเละมีวิธีการสอนที่แตกต่าง ทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมกับเพื่อนเเละครูผู้สอน

 
Lessons Per Week
Minimum Duration
Group size
Standard Course
20
1 week
12
Intensive Course
30
1 week
12
One-to-One Course
10, 20 or 30
1 week
1
Standard Course/University Pathways**
20
9 weeks
12
Elective Course
10
1 weeks
10

หมายเหตุ: 

  • 1 บทเรียน = 45 นาที
  • **ค่าดำเนินการ ฟรี: +€240
  • คอร์สเรียนภาษาเยอรมัน รับนักเรียนตั้งแต่อายุ18ปีขึ้นไป,นักเรียนที่อายุต่ำกว่า 16ปี สามารถติดต่อได้ทางเจ้าหน้าที่เพื่อขอสิทธิพิเศษในการขอเข้าเรียน.
  • บทเรียนนอกเหนือจากหลักสูตรการเรียนภาษาษาเยอรมัน, ที่พักแบบโอมสเตย์ สามารถจองได้

Sprachcaffe Langauge Plus (Frankfurt)

มีที่พักให้เลือกหลายประเภท จัดไว้ให้เหมาะสมกับการมาเรียนภาษาที่ต่างประเทศ ผู้เรียนสามารถเลือกได้ตามความสะดวก ที่พักทุกๆประเภท เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้เวลาทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ้านที่เป็นคนท้องถิ่น หรือเพื่อนนักเรียนชาวต่างชาติที่พักอยู่ร่วมกัน

Accommodation
Rooms
Board
Facilities
Distance from school
อพาร์ทเมนท์มาตรฐาน
Single & Double
Self-catering
Shared kitchen & bathroom
In school building or 10 min walk
อพาร์ทเมนท์พิเศษ
Single & Double
Self-catering
Shared kitchen & bathroom, bigger room
In school building or 10 min walk
โฮมสเตย์
Single & Double
HB & FB
Typical of destination
Within 50 mins by public transport
โรงแรม
Single
Breakfast
Typical of destination
Within 30 mins by public transport

Sprachcaffe Langauge Plus (Munich)

Accommodation
Rooms
Board
Facilities
Distance from school
โฮมสเตย์
Single
HB & FB
สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน
50 นาที รถโดยสารประจำทาง

ข้อมูลค่าครองชีพและการเตรียมหลักฐานเงินขอวีซ่า

ค่าธรรมเนียมการศึกษา มักจะเป็นสิ่งแรก ที่จะต้องพิจารณา เมื่อวางแผนเรียนต่อต่างประเทศ แต่สำหรับในประเทศเยอรมนี ไม่มีค่าธรรมเนียมการศึกษาตลอดระยะเวลาการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาชาวเยอรมัน หรือนักศึกษาชาวต่างชาติ ที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐบาลในประเทศยอรมนี ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษา แต่มหาวิทยาลัยจะเรียกเก็บค่าลงทะเบียนเรียนเล็กน้อย ประมาณ €300 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับสวัสดิการนักศึกษา ทั้งภายใน และภายนอกโรงเรียน เช่น การใช้บริการห้องสมุด การใช้บริการโดยสารสาธารณะ ตลอดทั้งเทอม

แม้จะไม่มีค่าธรรมเนียมการศึกษา แต่ก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และอื่นๆ ในชีวิตประจำวันอีกด้วย โดยหากกำลังวางแผนตัดสินใจมาเรียนต่อที่ประเทศเยอรมนี จะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายประมาณ €853 ต่อเดือน (ประมาณ  31,561 บาท) และในแต่ละเมืองของประเทศเยอรมนี ก็มีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันด้วย 

คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าครองชีพประเทศเยอรมนี

หลักฐานการเงินที่ต้องแสดงเพื่อขอวีซ่ามีอะไรบ้าง?

การขอวีซ่าเพื่อไปเรียนภาษาที่ประเทศเยอรมนี มี 2 ประเภท คือ 1. วีซ่าเพื่อเรียนภาษา และ 2. วีซ่าเพื่อการศึกษา โดยวีซ่าทั้ง 2 ประเภท มีเงื่อนไขการแสดงหลักฐานการเงินที่แตกต่างกัน 

  • วีซ่าเพื่อเรียนภาษา (เรียนภาษาเยอรมันอย่างเดียว) สามารถแนบหลักฐานการเงิน เช่น หนังสือรับรองค่าใช้จ่าย และภาระผูกพันอย่างเป็นทางการตามมาตรา 66-68 ของกฎหมายว่าด้วยการพํานักหรือ หลักฐานแสดงรายได้และทรัพย์สินของบิดา มารดา (เช่น หนังสือรับรองจากธนาคาร หนังสือรับรองการทํางาน ฯลฯ) หรือ หลักฐานการเงินของตนเอง โดยจะต้องมีหลักฐานการเงินอย่างน้อย €853 (ประมาณ 31,561 บาท) ต่อเดือน ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าเรียนนานมากขนาดไหน
  • วีซ่าเพื่อการศึกษา (เรียนภาษาเยอรมัน+ปริญญาตรี) หลักฐานการเงินจะแตกต่างจากวีซ่าเพื่อเรียนภาษา โดยจะต้องแนบในรูปแบบ Blocked Account คือต้องนำเงินจำนวนหนึ่งไปฝากที่ธนาคารของประเทศเยอร์มันตามที่สถานทูตกำหนดเพื่อขอวีซ่า โดยจำนวนเงินบังคับที่สถานทูตกำหนดให้ต้องฝากเข้าบัญชีธนาคาร Blocked Account คือ €10,236 (ประมาณ 378,732 บาท) สำหรับการเรียน 1 ปี เมื่อนักเรียนเริ่มภาคการศึกษาแรกในเยอรมนี จะสามารถถอนได้จำนวน €853 (ประมาณ 31,561 บาท) ต่อเดือน

คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชี Blocked Account 


วางแผนเรียนภาษาเยอรมันที่ประเทศเยอรมนี เริ่มต้นอย่างไรดี?

หากตัดสินใจว่าอยากเรียนภาษาเยอรมัน ที่ประเทศเยอรมนีได้เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางแผนการเรียน โดยประเทศเยอรมนี เป็นประเทศที่ต้องวางแผนอย่างรอบด้าน และทราบวัตถุประสงค์ของตัวเองอย่างชัดเจน เพราะจะส่งผลในการขอวีซ่าด้วย

1. กำหนดวัตถุประสงค์ของการเรียนภาษาเยอรมัน

ผู้ที่ต้องการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาที่ประเทศเยอรมนี และต้องการสิทธิ์เรียนฟรี จะต้องมีทักษะภาษาเยอรมันระดับ C1 หรือ ระดับ B2 ในหลักสูตร Studienkolleg หรือ ผู้ที่ต้องการฝึกทักษะภาษาเยอรมันระยะสั้นในช่วงปิดเทอม หรือผู้ที่ต้องการเรียนภาษาเยอรมันเพื่อความก้าวหน้าทางด้านการงานอาชีพในอนาคต

2. จะต้องเรียนภาษาเยอรมัน อย่างน้อยให้ผ่านระดับ A1

อันดับแรก ก่อนตัดสินใจไปเรียนต่อภาษาเยอรมัน ที่ประเทศเยอรมนี คือ ผู้เรียนจะต้องมีพื้นฐานทางภาษาเยอรมันมาก่อน  จึงจะสามารถขอ “วีซ่าเพื่อไปเรียนภาษาเยอรมัน” ที่ประเทศเยอรมนีได้ โดยผู้เรียนสามารถเรียนภาษาเยอรมันในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรียนกับสถาบันเอกชนทั่วไป สถาบันเกอเธ่ กรุงเทพฯ หรือเรียนออนไลน์ และจะต้องแสดงหลักฐานระดับภาษาเยอรมันอย่างน้อย ระดับ A1 (ระดับเบื้องต้น)

3. กำหนดงบประมาณที่ต้องการจะเรียนต่อ

สำหรับการเรียนภาษาเยอรมันที่ประเทศเยอรมนี ควรเตรียมงบประมาณในการเรียนภาษาต่างประเทศ อย่างน้อย 120,000 บาท – 250,000 บาท สำหรับหลักสูตร 6 เดือน หรือ 250,000 บาท – 300,000 บาท สำหรับหลักสูตร 1 ปี ยังไม่รวมค่าครองชีพ โดยค่าใช้จ่ายสามารถประหยัดได้ แนะนำให้สอบถามข้อมูล รายละเอียด และกำหนดงบประมาณกับทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพื่อได้รับคำแนะนำที่ดีที่สุด

คลิก เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าครองชีพประเทศเยอรมนี

4. เลือกโรงเรียนที่ต้องการไปเรียนต่อ

การเลือกโรงเรียนสอนภาษาเยอรมัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งหลักสูตรการเรียนการสอน ตรงกับความต้องการหรือไม่ ค่าใช้จ่ายสมเหตุสมผลหรือไม่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับมีความคุ้มค่าหรือไม่ สถานที่ตั้งของโรงเรียน ตั้งอยู่ใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะ ง่ายต่อการเดินทางหรือไม่ มีการช่วยเหลือนักเรียนสำหรับการสมัครเรียนระดับปริญญาตรี หรือสมัครเข้าเรียน Studienkolleg หรือไม่

5. ติดต่อศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนภาษาเยอรมันที่ประเทศเยอรมนี

ปรึกษาและวางแผนการเรียนกับทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ เพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย ได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ถ้าหากแผนการเรียนไม่ชัดเจน หรือทำผิดเงื่อนไข ก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่วางแผนเรียนภาษาเยอรมัน เพื่อเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาประเทศเยอรมนี จะต้องวางแผนการเรียนให้รอบครอบและเป็นแบบแผนมากที่สุด

ข้อดีของการใช้บริการ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์

  • ให้คำแนะนำสำหรับการเรียนต่อต่างประเทศโดยตรง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ สามารถวางแผนการเรียนตั้งแต่การเลือกประเทศ การเลือกเมือง การเลือกหลักสูตรทั้งระยะสั้น ระยะยาว พร้อมแนะนำโรงเรียนอย่างละเอียด
  • ช่วยติดต่อ ประสานงานกับสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ แน่นอนว่า การจะติดต่อสอบถาม ค่าใช้จ่าย และอื่นๆ จะต้องสอบถามเป็นภาษาอังกฤษ โดยเอเจ้นท์จะทำการติดต่อทั้งหมด รวมถึงการสมัครเรียนด้วย
  • ช่วยเตรียมเอกสารสมัครเรียน เอกสารยื่นวีซ่า ไม่ว่าจะเป็นการกรอกใบสมัคร การเตรียมเอกสารสมัครเรียนและยื่นวีซ่าทั้งหมด ซึ่งแต่ละสถาบัน จะมีเงื่อนไขการรับสมัครที่แตกต่างกัน บางสถาบัน จะต้องเขียนเรียงความ เพื่อสมัครเข้าเรียน ซึ่งเอเจ้นท์ จะมีหน้าที่ดูแล และ Review เอกสาร เพื่อให้เอกสารสมบูรณ์ที่สุด
  • ช่วยจัดหาตั๋วเครื่องบิน จัดหาที่พัก บริการรถรับส่งสนามบิน หากเป็นการเรียนต่อต่างประเทศครั้งแรก การใช้บริการเอเจ้นท์ อาจช่วยอำนวยความสะดวกได้อย่างมาก รวมถึงนักเรียนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เอเจ้นท์จะคอยจัดหาที่พักแบบ โฮมสเตย์ หรือ หอพักโรงเรียน และคอยรายงานผลการเรียนของนักเรียนให้ผู้ปกครองทราบอย่างใกล้ชิด
  • ดูแลตั้งแต่เริ่มเรียน จนเรียนจบ หลังจากที่เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว เอเจ้นท์ยังดูแล และให้ความช่วยเหลือเช่นเดิม ตลอดทั้งระยะเวลาการศึกษา นักเรียนสามารถขอคำปรึกษาจากเอเจ้นท์ได้ตลอดเวลา จนนักเรียนเรียนจบ และเป็นประโยชน์อย่างมาก
  • ช่วยวางแผนการเรียนต่อ หลังเรียนภาษาเยอรมัน นักเรียนหลายๆ คนอาจมีเป้าหมายในการเรียนต่อ หลังจากเรียนภาษา เช่น เรียนต่อในระดับปริญญาตรี หรือ Studienkolleg ซึ่งมีเงื่อนไข และเกณฑ์การรับเข้าที่ซับซ้อน และหลายขั้นตอน ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะทำงานร่วมกับสถาบันสอนภาษาที่นักเรียนได้ทำการเรียนอยู่ ช่วยเตรียมตัว ประสานงาน และเตรียมความพร้อม ก่อนเข้าเรียนระดับปริญญาตรีปริญญาตรี หรือ Studienkolleg
ติดต่อ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ หากต้องการวางแผนเรียนภาษา เพื่อการเรียนต่อปริญญาตรี และปริญญาโทในประเทศเยอรมัน

ติดต่อ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ หากต้องการวางแผนเรียนภาษา เพื่อการเรียนต่อปริญญาตรี และปริญญาโทในประเทศเยอรมัน

  1. ติดต่อ ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ โดยการกรอกแบบฟร์อมด้านล่าง เพื่อขอคำแนะนำการวางแผนเรียนภาษา เพื่อการเรียนต่อปริญญาตรี และปริญญาโทในประเทศเยอรมัน หลังจากนั้น ทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะติดต่อกลับเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
  2. บริการตรวจเช็คเอกสารให้ฟรี พร้อมแนะนำสถาบันสอนภาษาเยอรมัน และเส้นทางการเข้าเรียนปริญญาตรีที่เยอรมัน ให้เหมาะสมกับผู้เรียนรายบุคคล ตัวอย่างที่ 1 (คลิก) สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเรียนระดับปริญญาตรี ตัวอย่างที่ 2 (คลิก) สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเรียนระดับปริญญาโท
  3. หากตกลงเลือกเส้นทางการเรียนเรียบร้อยแล้ว ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะเริ่มดำเนินการสมัครเรียน ขอเอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี) รวมถึงเตรียมเอกสารดำเนินการเรื่องวีซ่าด้วย
  4. หลังจากสถาบันการศึกษาตอบรับเข้าเรียนแล้ว ทางโรงเรียนจะส่งเอกสารตอบรับ Acceptance Letter ที่ออกโดยสถาบันการศึกษาของเยอรมัน โดยเอกสารตอบรับเข้าเรียน จะชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งหมด ทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะนำมาสรุปค่าใช้จ่าย และคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินไทย ณ วัน เวลา ที่โอนเงิน 
  5. เมื่อชำระค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้ว ทางสถาบันการศึกษา จะส่งจดหมายตอบรับเข้าเรียน ทางศูนย์ฯ เดอะเบสท์ จะใช้จดหมายนี้ เพื่อนำไปยื่นวีซ่าในขั้นตอนต่อไป
  6. ในระหว่างที่เรียนภาษาที่เยอรมัน ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ และสถาบันสอนภาษาในประเทศเยอรมัน จะประสานงานกัน และให้ความช่วยเหลือผู้เรียนอย่างใกล้ชิด ในเรื่องการเรียน การใช้ชีวิต รวมถึงการสอบวัดระดับภาษาเยอรมัน (Goethe B2, telc B2, TestDaF หรือ telc C1 Hochschule) เพื่อให้เป็นไปตามแผนการเรียน
  7. เมื่อสำเร็จการศึกษาภาษาเยอรมัน ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ และสถาบันสอนภาษาในเยอรมันจะช่วยเหลือในขั้นตอนการสมัคร Studienkolleg หรือ ช่วยตรวจสอบเอกสารก่อนยื่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย 

“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่อง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร :090-327 3558088-269 5099
Email : contact@thebest-edu.com
Line :@thebesteduหรือคลิ๊กเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน


ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม

เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”

บริการของเรามีอะไรบ้าง ?

  • ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
  • เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
  • บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า 
  • บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
  • เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
  • บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, NIB, Allianz, Orbit และอื่นๆ
  • บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
  • บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล

 

 

“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.