สารบัญบทความ

Last updated มิถุนายน 9, 2022 ago by Thebestedu

ประเทศอังกฤษ เป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ด้านการเรียนต่อสำหรับนักเรียนไทย เมื่อพูดถึงการเรียนต่อต่างประเทศ หลายคนคงนึกถึงประเทศอังกฤษเป็นประเทศแรก แต่สำหรับการเรียนต่อมหาวิทยาลัยในอังกฤษนั้น ผู้เรียนจะต้องสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรนานาชาติระบบการศึกษาแบบอังกฤษ Cambridge A Level และจะต้องเข้าระบบ UCAS (Universities and Colleges Admissions Service) ซึ่งเป็นระบบ Admission กลาง ทำหน้าที่คัดเลือกนักศึกษา ที่มีคุณสมบัติเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ได้เลือกไว้ โดยระบบ UCAS เป็นระบบสากล คัดเลือกพร้อมกัน และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

สำหรับน้องๆ หลายคน ที่อาจจะกำลังตัดสินอยากเรียนต่ออังกฤษหลังจากเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลายเรียบร้อยแล้ว โดยที่ไม่ได้เรียนจบหลักสูตรนานาชาติมาก่อน หลายๆ หน่วยงานด้านการศึกษา สถาบัน และมหาวิทยาลัยในอังกฤษ จึงเพิ่มทางเลือก สำหรับนักเรียนต่างชาติ โดยการเปิดสอนหลักสูตร International Foundation Programmes หรือเรียกสั้นๆ ว่า หลักสูตร Foundation ซึ่งเป็นหลักสูตรปรับพื้นฐานทางวิชาการ และภาษาอังกฤษ เพื่อเชื่อมต่อ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เรียนหลักสูตรนานาชาติ ให้สามารถเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในอังกฤษได้โดยไม่ต้องผ่านระบบ UCAS ไปทำความรู้จักเกี่ยวกับหลักสูตร Foundation ได้ในบทความนี้เลยค่ะ

การเรียนปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ


การเรียนในระดับปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ ได้รับความนิยมสูงสุดในการเรียนต่อต่างประเทศ คุณวุฒิเป็นที่ยอมรับทั่วโลก หลักสูตรคุณภาพสูง และมหาวิทยาลัยทุกแห่งในประเทศอังกฤษ ได้มาตรฐาน และติดอันดับ Top ระดับโลก โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Russell Group เช่น มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (University of Oxford) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก รวมถึงมหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็เป็นที่ยอมรับสำหรับการจ้างงานทั่วโลก

โดยปกติแล้ว การเรียนปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ จะใช้ระยะเวลาเรียน 3 ปี และปริญญาตรีแบบ Honours จะใช้ระยะเวลาเรียน 4 ปี มีปริญญาหลายประเภท เช่น ปริญญาตรีศิลปศาสตร์บัณฑิต Bachelor of Art (BA) ปริญญาตรัวิทยาศาสตร์บัณฑิต Bachelor of Sciences (BSc) เป็นต้น

การเข้าเรียนปริญญาตรีที่อังกฤษได้นั้น ผู้สมัครจะต้องสำเร็จการศึกษาในระดับ Cambridge A Level และเข้าระบบ UCAS ซึ่งเป็นระบบ Admission กลางของประเทศอังกฤษ ที่ผู้เรียนสามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้ทุกแห่งในอังกฤษ สมัครผ่านระบบออนไลน์ และมีระบบคัดเลือกที่เป็นมาตรฐานทุกประเทศ จะประกาศพร้อมกันทั่วโลก

ปัญหาที่จะเจอในรั้วมหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนไทยคือ การปรับตัวเกี่ยวกับการเรียน และการใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ วัฒนธรรมการเรียนที่แตกต่างกันอย่างมาก ปัญหาสำหรับการเรียน การทำงานส่งอาจารย์ การเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นเรียน การอภิปรายกลุ่ม การนำเสนองาน บางคนมักไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น เนื่องจากนักเรียนไทยขาดความกล้าแสดงออก และไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น ดังนั้น การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ อาจจะปรับตัวได้ยากสำหรับบางคน ทำให้เกิด Culture Shock มีความรู้สึกไม่อยากเรียน และเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาทีหลัง ดังนั้น หลายๆ สถาบัน และมหาวิทยาลัย จึงมีหลักสูตร เตรียมความพร้อมในการเข้าเรียนปริญญาตรี เช่น Foundation Programme

นักเรียนไทยสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 สามารถเข้าเรียนปริญญาตรีที่อังกฤษได้ไหม?

คำตอบคือ “ไม่ได้” ถ้าหากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรภาษาไทย English Program หรือ Bilingual Program จะไม่สามารถเข้าเรียนปี 1 ได้ทันที เนื่องจากระบบการศึกษาของไทยกับอังกฤษนั้นแตกต่างกัน ดั้งนั้นทางเลือกสำหรับน้องๆ ที่เรียนระบบการศึกษาของไทยคือเลือกเรียนต่อ A-Level หรือ International Foundation Programme จึงจะสามารถเข้าเรียนในระดับปริญญาตรีของสหราชอาณาจักรได้

โดยในบทความนี้ เดอะเบสท์ จะขออธิบายเกี่ยวกับหลักสูตร International Foundation Programme ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ได้รับความนิยมมากสำหรับนักเรียนไทยที่วางแผนเรียนต่อในสหราชอาณาจักร ดังนี

หลักสูตร International Foundation คืออะไร

หลักสูตร International Foundation เป็นหลักสูตรปรับพื้นฐานสำหรับผู้ที่ไม่ได้เรียนจบหลักสูตรนานาชาติ Cambridge IGCSE A Level แต่ต้องการเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร โดยหลักสูตร Foundation จะช่วยปรับพื้นฐาน เป็นเหมือนสะพานเชื่อมต่อ (Pathway) ระหว่างวุฒิการศึกษาปัจจุบัน ให้ตรงกับข้อกำหนด และเงื่อนไขในการเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สหราชอาณาจักร หรือประเทศอังกฤษ

หากเป็นนักเรียนไทย ที่สำเร็จการศึกษาเทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 6 และต้องการเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ในสหราชอาณาจักร จะไม่สามารถเข้าเรียนได้ในระดับปริญญาตรี ผู้เรียนทุกคนจะต้องเข้าเรียนในหลักสูตร Foundation หรือหลักสูตรปรับพื้นฐานในการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร หรือประเทศอังกฤษ โดยใช้ระยะเวลาเรียน 1 ปี + ปริญญาตรี 3 ปี รวมระยะเวลา 4 ปี สามารถเข้าเรียนได้ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือน้องคนไหนที่อยากประหยัดเวลา ก็สามารถเข้าเรียนได้ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้เลย ข้อดีคือ น้องก็จะเรียนจบเร็วอีก 1 ปี

นอกจากนี้ หากน้องๆ เรียนหลักสูตรนานาชาติ Cambridge IGCSE หรือ A Level มาแล้ว แต่คะแนนยังไม่เป็นที่พึงพอใจ สามารถเข้าเรียนต่อหลักสูตร Foundation เพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้

ข้อดีของการเรียนหลักสูตร International Foundation

  • เพื่อให้มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์การเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรี หากผู้เรียนไม่ผ่านคุณสมบัติ หรือเกณฑ์การรับสมัครของมหาวิทยาลัย หลักสูตร Foundation จะช่วยเตรียมความพร้อม และรับประกันว่าสามารถเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เมื่อผ่านหลักสูตร Foundation ในระดับที่กำหนด สามารถเข้าเรียนตรงกับทางมหาวิทยาลัยได้เลย
  • ได้ปรับปรุงทักษะภาษาอังกฤษให้พร้อมสำหรับการเรียนระดับปริญญาตรี พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้ตรงจุด สำหรับการเรียนต่อมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ รวมถึงปรับปรุงทักษะการสื่อสารในชีวิตประจำวันด้วย เช่น ปรับปรุงการเขียนเชิงวิชาการ การอ่านบทความเชิงวิชาการ และการอภิปราย
  • เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก็สามารถเข้าเรียนได้ ไม่จำเป็นต้องเรียนจบ ม.6 ทำให้สามารถเรียนจบปริญญาตรีเร็วขึ้นอีก 1 ปี ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย
  • ได้รับทักษะการเตรียมความพร้อมสำหรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในสาขาที่ต้องการ พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ทักษะทางวิชาการเฉพาะทางในสาขาวิชาที่วางแผนไว้ในระดับมหาวิทยาลัย ผู้ที่เรียนหลักสูตร Foundation จะมีความพร้อมในการเข้าเรียนมากกว่าผู้ที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยโดยตรง เช่น น้อง A สนใจเรียนหลักสูตรเกี่ยวกับ Fashion Design ก็จะได้เรียนเกี่ยวกับวิชาในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบด้วย ควบคู่ไปกับการเรียนภาษาอังกฤษ ESL แบบเข้มข้น สำหรับการเรียนในมหาวิทยาลัย
  •  มีชั้นเรียนขนาดเล็ก ปรับตัวง่าย หลักสูตร Foundation ผู้เรียนสามารถปรับตัวได้อย่างง่าย ลด Culture Shock และอาจารย์ผู้สอนมีประสบการณ์การสอนชาวต่างชาติเป็นอย่างดี เข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรม และพร้อมให้คำปรึกษาทั้งด้านการเรียน และการใช้ชีวิตในต่างประเทศ
  • มีทุนการศึกษาให้ด้วยสำหรับนักเรียนไทย สำหรับหลักสูตร Foundation ด้วย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์เลย

หลักสูตร International Foundation เปิดสอนในทุกสาขาวิชาดังนี้

  • ศิลปะและการออบแบบ Art and Design
  • สถาปัตยกรรมศาสตร์ Building and Architecture
  • บริหารธุรกิจและการเงิน Business and Finance
  • คอมพิวเตอร์ Computing
  • การศึกษา Education
  • วิศวกรรมศาสตร์ Engineering
  • เกษตรกรและสิ่งแวดล้อม Environment and Agriculture
  • การท่องเที่ยวและการโรงเรียน Hospitality and Tourism
  • กฏหมาย Law
  • การตลาดและการผลิตสื่อ Marketing and Media
  • คณิตศาสตร์ Mathematics
  • ดนตรีและการแสดง Music and Performing Arts
  • วิทยาศาสตร์ และสุขภาพ Science and Health
  • สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ Social Science and Humanities

คุณสมบัติเบื้องต้นในการเข้าเรียนหลักสูตร International Foundation มีอะไรบ้าง?

  • อายุตั้งแต่ 16 ปี ขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับหลักสูตรและนโยบายของแต่ละสถาบันที่เลือก)
  • คุณสมบัติทางวิชาการ: ผู้เรียนต้องมีผลการศึกษาอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
    • สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ขึ้นไป ด้วยเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.5 – 3.0 หรือ
    • สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ขึ้นไป ด้วยเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.0 – 2.5 หรือ
    • สำเร็จการศึกษาหลักสูตรนานชาติ IGCSE หรือ
    • สำเร็จการศึกษาหลักสูตรนานาชาติ A Level (สำหรับนักเรียนที่คะแนนไม่ถึง ได้คะแนนน้อย หรือเรียนไม่จบ) หรือ
    • สำเร็จการศึกษาหลักสูตรนานาชาติ IB Program (สำหรับนักเรียนที่คะแนนไม่ถึง ได้คะแนนน้อย หรือเรียนไม่จบ) หรือ
    • สำเร็จการศึกษาหลักสูตรนานาชาติอื่นๆ เช่น NCEA (สำหรับนักเรียนที่คะแนนไม่ถึง ได้คะแนนน้อย หรือเรียนไม่จบ) ของประเทศนิวซีแลนด์
  • คุณสมบัติทางภาษาอังกฤษ: IELTS ขั้นต่ำ Overall 4.0 – 5.0 โดยทุกแบนด์ไม่ต่ำกว่า 4.0 (ขึ้นอยู่กับแต่ละโปรแกรม) ถ้าหากคะแนน IELTS ไม่ถึง ก็สามารถสมัครเรียนได้ แต่จะต้องเรียนหลักสูตร Pre-Sessional English ก่อนที่จะเรียนหลักสูตร International Foundation เพื่อปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษก่อน

หลักสูตร International Foundation เปิดรับสมัครเมื่อไหร่?

โดยปกติแล้ว ใน 1 ปี จะเปิด 2 – 3 เทอม คือ เทอมฤดูใบไม้ผลิ จะเปิดรับสมัครช่วงเดือนมกราคม เทอมฤดูร้อน จะเปิดรับสมัครช่วงเดือนพฤษภาคม และเทอมฤดูใบไม้ร่วงจะเปิดรับสมัครช่วงเดือนกันยายน โดย ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ แนะนำให้วางแผน เตรียมตัมก่อนล่วงหน้า 4 เดือน เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมตัวสมัครเรียน และยื่นวีซ่า ดังนี้

  • Spring ฤดูใบไม้ผลิ เปิดรับสมัครช่วงเดือนมกราคม 2021 ควรเตรียมตัวตั้งแต่เดือนกันยายน 2020
  • (บางหลักสูตร) Summer ฤดูร้อน เปิดรับสมัครช่วงเดือนพฤษภาคม 2021 ควรเตรียมตัวตั้งแต่เดือนมกราคม 2021
  • Autumn ฤดูใบไม้ร่วง เปิดรับสมัครช่วงเดือนกันยายน 2021 ควรเตรียมตัวตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2021

หลักสูตร International Foundation มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

ค่าใช้จ่ายในการเรียนหลักสูตร Foundation แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถาบัน และมหาวิทยาลัยที่รับรอง โดยส่วนใหญ่ จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 12,000 – 18,000 GBP ต่อปี (ประมาณ 504,000 – 756,000 บาท) ค่าใช้จ่ายนี้ ยังไม่รวมค่าที่พัก และค่าครองชีพในอังกฤษ

เรียนหลักสูตร International Foundation ต้องเข้าระบบ UCAS หรือไม่?

เมื่อสำเร็จการศึกษาหลักสูตร Foundation สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยได้เลยโดยไม่ต้องผ่านระบบ UCAS หากมีคะแนนตรงตามคุณสมบัติของทางมหาวิทยาลัยกำหนดแล้ว สามารถยื่นรับตรงได้เลยโดยไม่ต้องผ่านระบบ UCAS กรณีที่สถาบันที่เรียนเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับมหาวิทยาลัย เช่น Kaplan International Pathway, INTO หรือ StudyGroup นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตร Foundation ก็สามารถเข้าตรงกับหลักสูตรปริญญาตรี ของมหาวิทยาลัยได้เลย

นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าระบบ UCAS ได้ด้วย หากต้องการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอื่นๆ นอกเหนือที่เป็นพาร์ทเนอร์กับหน่วยงานการศึกษา หรือในกรณีที่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์รับตรงของมหาวิทยาลัย ก็สามารถนำคุณวุฒิ Foundation เข้าระบบ UCAS เพื่อเลือกมหาวิทยาลัยอื่นได้ด้วย

UCAS ย่อมาจาก Universities and Colleges Admission System เป็นระบบสมัครเรียนของประเทศอังกฤษ (เปรียบเทียบคล้ายๆ กับระบบ Admission) โดยผู้ที่สามารถเข้าระบบ UCAS ได้ จะต้องสำเร็จการศึกษาหลักสูตรนานาชาติ Cambridge A Level เมื่อสมัครเข้าระบบ UCAS ผู้สมัคร สามารถเลือกหลักสูตรที่ต้องการเลือกเรียนได้สูงสุด 5 หลักสูตร 5 มหาวิทยาลัย (ยกเว้นหลักสูตร แพทยศาสตร์, ทันตแพทย์ และสัตวแพทย์ สามารถเลือกได้แค่ 4 หลักสูตรเท่านั้น แล้วต้องเลือกสาขาอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอีก 1 หลักสูตร) สมัครผ่านระบบออนไลน์ และสามารถติดตามผลผ่านทางออนไลน์ได้ โดยไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจากประเทศไหนจะได้รับการพิจารณาที่เท่าเทียมกันตามกระบวนการและกฎระเบียบของ UCAS

ระหว่าง International Foundation กับ Cambridge A-Level มีความแตกต่างกันอย่างไร?

Cambridge A Level

A Level เป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ University of Cambridge คุณวุฒิเป็นที่ยอมรับทุกมหาวิทยาลัยในอังกฤษ รวมถึงอเมริกา และออสเตรเลีย และมหาวิทยาลัยทั่วโลก เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนเรียนมหาวิทยาลัยระดับโลก ที่ต้องใช้เกณฑ์การรับเข้าสูง เช่น Oxford University  University of Cambridge และมหาวิทยาลัยในเครือ Russell Group ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีผู้สมัครทั่วโลก มหาวิทยาลัยจึงมีสิทธิ์เลือกรับนักเรียนที่มีคุณสมบัติโดดเด่นจริงๆ โดยผ่านการคัดเลือกจากระบบ UCAS ซึ่งเป็นระบบ Admission กลางของ UK มีระบบตัดสินที่เป็นมาตรฐานเดียวทั่วโลก โดยใช้คะแนน A Level เป็นส่วนหนึ่งในการคัดนักศึกษาเข้ามหาวิทยาลัย

International Foundation

หลักสูตร International Foundation เป็นหลักสูตรปรับพื้นฐานสำหรับนักศึกษาไทยที่ไม่ได้เรียนจบในหลักสูตรนานาชาติ Cambridge A Level แต่อยากเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร หลักสูตรนี้เน้นการเรียนเฉพาะทาง คุณวุฒิได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักประมาณ 70 แห่ง ดังนั้น เส้นทางการศึกษาจะน้อยกว่าหากเปรียบเทียบกับ A Level แต่เป็นทางเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่มีเป้าหมายชัดเจน เรียนเฉพาะเจาะจงในหลักสูตรที่สนใจ เช่น Foundation in Business เน้นเรียนเกี่ยวกับสายธรุกิจเพื่อต่อยอดในการเรียนหลักสูตรปริญญาตรี BA in Business Management หรือ Medical Foundation เน้นเรียนเกี่ยวสายสุขภาพเพื่อต่อยอดในการเรียนหลักสูตรปริญญาตรีแพทย์ศาสตร์ นอกจากนี้ หลักสูตร Foundation บางหลักสูตร สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในเครือ Russell Group ได้ด้วย ซึ่งเป็นกลุ่มมหาวิทยาลัย 20 อันดับต้นๆ ของประเทศอังกฤษ

คลิก เพื่อดูรายชื่อมหาวิทยาลัยในเครือ Russel Group
  • มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม (University of Birmingham)
  • มหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol)
  • มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge)
  • มหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff University)
  • มหาวิทยาลัยเดอรัม (University of Durham)
  • มหาวิทยาลัยเอดินบะระ (University of Edinburgh)
  • มหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ (University of Exeter)
  • มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ (University of Glasgow)
  • อิมพีเรียลคอลเลจ ลอนดอน (Imperial College London)
  • ราชวิทยาลัยแห่งลอนดอน (King’s College London)
  • มหาวิทยาลัยลีดส์ (University of Leeds)
  • มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล (University of Liverpool)
  • วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (LSE – London School of Economics and Political Science)
  • มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (University of Manchester)
  • มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล (University of Newcastle upon Tyne)
  • มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม (University of Nottingham)
  • มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (University of Oxford)
  • ควีนแมรี มหาวิทยาลัยลอนดอน (Queen Mary University of London)
  • ควีนส์ยูนิเวอร์ซิตีเบลฟาสท์ (Queen’s University Belfast)
  • มหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ (University of Sheffield)
  • มหาวิทยาลัยเซาท์แฮมป์ตัน (University of Southampton)
  • มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (UCL – University College London)
  • มหาวิทยาลัยวอริก (University of Warwick)
  • มหาวิทยาลัยยอร์ก (University of York)

เปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง A Level และ Foundation

A Level Programme 3.jpg

ตัวอย่างเส้นทางการเข้าเรียนปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ

นาย A สำเร็จการศึกษาระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 หลักสูตรปกติ

  • ตัดสินใจเข้าเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ
  • เด็กชาย A ไม่สามารถยื่นเข้า UCAS ได้ ต้องเรียนหลักสูตร Foundation ก่อน
  • ข้อดีคือ ค่าใช้จ่ายในการเรียน Foundation ถูกกว่าการเรียน College ที่ประเทศอังกฤษ และ เมื่อสำเร็จหลักสูตร Foundation นาย A สามารถใช้ผลคะแนนเข้าเรียนกับมหาวิทยาลัยที่เป็นพาร์ทเนอร์ได้เลย หรือสามารถใช้ผลคะแนน Foundation เข้าระบบ UCAS ได้ด้วย

ตัวอย่างที่ 1-1.jpg

นางสาว B สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนานาชาติ หลักสูตรนานาชาติ Cambridge ระดับชั้น A Level (Year 13)

  • ตัดสินใจเข้าเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ
  • เด็กหญิง B สามารถยื่นเข้า UCAS ได้เลย 
  • ข้อดีคือ เด็กหญิง B สามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้ทุกแห่งของอังกฤษ และสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ ยังใช้ผลการเรียนยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และทั่วโลก ที่รับผลคะแนน A Level ได้ด้วย

ตัวอย่างที่ 2-1.jpg

นาย C สำเร็จการศึกษาระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 หลักสูตรปกติ

  • ตัดสินใจเข้าเรียนต่อปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ
  • นาย C ยังไม่สามารถยื่นเข้า UCAS ได้ ดังนั้น เด็กชาย C มีทางเลือก 2 ทาง คือ
    • เรียนหลักสูตร Foundation ก่อน ข้อดีคือ ใช้เวลาเรียน Foundation เพียง 1 ปี และสามารถเข้าเรียนปริญญาตรีได้เลย ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย และนาย C ยังสามารถจบเร็วกว่าเพื่อน 1 ปี (เนื่องจากนาย C ไม่ได้เรียนม.6)

ตัวอย่างที่ 3-1.jpg

    • เรียนต่อ College หรือ High School ที่ประเทศอังกฤษ โดยเลือกเรียนหลักสูตร A Level ระยะเวลา 2 ปี สามารถยื่นเข้า UCAS ได้เลย และสามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้ทุกแห่งของอังกฤษ และสหราชอาณาจักร แต่ข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายเรียนต่อ College ที่ประเทศอังกฤษมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และหากไม่มีประสบการณ์การเรียน Cambridge IGCSE มาก่อน การเข้าเรียน A Level ไม่ยาก แต่การบรรลุเป้าหมายในการเรียน อาจใช้ความพยายามสูงมาก

ตัวอย่างที่ 4-1.jpg

เรียนหลักสูตร International Foundation ที่ไหนดี?

มีสถาบันหลากหลายแห่งในสหราชอาณาจักร ที่เปิดสอนหลักสูตร Foundation รวมถึงมหาวิทยาลัยบางแห่งด้วย โดยปกติแล้ว หลักสูตร Foundation จะแบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้

1. หลักสูตร Foundation ของมหาวิทยาลัย (University)

มหาวิทยาลัยบางแห่ง เปิดสอนหลักสูตร Foundation ด้วย และสามารถเข้าเรียนตรงกับมหาวิทยาลัยได้เลย หากมีคะแนนตรงตามเกณฑ์ข้อกำหนด ไม่จำเป็นต้องสมัคร UCAS นอกจากนี้ การเลือกเรียนหลักสูตร Foundation กับมหาวิทยาลัย เป็นเหมือนการทดลองใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยนั้นด้วย ผู้เรียนจะได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างของมหาวิทยาลัย เช่น ห้องสมุด สนามกีฬา โรงยิม ศูนย์อาหาร หอพักนักศึกษา และอื่นๆ อีกมากมาย

หลักสูตร Foundation ของมหาวิทยาลัย St Mary’s University Twickenham London

หลักสูตร Foundation ของมหาวิทยาลัย St Mary’s University Twickenham London

St Mary’s University Twickenham London (SMUTL) ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1850 เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของอังกฤษ วิทยาเขตหลักตั้งอยู่บนถนน Waldegrave ใน Twickenham ภายในบริเวณ Strawberry Hill House เปิดสอนหลักสูตร

หลักสูตร Foundation ที่เปิดสอน

  • University Foundation in Business (1 semester) ค่าใช้จ่าย £8,380
  • University Foundation in Business ค่าใช้จ่าย £12,690
  • University Foundation in Creative Media & Humanities ค่าใช้จ่าย £12,690
  • University Foundation in Law ค่าใช้จ่าย £12,690
  • University Foundation in Education & Social Science ค่าใช้จ่าย £12,690
  • University Foundation in Science & Health ค่าใช้จ่าย £12,690
  • University Foundation Sport & Exercise Science ค่าใช้จ่าย £12,690
  • First Year in Business, Management & Marketing ค่าใช้จ่าย £11,990
  • First Year in Creative Media & Humanities ค่าใช้จ่าย £13,190
  • First Year in Science & Health ค่าใช้จ่าย £13,190
  • First Year in Sport & Exercise Sciences ค่าใช้จ่าย £13,190
  • Pre-master’s General (1 semester) ค่าใช้จ่าย £9,220
  • Pre-master’s in Business & Management (2 semesters) ค่าใช้จ่าย £12,440

หลักสูตร Foundation ของมหาวิทยาลัย University of the Creative Arts

หลักสูตร Foundation ของมหาวิทยาลัย University of the Creative Arts

University for the Creative Arts International College (UCAIC)  มหาวิทยาลัยที่โดดเด่นทางด้านศิลปะ และการออกแบบ วิทยาเขตหลักตั้งอยู่ที่ Epsom และได้ขยายวิทยาเขตไปยัง Canterbury, Farnham และ Rochester ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งมายาวนานกว่า 160 ปี เปิดสอนหลักสูตรศิลปะที่หลากหลายแขนง เช่น Animation, Computing & Games, Architecture & Interior Design, Business, Crafts, Jewellery & 3D Design, Creative Education, Fashion & Textiles, Film & TV, Fine Art, Graphic Design, Advertising & Illustration, Marketing, Promotion & Management, Media & Journalism, Music, Performing Arts, Photography

มหาวิทยาลัย UCAIC ได้รับขนานนามให้เป็นมหาวิทยาลัยทันสมัย Modern University จากการจัดนิตยสาร Times and Sunday Times Good University Guide in 2019 ได้รับรางวัลหลากหลายแขนงมากมาย รวมถึง เคยได้รับรางวัลออสการ์ ในสาขาภาพยนตร์อนิเมชั่นอีกด้วย

หลักสูตร Foundation ที่เปิดสอน

  • UCAIC Foundation in Business for the Creative Industries (1 เทอม) ค่าใช้จ่าย £9,250
  • UCAIC Foundation in Business for the Creative Industries ค่าใช้จ่าย £14,800
  • UCAIC Foundation in in Art, Design & Media ค่าใช้จ่าย £14,800
  • UCAIC Postgraduate Year 0 in Art, Design & Media ค่าใช้จ่าย £14,800
  • UCAIC Postgraduate Year 0 in Business (1 semester) ค่าใช้จ่าย £9,250
  • UCAIC Postgraduate Year 0 in Business ค่าใช้จ่าย £14,800

หลักสูตร Foundation ของมหาวิทยาลัย University of Worcester

หลักสูตร Foundation ของมหาวิทยาลัย University of Worcester

University of Worcester เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยสาธารณะตั้งอยู่ที่เมือง Worcester ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1946 ปัจจุบันได้ขยายวิทยาเขตออกเป็น 4 แห่ง ทุกแห่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม เพื่อให้นักศึกษาทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี  นอกจากนี้ มหาวิทยาลัย University of Worcester ยังเป็นมหาวิทยาลัยในอังกฤษที่บัณฑิตได้รับการจ้างงานมากถึง 97% และนักศึกษามีความพึงพอใจสูงถึง 100%

หลักสูตร Foundation ที่เปิดสอน

  • University Foundation in Accountancy, Business & Marketing (1 เทอม) ค่าใช้จ่าย £8,070
  • University Foundation in Accountancy, Business & Marketing ค่าใช้จ่าย £12,240
  • University Foundation in Art, Design & Creative Media ค่าใช้จ่าย £12,240
  • University Foundation in Law ค่าใช้จ่าย £12,240
  • University Foundation in Social Science ค่าใช้จ่าย £12,240
  • University Foundation in Science & Health ค่าใช้จ่าย £12,240
  • University Foundation in Sport & Exercise Science ค่าใช้จ่าย £12,240
  • First Year in Accountancy, Business & Marketing ค่าใช้จ่าย £11,990
  • First Year in Art, Design & Creative Media ค่าใช้จ่าย £13,190
  • First Year in Science & Health ค่าใช้จ่าย £13,190
  • First Year in Sport & Exercise Science ค่าใช้จ่าย £13,190
  • Pre-master’s general (1 semester) ค่าใช้จ่าย £8,610
  • Pre-master’s in Business (2 semesters) ค่าใช้จ่าย £11,620

หลักสูตร Foundation ของมหาวิทยาลัย University of Bedfordshore

หลักสูตร Foundation ของมหาวิทยาลัย University of Bedfordshire

University of Bedfordshire มีวิทยาเขตหลักสองแห่งใน Luton และ Bedford และได้ขยายวิทยาเขตไปยังเมือง Aylesbury, Milton Keynes, London และ Birmingham เป็นมหาวิทยาลัยน้องใหม่ ที่ติดอันดับ Top 250 มหาวิทยาลัยระดับโลก จากการจัดอันดับของนิตยสาร Times Higher Education อัตราการจ้างงานบัณฑิตหลักเรียนจบสูงมากถึง 92% สิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย อาจารย์มืออาชีพ

หลักสูตร Foundation ที่เปิดสอน

  • UBIC Foundation in Business ค่าใช้จ่าย £12,650
  • UBIC Foundation in Engineering ค่าใช้จ่าย £12,650

2. หลักสูตร Foundation ของหน่วยงานการศึกษา (Education Provider)

หน่วยงานการศึกษา ทำหน้าที่จัดหานักเรียนต่างชาติ ให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ได้ทำสัญญาร่วมกัน (University Partnership) โดยข้อดีของการเรียนกับหน่วยงานการศึกษาคือ ผู้เรียนมีโอกาสได้เลือกมหาวิทยาลัยหลายแห่ง บางหน่วยงาน เป็นพาร์ทเนอร์กับมหาวิทยาลัยในเครือ Russell Group ด้วย

หลักสูตร Foundation ของสถาบัน Kaplan International Pathway

หลักสูตร Foundation ของสถาบัน Kaplan International Pathway

Kaplan International Pathway หน่วยงานด้านการศึกษา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1938 เป็นผู้นำด้านการศึกษาระดับโลก มีทางเลือกด้านการศึกษาที่หลากหลาย โดยเน้นการเตรียมความพร้อมให้เข้าเรียนต่อในระดับปริญญา ร่วมมือกับ 40 มหาวิทยาลัยทั่วโลก สนับสนุนให้นักเรียนได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยกว่า 20,000 คนในแต่ละปี เป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย

Kaplan International Pathway เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับมหาวิทยาลัยที่อยู่ในกลุ่ม Russell Group ด้วย คือ มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม (University of Birmingham) มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ (University of Manchester) มหาวิทยาลัยบริสตอล (University of Bristol) มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ (University of Glasgow) มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล (University of Liverpool) มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม (University of Nottingham) และ มหาวิทยาลัยยอร์ก (University of York)

รายชื่อมหาวิทยาลัย และหลักสูตร Foundation ที่เปิดสอน

-1

หลักสูตร Foundation ของสถาบัน INTO

หลักสูตร Foundation ของสถาบัน INTO

INTO หน่วยงานการศึกษาชั้นนำระดับโลกอีกแห่งหนึ่งที่ เปิดสอนหลักสูตร Foundation ที่หลากหลาย ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกมากมาย ทั้งในประเทศอังกฤษ ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน สร้างโปรแกรมที่เป็นเอกลักษณ์ พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ และทักษะทางวิชาการเฉพาะด้านควบคู่กันไป เพื่อเตรียมความพร้อมให้ประสบความสำเร็จในการเรียนระดับปริญญา

ในประเทศอังกฤษ INTO ยังเป็นหน่วยงานด้านการศึกษาชั้นนำ ที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายแห่ง และ มหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ (University of Exeter) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Russell Group ด้วย

รายชื่อมหาวิทยาลัย และหลักสูตร Foundation ที่เปิดสอน

INTO

 

หน่วยงานการศึกษาอื่นๆ ที่เปิดสอนหลักสูตร Foundation

3. หลักสูตร Foundation ของวิทยาลัยเอกชน College

วิทยาลัยเอกชน College ของประเทศอังกฤษ โดยปกติแล้ว จะเปิดสอนหลักสูตร International Cambridge IGCSE A Level และ IB Program นอกจากนี้ ยังเปิดสอนหลักสูตร Foundation ด้วย ข้อดีของการเรียน Foundation กับวิทยาลัยเอกชนคือ ผู้สอนให้ความดูแลเอาใจใส่อย่างดีมาก ให้คำแนะนำทั้งด้านวิชาการ และการใช้ชีวิต วิทยาลัยบางแห่งมีหอพักนักศึกษาให้ด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม เทียบเท่ากับการเรียนโรงเรียนนานาชาติ High School ในประเทศอังกฤษ เมื่อสำเร็จการศึกษา ผู้เรียนมีโอกาสได้เลือกมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับวิทยาลัยเอกชน บางหน่วยงาน ซึ่งวิทยาลัยเอกชนบางแห่งเป็นพาร์ทเนอร์กับมหาวิทยาลัยในเครือ Russell Group ด้วย

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่อหลักสูตร International Foundation Programme หลักสูตรแต่ละแบบ ก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ดังนั้น หลักสูตร Foundation ก็อาจไม่ได้ตอบโจทย์สำหรับน้องๆ บางคน ดังนั้น ควรเลือกให้ตรงกับความต้องการ และวัตถุประสงค์ของเรามากที่สุด ถ้าหากต้องการคำแนะนำ หรืออยากปรึกษาเพิ่มเติมอย่างละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลจากทาง ศูนย์ฯ เดอะเบสท์ได้เลยค่ะ


ติดต่อเดอะเบสท์เพื่อสอบถามข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม

เดอะเบสท์ เป็นศูนย์บริการให้คำปรึกษาเรียนต่อต่างประเทศครบวงจร เราเป็นตัวแทนที่ให้บริการแนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และ ประเทศอื่นๆ อีก 25 ประเทศทั่วโลก เรายินดีให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มสมัครเรียน จนสำเร็จการศึกษา รวมถึงดูแลนักเรียนระหว่างเรียนจนนักเรียนเรียนจบด้วยทีมผู้เชียวชาญในด้านการเรียนต่อต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ขั้นตอนเหล่านี้เราดำเนินการให้ฟรี และเราพร้อมที่จะทำตามคุณภาพ และมาตรฐานดังสโลแกนที่ว่า “We are Quality”

บริการของเรามีอะไรบ้าง ?

  • ฟรี!! บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศทุกระดับชั้นทั่วโลก ตั้งแต่ โรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยม สถาบันวิชาชีพ และสถาบันในระดับอุดมศึกษา รวมถึงหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และเลือกสถาบันที่ดีที่สุดให้กับผู้เรียน
  • เราให้ความช่วยเหลือตั้งแต่การประสานงานโรงเรียน เลือกโรงเรียนให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้เรียน เตรียมเอกสารสมัครเรียน และดำเนินเรื่องสมัครเรียนให้ฟรี
  • บริการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าครบวงจร และบริการยื่นวีซ่ากว่า 25 ประเทศทั่วโลก พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าอย่างตรงจุด และแนะนำวิธีการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์วีซ่า 
  • บริการแปลเอกสาร ภาษาไทย – ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษ – ภาษาไทย รวมถึงภาษาที่ 3 เริ่มต้นเพียงแผ่นละ 200 บาท
  • เดอะเบสท์ เป็นตัวแทนรับสมัครสอบ IELTS IDP อย่างเป็นทางการ พร้อมให้คำแนะนำ และนัดวันสอบให้โดยน้องๆ ไม่ต้องเสียเวลาสมัครเอง สมัครสอบได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
  • บริการซื้อประกันภัยการเดินทางและประกันสุขภาพนักเรียนต่างชาติ จากบริษัทประกันชั้นนำ MSIG, NIB, Allianz, Orbit และอื่นๆ
  • บริการจองตั๋วเครื่องบิน ทุกสายการบิน และประสานงานกับสถาบันเกี่ยวกับรถรับ – ส่ง สนามบิน
  • บริการจัดหาที่พักทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโฮมสเตย์ อพาร์ทเม้น หรือหอพักนักศึกษา จัดหาให้ตามความต้องการส่วนบุคคล

 

 

“เรายินดีที่จะดูแลนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นจนนักเรียนสำเร็จการศึกษา และทำให้การเรียนต่อของคุณเป็นเรื่องง่าย ” สอบถามข้อมูลการบริการเพิ่มเติมติดต่อ
โทร : 090-327 3558088-269 5099
Email :contact@thebest-edu.com
Line : @thebestedu หรือคลิกเพิ่มเพื่อนด้านล่างได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน

2 ความเห็น



Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.